ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : สมเด็จ......เหนือหัว........



(D)
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9500000148481

และแล้วความจริงก็ปรากฏ

โดยคุณ พรวศิน (1.5K)  [อ. 18 ธ.ค. 2550 - 10:51 น.]



โดยคุณ พรวศิน (1.5K)  [อ. 18 ธ.ค. 2550 - 11:11 น.] #199235 (1/20)
http://blog.eduzones.com/blog/nuihappy/?content_id=1572

แถลงการณ์ สำนักพระราชวัง

โดยคุณ พรวศิน (1.5K)  [อ. 18 ธ.ค. 2550 - 11:18 น.] #199238 (2/20)
สั่งดีเอสไอ สอบส่อฉ้อโกง สมเด็จเหนือหัว จรัญ สงสัยผู้จัดสร้าง สำนักพระราชวังเตือน

ปลัด ยธ.สั่ง ดีเอสไอ-ป.ป.ง. ตรวจสอบการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว อาจเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน หลังสำนักพระราชวัง ระบุ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้าง ด้าน ดีเอสไอ จัดชุดสืบสวนเข้าหารือสำนักพระราชวัง รวบรวมข้อมูล และแบ่งทีมถกกรมการศาสนา ขอหลักฐานระเบียบการจัดสร้างวัตถุมงคล รวมถึงส่งชุดไปรวบรวมข้อมูลจากวัดสุทัศน์เทพวรารามวรมหาวิหาร และมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.50 นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักพระราชวัง ชี้แจงว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ที่มีการติดป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั่วกรุงเทพฯ โดยระบุว่า รายได้จากการจัดสร้าง จะนำเข้าสมทบทุนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ เพื่อจัดสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ พร้อมกับมีการนำตราพระมงกุฎประทับไว้หลังองค์พระ และแอบอ้างว่า ได้ใช้มวลสารจากดอกไม้พระราชทาน ว่า ได้สั่งการให้ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เข้าไปดูแลและตรวจสอบ ว่า มีการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ โดยตนกำชับให้เร่งเก็บข้อมูลให้เร็วที่สุดไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลาย เพราะหากมีการหลอกลวงประชาชน ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นศาสนา สถาบัน และประชาชน ที่ถูกฉ้อโกง

โดยในช่วงบ่าย (14 ธ.ค.) ดีเอสไอ ได้จัดชุดสืบสวนเข้าหารือกับสำนักพระราชวัง เพื่อรวบรวมข้อมูล และแบ่งทีมไปหารือกับกรมการศาสนา เพื่อขอหลักฐานเกี่ยวกับระเบียบในการจัดสร้างวัตถุมงคล รวมถึงส่งชุดไปรวบรวมข้อมูลจากวัดสุทัศน์เทพวรารามวรมหาวิหาร และมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์

พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่า กรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ของ ป.ป.ง.จึงถือเป็นคดีพิเศษ ที่ดีเอสไอสามารถเข้าสืบสวนรวบรวมหลักฐานได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการชี้แจงของสำนักพระราชวัง ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว เว็บไซต์หลายแห่งที่เปิดรับจองพระสมเด็จเหนือหัวได้ประกาศปิดการซื้อขายและการโฆษณาผ่านเว็บไซต์แล้ว โดยมีประชาชนผู้เสียหายที่เช่าพระสมเด็จเหนือหัวไปบูชา เข้ามาเขียนกระทู้ตำหนิผู้จัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว พร้อมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาดำเนินคดี ส่วนบรรยากาศในวัดสุทัศน์ฯ และมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดสุทัศน์ฯ ไม่มีการติดป้ายโฆษณาให้เช่าพระสมเด็จเหนือหัวแล้ว แต่ป้ายโฆษณายังคงมีปรากฏให้เห็นตามร้านค้าโดยรอบวัดสุทัศน์ฯและถนนหลายสายในเขตกรุงเทพฯ

รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น วัดสุทัศน์ฯ และมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ยืนยันว่า ถูกแอบอ้างชื่อไปใช้ในการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว โดยผู้จัดสร้างพระเคยบวชเป็นเณรที่วัดสุทัศน์ฯ แล้วสึกออกไป

สำหรับแผ่นพับโฆษณาพระสมเด็จเหนือหัว มีรายละเอียดเกี่ยวกับความสำคัญของมวลสารที่ใช้ผสมลงในองค์พระ โดยระบุว่า เป็นดอกไม้จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเป็นเครื่องบูชากัณฑ์เทศน์ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายบูรพกษัตราธิราช รวมทั้งพิธีการปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ พร้อมทั้งบรรยายวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ที่จะนำเงินไปสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้างอนุสรณ์ชิ้นสำคัญเป็นตำนานคู่ประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่ไม่ได้ระบุสถานที่จัดสร้าง โดยพระสมเด็จเหนือหัวจัดทำให้เช่าบูชา แบ่งเป็น 5 สี 5 ภาค ได้แก่ สีขาววัดระฆัง ภาคกลาง สีเขียวพระแก้ว ภาคอีสาน สีเหลือง ภาคเหนือ สีชมพูทิพย์ ภาคตะวันออก และสีน้ำทะเล ภาคใต้ โดยเปิดให้เช่าบูชาองค์ละ 999 บาท

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา สำนักพระราชวัง ออกชี้แจงถึงกรณีที่ขณะนี้มีกลุ่มแอบอ้างจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว และมีการระบุว่า รายได้จากการจัดสร้างจะนำเข้าสมทบทุนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ เพื่อจัดโครงการสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ พร้อมกับมีการนำตราพระมงกุฎประทับไว้หลังองค์พระ ทั้งนี้ การจัดสร้างดังกล่าว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับทางสำนักพระราชวังแต่อย่างใด

พร้อมกันนี้ เมื่อมีการตรวจสอบไปยังมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปรากฏว่า ทางมูลนิธิไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้าง และการที่ผู้จัดสร้างนำตราพระมงกุฎไปประทับหลังองค์พระนั้น ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะไม่มีการขอพระราชทานอนุญาต จากทางสำนักพระราชวัง

ขณะที่มวลสารในการจัดสร้างที่มีการอ้างว่า เป็นดอกไม้พระราชทานนั้น ทางสำนักพระราชวังได้ชี้แจงว่า ตั้งแต่มีการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ปรากฏว่า ทางผู้จัดสร้างไม่เคยขอพระราชทานดอกไม้เพื่อนำไปใช้เป็นมวลสาร เรื่องที่เกิดขึ้นจึงเป็นการแอบอ้างและทำให้ประชาชนเข้าใจผิด

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบถึงขั้นตอนการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ปรากฏว่า ไม่มีการระบุผู้จัดสร้างที่ชัดเจน ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดว่า พระสมเด็จเหนือหัวเกี่ยวข้องกับทางสำนักพระราชวัง และทำให้เกิดความเสียหายกับทางสำนักพระราชวังเป็นอย่างมาก



โดยคุณ พรวศิน (1.5K)  [อ. 18 ธ.ค. 2550 - 11:20 น.] #199239 (3/20)
******เตือนอย่ารีบจอง พระ สมเด็จเหนือหัว รอดูว่าฉ้อโกงหรือไม่? *******


ข่าว รายงานกรณีที่สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้าง พระ สมเด็จเหนือหัว หลังมีโฆษณาว่าจะนำรายได้การจัดสร้าง สมเด็จเหนือหัว สร้างอุโบสถสองกษัตริย์ และการสร้าง สมเด็จเหนือหัว ยังไม่ได้ขออนุญาตจากสำนักพระราชวัง ด้านดีเอสไอจะตรวจสอบว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่




กรณีสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว หลังมีโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ โดยผู้จัดสร้างระบุว่า รายได้ครั้งนี้จะนำสมทบทุนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อจัดสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้าตรวจสอบพร้อมนัดผู้จัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัวนำเอกสารเข้าชี้แจงในวันจันทร์ที่ 17 ธ.ค.นี้ ก่อนประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการต่อ

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เหตุผลในการตรวจสอบการจัดสร้างพระครั้งนี้ อยากดูให้แน่ใจว่าทำถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกต้องก็จบ แต่ถ้าไม่ถูก ต้องคงต้องเข้าไปดูแล เพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประชาชนนั้น คนที่ยังไม่ได้จองหรือไม่ได้จ่ายเงินก็ไม่ควรรีบร้อน ช้าบ้างคงไม่เป็นไร ให้รอผลการตรวจสอบที่จะได้ข้อสรุปในเร็วนี้

นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหลายหน่วยงาน เบื้องต้นรับฟังได้ว่า การสร้างพระครั้งนี้ไม่ได้ขออนุญาตจากสำนักพระราชวัง ต้องตรวจสอบว่าเป็นการกระทำเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ ถ้าเป็นการฉ้อโกงประชาชน จะเป็นความผิดฐานฟอกเงินอีกคดี และอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะสนับสนุนสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างใกล้ชิดในการตรวจสอบ ส่วนประชาชนที่ได้จองพระดังกล่าว ไม่ควรตื่นตระหนก รัฐจะดูแลไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน คาดว่าวันจันทร์นี้ทุกอย่างจะคลี่คลาย

พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการ อยู่ในขั้นตอนสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง หากไม่เข้าข่ายความผิดที่ดีเอสไอ สามารถดำเนินการได้ ตอนนี้ทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมที่จะรับมาตรวจสอบ

นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า ได้รับทราบจากผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม เกี่ยวกับการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ว่า พระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ ประธานมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ได้ลงชื่ออนุญาตให้มีการจัดสร้างอุโบสถสองกษัตริย์จริง แต่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องสถานที่ที่จะสร้างโบสถ์ว่า จะอยู่ที่ใด ใช้งบประมาณเท่าไหร่ เพราะโบสถ์ที่วัดสุทัศน์ ก็มีอยู่แล้ว

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาเรื่องการทำบุญ สร้างโบสถ์ถวายกษัตริย์ จำเป็นจะต้องกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเบื้องสูงก่อนดำเนินการ แต่ในเรื่องนี้ไม่มีความชัดเจน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะเข้าไปดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนและข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ด้วย

ขณะที่นายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด ผู้ถูกระบุเป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ปฏิเสธให้สัมภาษณ์โดยระบุว่า ขอให้รอฟังข้อเท็จจริงทั้งหมดจากพระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม ในฐานะประธานมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ซึ่งจะเดินทางกลับจากประเทศจีนในวันที่ 20 ธ.ค.นี้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- สำนักพระราชวัง แจงถูกแอบอ้างสร้าง สมเด็จเหนือหัว





โดยคุณ พรวศิน (1.5K)  [อ. 18 ธ.ค. 2550 - 11:25 น.] #199241 (4/20)
"ดีเอสไอ-ปปง."ร่วมตรวจสอบสร้างพระรุ่นดัง


“ดีเอสไอ-ปปง.” จับมือร่วมกันตรวจสอบการจัดสร้าง “สมเด็จเหนือหัว” รอข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักพระราชวัง แต่ถ้าพบเข้าข่ายความผิดคดีฉ้อโกงประชาชน ทางดีเอสไอสามารถเดินเครื่องรวบรวมหลักฐานเล่นงานได้เองทันที ขณะที่ “ผอ.สำนักพุทธฯ” ยืนยันยังไม่ได้รับรายงานการจัดสร้างวัตถุมงคลชุดนี้ ล่าสุดยังไม่มีผู้เสียหายร้องเรียนเข้ามาอย่างเป็นทางการ เผยส่อแววผิดระเบียบของมหาเถรสมาคม โฆษณาเชิญชวนในเชิงพาณิชย์

กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมเข้าไปตรวจสอบการจัดสร้างให้เช่าวัตถุมงคล “สมเด็จเหนือหัว” ที่เปิดสั่งจองมีทั้งหมด 5 สี ตามที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศและธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง ราคาองค์ละ 999 บาท โดยผู้จัดสร้างระบุว่าจะนำรายได้สมทบทุนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปรากฏว่าทางสำนักพระราชวังออกมาชี้แจงไม่ได้เกี่ยวข้องในการจัดสร้างดังกล่าวแต่อย่างใด ทางดีเอสไอจึงเตรียมเข้าไปตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเพราะสงสัย อาจเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ กล่าวว่า ในช่วงนี้ทางดีเอสไอคงต้องรอการรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ จากทางสำนักพระราชวังเสียก่อน ดังนั้นเบื้องต้นนั้นยังคงทำอะไรไม่ได้ แค่รอตรวจสอบข้อมูล พร้อมจะประสานงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เนื่องจากหากกรณีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงินของ ปปง. ก็จะถือเป็นคดีพิเศษที่ทางดีเอสไอสามารถเข้าสืบสวนรวบรวมหลักฐานได้ทันที

ด้านนางจุฬารัตน์ บุณยากร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครร้องเรียนเรื่องการจัดสร้างวัตถุมงคล “สมเด็จเหนือหัว” เข้ามายังพศ. ที่สำคัญยังไม่มีใครได้แจ้งเรื่องการจัดสร้างวัตถุมงคลชุดนี้มายัง พศ.อีกด้วย ส่วนรายละเอียดของเรื่องนี้ตนยังไม่มีข้อมูล คงจะต้องขอเวลาศึกษาที่มาที่ไปของเรื่องนี้ให้ละเอียดชัดเจนเสียก่อนจึงจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับทางสื่อมวลชนได้มากกว่านี้

ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รอง ผอ.พศ. กล่าวว่า ตามระเบียบของมหาเถรสมาคม (มส.) ได้มีการกำหนดไว้ชัดเจนว่า การจัดสร้างพระเครื่องห้ามทำในเชิงพาณิชย์ ซึ่งการจัดสร้าง “สมเด็จเหนือหัว” พบว่ามีการโฆษณาอย่างใหญ่โตทางหน้าหนังสือพิมพ์หรือสื่อต่าง ๆ ลักษณะเป็นการเชิญชวนในเชิงพาณิชย์ ก็เข้าข่ายผิดระเบียบของ มส. ได้ และการที่ผู้จัดสร้างนำ “พระมหาพิชัยมงกุฎ” ซึ่งเป็นตราประจำรัชกาลที่ 4 มาจัดพิมพ์ลงในพระสมเด็จเหนือหัว รวมทั้งยังมีการอ้างถึงรายได้ที่จะนำมาจัดสร้างพระอุโบสถ ถวายพระมหากษัตริย์ โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และเป็นเรื่องที่ทางสำนักพระราชวังเข้มงวดอยู่แล้ว

“ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจะยึด ตามระเบียบของ มส. เกี่ยวกับการสร้างพระเครื่อง พร้อมทั้งจะติดตามกับทางสำนักเลขานุการมหาเถรสมาคมว่า ขณะนี้ได้มีเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเข้ามาอย่างเป็นทางการแล้วหรือไม่” รอง ผอ.พศ. กล่าวทิ้งท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการศาสนา ถึงการร้องเรียนเกี่ยวกับการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัวก็ได้รับคำตอบว่า ยังไม่มีการร้องเรียนเข้ามายังกรมการศาสนา แต่อย่างใด ส่วนบรรยากาศที่มูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารคุวานันท์ ด้านหลังวัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร ย่านเสาชิงช้า ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบพบว่า มีเจ้าหน้าที่เข้าเวรทำงาน อยู่ที่มูลนิธิฯ คนเดียวยังไม่สามารถให้ข้อมูลรายละเอียดตามที่เป็นข่าวได้ อ้างว่าต้องรอให้ผู้ใหญ่ซึ่งเดินทางไปต่างประเทศจะกลับมาถึงเมืองไทยวันที่ 20 ธ.ค. นี้ เป็นผู้ให้สัมภาษณ์.




โดยคุณ พรวศิน (1.5K)  [อ. 18 ธ.ค. 2550 - 11:30 น.] #199246 (5/20)
(((............จรัญ” ชี้ช่องผู้เช่า “สมเด็จเหนือหัว” เรียกเงินคืนได้!!.........)))))




วัน นี้ (17 ธ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัวว่า ในทางกฎหมายข้อสัญญามีช่องทางบอกไว้ว่า ผู้ทำสัญญาซื้อขายหากทำโดยสำคัญผิดในสาระสำคัญของพฤติกรรมนั้นทำให้ข้อ สัญญานั้นเป็นโมฆียะที่จะสามารถถูกบอกล้างได้ และหากเข้าขั้นถูกฉ้อฉลหลอกลวงให้หลงผิดก็มีสิทธิที่จะบอกล้างโมฆียกรรม นั้นได้เช่นกัน ดังนั้น ช่องทางของประชาชนที่ต้องการจะได้เงินจองคืน หรือผู้ที่ได้พระไปแล้วก็อาจทำได้โดยบอกล้างโมฆียกรรมหรือบอกเลิกสัญญา ซึ่งเป็นมาตรการตามกฎหมายแพ่ง แม้จะได้พระมาแล้วก็ตาม หากเป็นการทำสัญญาไปโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือทำนิติกรรมสัญญาโดยถูกฉ้อฉลให้เข้าใจผิดไปไม่ตรงกับความจริงก็เป็นเหตุ ทำให้นิติกรรมนั้นเป็นโมฆียะบอกล้างได้ และถ้าบอกล้างแล้วคู่กรณีก็ต้องกลับคืนสู่สถานะเดิม คือ ต้องส่งพระสมเด็จเหนือหัวที่ได้คืนไป และต้องเรียกเงินคืนได้

นายจรัญ กล่าวอีกว่า ธนาคารที่เป็นช่องทางรับจองพระสมเด็จเหนือหัว ทั้งธนาคารกรุงไทย นครหลวงไทย ธนาคารทหารไทย และบริษัทไปรษณีย์ไทย ควรต้องหารือกันเพื่อคืนเงินจองพระให้แก่ประชาชน เพราะทั้งธนาคาร และไปรษณีย์ ต่างก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นเพียงช่องทางหรือคนกลางที่ทำให้ติดต่อทำสัญญาเรื่องนี้ ดังนั้น ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ผิดเพี้ยนไป จากความเข้าใจเดิม ก็น่าจะหาทางออกให้เป็นธรรมกับทุกฝ่ายได้

นายจรัญ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ในเบื้องต้นยังไม่เข้าข้อกฎหมายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะมีอำนาจเข้าไปสืบสวนสอบสวนได้ หากจะเข้าข่ายความผิดที่ดีเอสไอเข้าไปทำคดีได้ ต้องเป็นการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนด แต่ถ้าเป็นการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา หรือเป็นเรื่องความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบได้ ก็ต้องมีการเริ่มต้นดำเนินคดีตามความผิดมูลฐานนั้นก่อนคือต้องมีการแจ้งความ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการเริ่มต้นดำเนินการในความผิดมูลฐาน ดีเอสไอจึงทำได้เพียงตรวจสอบข้อมูลทั่วไปไว้ก่อน กระบวนการที่ชัดเจนต้องมีคดีพื้นฐานก่อนปปง.จึงจะเข้าไปดำเนินการได้ ส่วนเรื่องการใช้พระมงกุฎไว้ด้านหลังพระสมเด็จเหนือหัว โดยมีการขอหรือไม่ขออนุญาตนั้นก็ยังไม่เข้าข่ายงานในรับผิดชอบของกระทรวง ยุติธรรม

นายจรัญยังกล่าวถึงกรณีที่ในปัจจุบันมีการ จัดสร้างพระเครื่องจำนวน มาก และนำสถาบันเบื้องสูงมาเกี่ยวข้องด้วยว่า ถ้าจัดสร้างพระเครื่องถูกต้องตรงไปตรงมา พอเหมาะพอดี เกิดประโยชน์แก่สาธารณะก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่เป็นปัญหาเพราะไม่ตรงไปตรงมา ทำให้ประโยชน์ที่ได้ไม่เท่าความเสื่อมเสียที่เกิดขึ้น

ด้านพ. อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)เปิดเผยในเรื่องเดียวกันว่า การติดป้ายโฆษณาโดยระบนุว่า รายได้จากการจัดสร้างจะนำเข้าสมทบทุนมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ เพื่อจัดสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ พร้อมกับมีการนำตราพระมงกุฎประทับไว้หลังองค์พระ และแอบอ้างว่าได้ใช้มวลสารจากดอกไม้พระราชทานที่สำนักพระราชวังได้ออกมาชี้ แจงแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้างนั้น เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ไปประสานงานกับเจ้าหน้าที่กองนิติการ สำนักราชเลขานุการ ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าทางสำนักราชเลขานุการ ยังไม่มีข้อยุติว่าจะให้หน่วยงานดีเอสไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ กรมการศาสนา เข้าไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เนื่องจากจะต้องนำข้อมูลที่ได้มารวบรวมทั้งหมดก่อน ทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฏหมาย มาประมวล และจะต้องนำ หารือกับผู้บังคับบัญชาเสียก่อน รวมทั้งจะเข้าหารือกับท่านคุณหญิงบุตรี วีระไวทยานนท์ รองราชเลขาธิการ เพื่อหาข้อสรุปว่าจะให้หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบในคดีดังกล่าว

“หากสำนักพระราชวังมีข้อสรุปให้ดีเอสไอเข้าไปดูแล ทางดีเอสไอก็พร้อมจะดำเนินการอย่างเต็มที่”

ผู้ สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ยังคงมีการโหมโฆษณาการเช่าบูชาพระสมเด็จเหนือหัวอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ต่างๆ รวมทั้งป้ายโฆษณาหน้าที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ และตามหน้าห้างร้านต่างๆ ซึ่งยังไม่มีการปลดลงแต่อย่างใด





ที่มา...... http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=534548998&Ntype=40

โดยคุณ smepyguz (442)(1)   [พ. 19 ธ.ค. 2550 - 10:05 น.] #199911 (6/20)
ซื้อร้านทองแม่ทองใบ งามวงศ์วาน คืนที่ร้านได้เปล่าครับ

โดยคุณ ls_pop008 (524)  [พ. 19 ธ.ค. 2550 - 15:03 น.] #200044 (7/20)
ทำไม (เสี่ย อ.) ตั้งบริษัทมาแล้ว ไม่คิดจะทำมาหากินอย่างอื่นเลยเนอะ เห็นสร้างพระออกมาหลายรุ่นแล้ว แต่ละรุ่นราคาค่อนข้างสูง ไม่รู้ว่าเอาเงินไปไหนนะครับ

โดยคุณ bwoody17 (622)  [ส. 22 ธ.ค. 2550 - 17:27 น.] #201398 (8/20)
รายได้สมทบทุนนีกร้องผู้ยากไร้ หึหึ งานนี้มีกรรมตามทันเร็วกว่าที่คิดนะครับ นรกกินกบาลแน่

โดยคุณ เอบ้านกร่ำ (758)  [จ. 24 ธ.ค. 2550 - 01:43 น.] #202331 (9/20)
น่าจะนำรุ่นอื่นๆของเสี่ยอู๊ดมาดูด้วยเน๊อะ เพราะเห็นชื่อหมิ่เหม่เกือบทุกรุ่น ทำให้ชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่สับสน โดนไปตามๆกัน

โดยคุณ เสือน้อย8ริ้ว (778)(2)   [พ. 26 ธ.ค. 2550 - 13:36 น.] #203509 (10/20)

โดยคุณ jungjung (1.3K)  [อา. 30 ธ.ค. 2550 - 12:39 น.] #204824 (11/20)
ใครอยากได้เงินคืนไม่ต้องคืนที่ร้านหรอกครับ เอาพระไปที่ สน เลยครับ แจ้งความร้องทุกข์ว่าเข้าใจผิดจากการโฆษณา จะขอเงินคืน แจ้งไว้เป็นหลักฐานไว้ก่อนเลยครับ

โดยคุณ คนรักพระแท้189 (65)  [พ. 09 ม.ค. 2551 - 05:09 น.] #208977 (12/20)
ดีนะที่ผมไม่ได้จอง แต่เห็นเพื่อนผมบอกว่า คืนได้ที่ไปรษณีย์ครับ ใครที่จองลองติดต่อดูอีกทีครับ ผมไม่แน่ใจครับ อย่าว่ากันนะครับ

โดยคุณ wichian (612)  [ศ. 18 ม.ค. 2551 - 12:12 น.] #214187 (13/20)
เห็นตอนโฆษณาก็รู้แล้วเป็นของ เสี่ย อ. ผมว่าน่าจะโดนหนักๆ ไปเลย พระอะไรมีแต่ปูน แพงก็แพง ปั๊มเสร็จใหม่ๆ ก็องค์ละ 999 บาทแล้ว สร้างก็ไม่น้อย เห็นในข่าวไทยรัฐ โรงปั๊มบอกว่าปั๊มออกมาประมาณ 1 ล้านองค์ ( คิดเป็นเงินแล้ว 999 ล้านบาท ) ดูแล้วไม่หน้าเก็บเลยสู้ไปตามวัดบริจาก 100 - 200 บาท แล้วได้พระมาองค์ก็ไม่ได้ (ทำผิดเจตนาที่ตั้งไว้จึงเป็นพระที่สร้างไม่สำเร็จตามประสงค์) คงใช้คุ้มครองผู้แขวนไม่ได้แน่

โดยคุณ นิตย์หาดใหญ่ (4)  [อา. 20 ม.ค. 2551 - 01:41 น.] #214938 (14/20)
ดีนะค่ะ น้องก็ไม่ได้จอง

โดยคุณ coltcup (36)  [อ. 29 ม.ค. 2551 - 11:02 น.] #220647 (15/20)
โชคดีที่ไม่ได้จอง สังเกตุการโฆษณา อลังการงานสร้างไม่มีใคร แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบ นี่คือประเทศไทย

โดยคุณ pui_l (1.2K)  [พ. 20 ก.พ. 2551 - 10:00 น.] #235656 (16/20)
ซวยอิบอ๋ายเลย ไปเอามา ตั้ง 1 องค์ คนต่อจากเราซิ ชุดใหญ่ บอกว่าจะเก็บให้ลูกหลาน สงสารตัวเอง ใครที่มันเจตนาหากินบนความศรัทธา และความรักต่อ พระพุทธ และพระมหากษัตริย์ ขอให้... เฮ้อ (อโหสิกรรมดีกว่า)

โดยคุณ saelim999 (2.4K)  [ส. 19 เม.ย. 2551 - 06:58 น.] #270439 (17/20)
เดี่ยวนี้มีพระไร้วัดเยอะไปหมดครับ หากินกันบนความศรัทธาและความเชื่อของคน ทำไปได้

โดยคุณ vasaka (1.1K)  [พฤ. 29 พ.ค. 2551 - 12:00 น.] #293632 (18/20)
มันเอาเงินไปตุ๋ยตูดครับ

โดยคุณ freethai (0)  [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 12:03 น.] #300371 (19/20)

โดยคุณ กรกรุงเก่า (203)  [พฤ. 03 ก.ค. 2551 - 12:43 น.] #312001 (20/20)
ก้อเริ่มรู้จักเสี่ยอู๊ดก็เพราะเข้ามาเล่น G-PRA เนี่ยแหละครับ ไม่งั้นคงโดนหลอกไปเรื่อย มันทำผิดเจตนาที่ตั้งไว้จึงเป็นพระที่สร้างไม่สำเร็จตามประสงค์ ตามที่พี่ WICHIAN ว่าไว้จริงๆ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM