ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : เร็วๆนี้ หลวงพ่อโสต สิริธมฺโม วัดสันติธรรมคีรี (เขาหินโค่ง) จันทบุรี งานบุญแบบเน้นๆ

(N)
หลวงพ่อโสต สิริธมฺโม หรือที่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายนิยมเรียกนามกันว่า ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม เดิมที่นั้นท่านมีนามว่า โสต นามสกุล เฉื่อยวิบูลย์ เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ ตรงกับวันแรม ๖ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะแม ณ บ้านเลขที่ ๕ หมู่ ๗ ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี บิดา คุณพ่อทวี เฉื่อยวิบูลย์ มารดา คุณแม่ซึ้ง ผ่องพัก เป็นครอบครัวที่ประกอบอาชีพหลักใน ทำไร่ทำสวน เกษตรกรรมตามประสาชาวบ้านแถบภาคตะวันออก มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน จำนวน ๗ คน ดังนี้
๑. นายไพโรจน์ เฉื่อยวิบูลย์
๒. นายโสต เฉื่อยวิบูลย์ (หลวงพ่อโสต หรือ ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม)
๓. นายสุรินทร์ เฉื่อยวิบูลย์
๔. นางสำรวน เฉื่อยวิบูลย์
๕. นางวรรณา เฉื่อยวิบูลย์
๖. นายไพรัตน์ เฉื่อยวิบูลย์
๗. นายอนันต์ เฉื่อยวิบูลย์

“เด็กคนนี้อนาคตจะเป็นหมอหรือเป็นพระเถระ” เป็นคำทำนายของหมอดูท่านหนึ่งสมัยเมื่อท่านเกิดมาดูโลกและถ่อยคำนี้คุณพ่อทวี เฉื่อยวิบูลย์ ได้กล่าวกับท่านไว้เมื่อครั้งท่านยังเป็นเด็กอยู่จึงได้มีใจปฏิพัทธ์ในพระพุทธศาสนาตั้งแต่นั้นมา โดยในช่วงชีวิตเยาว์วัยก็ใช้ชีวิตตามแบบเด็กทั่วไปในสังคมชนบท เมื่ออายุได้ ๗ ขวบ ก็ได้รับการศึกษาด้านการเรียนเขียนอ่านเบื้องต้นตามเกณฑ์ภาคบังคับในขณะนั้นจนสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนวัดสามผาน ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี (สมัยนั้นการเรียนจบเพียงแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ก็เป็นครูได้แล้ว) เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๖ อายุได้ ๑๗ ปีย่าง ๑๘ ปี ได้เข้ารับการบรรพชาเป็นสามเณร ณ พัทธสีมา วัดทุ่งเบญจา ตำบลท่าใหม่ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี โดยมีท่านพ่อพิศาลธรรมคุณ วัดใหม่บูรพา เป็นพระบรรพชาจารย์ เมื่ออยู่ครองสมณเพศสามเณรได้จำพรรษาที่วัดทุ่งเบญจา เพื่อศึกษาเล่าเรียนในทางพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรมบาลี และในพรรษาแรกก็สามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี ในสำนักเรียนวัดทุ่งเบญจา ต่อจากนั้นได้เข้าศึกษาเล่าเรียนในหลักพระอภิธัมมัตถสังคหะชั้นตรี หรือพระอภิธรรมชั้นตรี ในสำนักเรียนวัดคลองน้ำใส โดยอยู่ในการอุปถัมภ์ของพระอาจารย์หลี เจ้าอาวาสวัดคลองน้ำใส หรือวัดสุทธิวารี บ้านคลองน้ำใส ถนนพระยาตรัง ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี อันจะเห็นได้ว่าความรู้ในทางหลักพระพุทธศาสนา ทางธรรมของก็อยู่ขั้นดีพอสมควรแล้ว
ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม ด้วยการที่ท่านเป็นคนที่รู้สิ่งใดต้องรู้ลึกถึงแก่น ถ้ารู้ถึงแก่นแล้วจะทำสิ่งใดก็ไม่ยาก ท่านจึงศึกษาวิชาต่างๆเพิ่มเติมจากหลวงพ่อคง สุวณฺโณ วัดวังสรรพรส (ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๖-๒๕๑๘) โดยการฝากตัวเป็นอันเตวาสิกวิหาริกธรรม โดยในระหว่างนั้นท่านต้องเดินทางไป-กลับวัดวังสรรพรสและวัดทุ่งเบญจาเพื่อสอบเรียนไปด้วยอันจะได้ซึ่งความวิริยอุตสาหะของท่าน อย่างที่ทราบกันดี หลวงพ่อคง สุวณฺโณ วัดวังสรรพรสนั้นท่านรับการยกย่องให้เป็นเจ้าตำรับในสายวิชาเสือ หนุมาน พระขุนแผน กุมารทอง ที่เน้นหนักสรรพวิชามหาภูตรูป มหาภูตกสิณ วิชามหาธาตุ ที่ควบคุมดูแลในวัตถุอาถรรพ์ตามธรรมชาติ ดินศักดิ์สิทธิ์ ดินวิเศษ ว่านยาสมุนไพร ว่านมงคล ว่านวิเศษ ๑๐๘ ไม้มงคลทั้ง ๓๒ แร่ทนสิทธิ์ กายสิทธิ์ โลหะธาตุวิเศษ ตามสูตรที่นำมาจัดสร้างเป็นเนื้อหามวลสารส่วนผสมต่างๆ ซึ่งเป็นพระเถรานุเถระที่มีชื่อเสียงและเป็นพระอาจารย์ที่คอยเพียรวิชา เช่น พระอักขระคาถาขอม ปฐมบท สระพยัญชนะ ยันตรศาสตร์ในการขีดลากเส้นสายลายยันต์ เป็นขั้นปฐมก่อนแล้วจึงเรียนวิชาขั้นสูงต่อยอดอันได้แก่ การลบผงผสมว่านวิเศษ การลงถมกลบองค์ยันต์ การสักเสกเดินเข็มแทงหมึก การปลุกเสกเพิ่มอิทธิคุณวิเศษให้แก่วัตถุมงคลแบบต่างๆ ควบคู่กับการฝึกฝนพระกรรมฐานอันเป็นคุณในการส่งเสริมให้สรรพวิชาการในตำรับตำราโบราณมีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ได้ตามที่ตั้งอธิษฐานจิตบริกรรมภาวนาในทางวิกุพพนาฤทธิ์ทั้งจำกัดและทั้งไม่จำกัด ยังจะส่งผลให้พระพุทธคุณมีทั้งอิทธิฤทธิ์และบารมีธรรมแก่วัตถุนั้นๆ โดยเรียนรู้จนเข้าใจถึงแก่นแท้สรรพวิชา

ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๑๗ – ๒๕๑๘ ได้ศึกษาเล่าเรียนการสัก เสก เลข ยันต์ กับพระอาจารย์พ่อจุ่ย วัดทุ่งเบญจา สุดยอดพระเกจิคณาจารย์ในสมัยนั้นซึ่งเป็นสหธรรมิกกับเกจิหลายๆ ท่าน เช่น หลวงพ่อเป๋า อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งเบญจา หลวงพ่อจิ่ม วัดไผ่ล้อม หลวงพ่อย้อย วัดคลองขุด หลวงพ่อเปี๊ยก วัดวังเวียน และหลวงพ่อกล้วย วัดหมูดุด เป็นต้น และยังถ่ายทอดวิธีการจัดสร้างพระเครื่องเป็นพระพิมพ์แบบต่างๆ เช่น พระพิมพ์พระสมเด็จฯ พระพิมพ์พระขุนแผน พระพิมพ์พระปิดตา เป็นต้น เครื่องรางของขลัง การเรียกสูตรลงพระอักขระคาถาแผ่นโลหะสร้างเป็น ตะกรุดโทน ตะกรุดมหารูด ตะกรุดมหาปราบ ตะกรุดเมตตา เป็นต้น วิชาสีผึ้งเมตตามหาเสน่ห์ หุงด้วยเดโชธาตุ ในครั้งนั้น ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม ได้ช่วยเหลือหลวงพ่อจุ่ย บดตำโขลกผสมเนื้อหามวลสารส่วนผสมต่างๆ แบบโบราณที่นิยมใช้ กล้วยสุก น้ำผึ้ง น้ำอ้อย มาเป็นตัวประสานผงวิเศษ ว่านมงคลตามแบบโบราณ กดปั้มเป็นพระพิมพ์แบบต่างๆ เมื่อเสร็จแล้วได้นำไปตากแดดรับรังสีสุริยันจำแลง และได้มอบหมายให้ลูกศิษย์คนหนึ่งคอยเฝ้ามิให้ นก หนู หมู หมา มาลักขโมยกัดกินพระพิมพ์ ปรากฏมีสุนัขเกเรเจ้าถิ่นมาแอบกินพระพิมพ์ที่ตากไว้เสียหลายองค์ ลูกศิษย์คนนั้นกลัวว่าเมื่อหลวงพ่อจุ่ยทราบเรื่องจะตำหนิติเตียนในความไม่รอบคอบจึงเกิดการบันดาลโทสะเป็นอย่างยิ่งจึงคว้าเอาปืนแก๊ปยาวมาไล่ยิงสุนัขเกเรตัวนั้น แต่เหนี่ยวไกปืนอย่างไรก็ยิงไม่ออกเป็นเรื่องที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันมากในสมัยนั้น

ในช่วงแรกท่านพ่อโสตนั้นได้ช่วยพระอาจารย์จุ่ยสักยันต์ให้ลูกศิษย์ก็สักยันต์อักขระบ้างและช่วยท่านครอบครูบ้าง และการลงมนต์พระคาถาบรรจุในเลขยันต์นั้นพระอาจารย์จุ่ยก็ได้ถ่ายทอดให้กับท่านพ่อโสตจนหมดสิ้น ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๑๘ หลวงพ่อจุ่ย ได้ถึงกาลมรณภาพลง ก่อนจะมรณภาพท่านได้สั่งเสียให้มอบตำรับตำราโบราณในศาสตร์พุทธาคมให้แก่ท่านพ่อโสตทั้งหมดทั้งสิ้น ซึ่งต่อมานั้น ท่านพ่อโสต สิริธมฺโม ได้สืบทอดต่อช่วงในการสัก เสก เลข ยันต์ ให้แก่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายซึ่งก็นับราวสองพันกว่าคน เคยมีครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์อยากลองของประมาณว่า “หลวงพ่อท่านยังหนุ่มนักไม่รู้จะเหนียวจริงหรือเปล่า” แต่ครั้งเมื่อท่านลงหมึกเดินเข็มแล้วบรรจุพระคาถาตามแบบฉบับ หลวงพ่อคง และหลวงพ่อจุ่ย เสร็จก็หยิบดาบและหอกมาฟันและแทงต่อหน้าลูกศิษย์จำนวนมาก ปรากฏว่า มีดหรือหอกไม่ได้กินเข้าไปในเนื้อ จึงทำให้ชื่อเสียงของท่านพ่อโสตดังไปยังลูกศิษย์แล

โดยคุณ lek_devils (628)  [พ. 19 ส.ค. 2563 - 11:14 น.]



!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM