ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ประวัติหลวงปู่สำเภา สุชาโตภิกขุ สำนักสงฆ์จอมดอยพนมเศษ บ้านพนมเศษ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์



(N)


ประวัติหลวงปู่สำเภา สุชาโตภิกขุ สำนักสงฆ์จอมดอยพนมเศษ บ้านพนมเศษ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์

ตามคำบอกเล่าชองลูกศิษย์หลวงปู่สำเภา สุชาโต เมื่อปี 2509 หลวงปู่ได้ธุดงค์มาตามหาเขาที่ท่านได้เห็นในนิมิต จนมาเจอเขาพนมเศษที่ถูกต้องตามนิมิต ท่านได้ขึ้นมาปฏิบัติกรรมฐานอยู่บนยอดเขา เป็นเวลา 2 ปี จนถึงปี 2511 ท่านก็ได้เริ่มพัฒนาปรับภูมิทัศน์ ญาติโยมได้ทำกระต๊อบหญ้าแฝก ถวายให้เป็นเสนาสนะแก่หลวงปู่ ในสมัยนั้นญาติโยมได้หาบน้ำมาถวายหลวงปู่ไว้ใช้ เพราะบนเขาไม่มีตาน้ำ

ส่วนสาเหตุที่หลวงปู่มาตามหาเขาในนิมิตก็เพราะท่านได้พระธาตุมาจำนวนหนึ่งท่านมีความประสงค์จะบรรจุในเจดีย์ เมื่อมาถึงภูเขาแห่งนี้ท่านก็ได้พบเจดีย์โบราณ รูปทรงดอกบัวบานเป็นที่น่าประหลาดใจ แล้วท่านก็พบรอยพระพุทธบาท ท่านจึงมีดำริจะสร้างเจดีย์องค์ใหญ่ครอบเพื่อที่จะนำพระธาตุบรรจุไว้เจดีย์ด้วย การก่อสร้างพระธาตุเจดีย์ท่านใช้เวลาถึง 8 ปี เนื่องจากเป็นการทำงานที่ลำบากมาก วัสดุทุกอย่างต้องใช้คนแบกหามขึ้นภูเขา ดิน หิน ปูน ทราย เหล็ก แม้แต่น้ำผสมปูนก็ต้องหาบระยะทางจากตีนเขาถึงยอดเขา 1,580 เมตร แต่ด้วยความศรัทธาที่ญาติโยมมีต่อหลวงปู่ ทุกคนต่างก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค์ ในการทำงาน หลวงปู่ได้เริ่มสร้างโรงครัว และแท้งน้ำก่อน เพื่อสะสมน้ำฝนไว้เพื่อผสมปูนสร้างเจดีย์ งานบางอย่างท่านก็ลงมือทำด้วยตัวท่านเอง กว่าจะปรับหินให้เรียบได้แล้วนำมาเรียงเป็นฐานก็ร่วม 4 ปี เป็นการทำงานที่ลำบากและต้องใช้ความอดทนค่อนข้างสูง

และแล้วในปี 2518 ทุกอย่างที่ผ่านมาในการพิสูจน์ความอดทน และความลำบาก ด้วยความสามัคคีของญาติโยม และแล้วแรงศรัทธาต่อหลวงปู่ ทุกอย่างก็สำเร็จเจดีย์องค์ใหม่ก็ได้สำเร็จในปีที่ 8 นั่นเอง ในสมัยนั้นญาติโยมจากทุกสารทิศได้หลั่งไหลขึ้นมาหลวงปู่ไม่ขาดสายด้วยท่านได้ช่วยเหลือญาติโยมในหลายๆด้านท่านจะต้มยาไว้เสมอเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บแม้แต่กระดูกหักท่านก็ต่อให้ ส่วนในด้านวัตถุมงคลนั้นบุคคลในพื้นที่ทราบกันดีท่านไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าพระเกจิรูปอื่นๆในยุคสมัยนั้นได้เข้าร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่ตลอด

สมัยนั้น พ.ศ 2512 ตะกรุดท่านราคาทำบุญ 100บาท ถือว่าสูงมากในสมัยนั้นแต่ก็ไม่เคยพอต่อความต้องการของญาติโยมประสบการณ์แคล้วคลาดค้าขายเมตตาล้วนเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้ที่ได้บูชา

หลวงปู่ท่านรักลิงท่านได้หุงหาอาหารเลี้ยงทุกวันอย่างไม่ขาด จนมาถึงปั้นปลายชีวิตหลวงปู่ได้อาพาธด้วยโรคเบาหวานประกอบกับที่ท่านทำงานหนักด้วยปณิธานที่ท่านทำต่อสาธารณะประโยชน์ อาทิเช่น สร้างเจดีย์ สร้างกุฏิ สร้างแท้งน้ำไว้ให้กับพระรุ่นหลัง ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2525หลวงปู่สำเภาสุชาโต ท่านได้ละสังขารไปอย่างสงบ

ท่านได้กระทำกิจอันสมควรในวิถีของพระอริยะแล้วตลอดเวลาท่านได้สั่งสอนให้ทุกคนเป็นคนดียึดมั่นในองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสรณะหลังจากนั้นญาติโยมได้นำสรีระสังขารหลวงปู่ขึ้นมาไว้บนเขาพนมเศษ ญาติโยมได้หลั่งไหลมาอย่างมืดฟ้ามัวดินได้นำสรีระสังขารหลวงปู่มาก่อปูนโบกปิดไว้ 3 ปี พอปีที่ 3 วิหารที่สร้างไว้เตรียมบรรจุสรีระหลวงปู่ก็เสร็จ กรรมการจึงได้มาปรึกษากันว่าจะนำสรีระท่านประดิษฐานไว้ที่วิหารแล้วเหตุการณ์น่าอัศจรรย์ก็เกิดอีกครั้งหลังจากที่ทุบปูนเพื่อจะนำสรีระหลวงปู่ใส่โรงแก้วร่างกายของหลวงปู่ยังเป็นปกติมีเนื้อหนังเหมือนปกติเส้นผมยาวเล็บงอกเหมือนเพียงแค่ท่านหลับตามือแขนอ่อนจับวางได้เหมือนว่าท่านยังมีชีวิต เป็นที่กล่าวขานมาร่วม 30 ปี ที่สังขารท่านไม่เน่าไม่เปื่อยแต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าเห็นได้ชัดเจนคือคุณงามความดีที่ท่านทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังดูว่าท่านมาอยู่บนเขานี้เพื่ออะไรท่านเหนื่อยกับการสร้างเพื่อใคร ท่านใดได้เคยมาลองสังเกตทางเดินที่ท่านเดินทุกย่างก้าวหินทุกก้อนล้วนมีอดีตที่สร้างจากมอของมนุษย์จากความศรัทธา “””สิ่งนี้แหละที่ท่านทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์เป็นคำสอนให้เรามองเวลาท้อว่าไม่มีอะไรที่จะได้มาง่ายๆอิฐทุกก้อนมีคำสอนและความศรัทธาของญาติโยมที่พร้อมใจกันศรัทธาของญาติโยมที่พร้อมใจกันสร้างถวายเพื่อเป็นพุทธบูชา

หลวงปู่สำเภา สุชาโต ได้ละสังขารเมื่อสิริอายุ 84 ในวันที่ 16 พฤศจิกายน2525

โดยคุณ wimonsin (121)  [อ. 05 มี.ค. 2562 - 14:14 น.]



!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM