ติ๊ดตี่สายสาม
โทรศัพท์ : 063-1917426 อีเมล : kijtapat@yahoo.co.th
ยูสเซอร์เนมของเจ้าของชมรม : tidtee

  รูปหล่ออ.นำ รุ่น 1พิมพ์ทองคำ ว+ร -ขีด-รางวัลที่1


(ดูรูปใหญ่คลิ๊กที่รูป)

(ดูรูปใหญ่คลิ๊กที่รูป)


(ดูรูปใหญ่คลิ๊กที่รูป)


(ดูรูปใหญ่คลิ๊กที่รูป)

 

ประเภท   พระรูปเหมือน
เหรียญหล่อ
ชื่อพระ   รูปหล่ออ.นำ รุ่น 1พิมพ์ทองคำ ว+ร -ขีด-รางวัลที่1
ราคาขายแล้ว บาท.
สถานะ   ( 0 )
ชมรม   ติ๊ดตี่สายสาม
วันที่แก้ไข   13 พ.ย. 2555 18:56:44
รายละเอียด
รูปเหมือนรุ่นแรกของ พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลานี้ได้จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2519 โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล มีความประสงค์นำเอารายได้ไปสร้างถาวรวัตถุในวัดดอนศาลาเป็นการกุศล และพระอาจารย์นำได้ปลุกเสกให้เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2519 ในการสร้างรูปเหมือนนี้มีการสร้างทั้งหมด 3 เนื้อคือ .....1.เนื้อทองคำก้นอุดทองคำ .....2.เนื้อเงินก้นอุดทองคำและก้นอุดเงิน .....3.เนื้อนวโลหะก้นอุดเงิน ก้นที่เจาะปิดด้วยแผ่นปั้มทองคำหรือเงิน อักษรนูน ชินวโร พระตอกโค้ด นะ ในวงกลมที่ชายสังฆาฏิด้านหลัง มีโค้ดตัวเดียว พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์แห่งวัดดอนศาลา จังหวัดพัทลุง เป็นศิษย์สืบสายวิทยาคมมาจากสำนักเขาอ้อ อันเป็นสำนักพุทธาคมอันกระเดื่องนามของภาคใต้ที่มีการสืบทอดตำราต่อๆกันมาตั้งแต่ครั้งยุคสมัยศรีวิชัย ท่านอาจารย์นำได้เรียนวิทยาคมสายเขาอ้อมาตั้งแต่ยังเล็กๆ โดยศึกษากับท่านอาจารย์เกลี้ยง แก้วจันทร์ผู้เป็นบิดา ก่อนที่จะมรณภาพท่านอาจารย์เกลี้ยงได้นำเอาบุตรชายไปฝากเรียนวิทยาคมกับท่านอาจารย์ทองเฒ่า ที่วัดเขาอ้อ ซึ่งวิชาอาคมสายเขาอ้อนั้น ท่านอาจารย์นำได้เรียนมาจนจบทุกกระบวนการอย่างช่ำชองและทำได้ขลังยิ่งนัก จนเป็นที่นับถือของศานุศิษย์และชาวบ้านทั่วไป เหรียญของท่านที่ออกวัดดอนศาลาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๙เป็นเหรียญที่นิยมเหรียญหนึ่งของวงการทั่วไป ซึ่งในครั้งที่ท่านปลุกเศกเหรียญนั้น ทุกคนที่นั่งเฝ้าดูพิธีอยู่ต่างก็ได้ยินชัดเจนกันทุกคนว่า เหรียญที่ใส่ในลังหน้าท่านอาจารย์นำนั้นเคลื่อนไหวดังขลุกขลักๆอยู่ตลอดเวลา อันเป็นการแสดงว่าพลังจิตของท่านอาจารย์นำนั้นกล้าแข็งมาก และในการปลุกเสกรูปเหมือนของท่านนั้น ก็เป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์เช่นเดียวกัน ในการสร้างรูปเหมือนขนาดเล็กของท่านอาจารย์นำ ผู้จัดสร้างได้ได้กราบเรียนให้ท่านอาจารย์นำทราบถึงวัตถุประสงค์ในการสร้างครั้งนี้ เมื่อทราบวัตถุประสงค์แล้วท่านอาจารย์นำก็ได้นั่งนิ่งอยู่สักครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า”ถ้าจะสร้างก็ต้องรีบดำเนินการโดยเร็ว เพราะชีวิตอาตมาใกล้เข้ามาแล้ว เกรงจะไม่ทันการ” เพราะว่าขณะนั้นท่านอาจารย์นำก็กำลังอาพาธอยู่ ท่านอาจารย์นำก็ได้กล่าวต่อไปอีกว่า”การสร้างนั้นเป็นสิ่งดี เพราะจะได้เป็นครั้งสุดท้าย แต่ขอให้รีบทำเถิด” จากนั้นท่านก็ขอให้คณะผู้จัดสร้างนำเอาแผ่นโลหะมาให้ท่านเพื่อที่จะลงยันต์เป็นเชื้อชนวนในการสร้าง ซึ่งแผ่นยันต์เหล่านั้นท่านอาจารย์นำได้ลงไว้อย่างเรียบร้อย และได้กล่าวว่า”ลงให้สุดท้ายแล้ว”.นอกจากแผ่นยันต์ยังมีชนวนศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่อง พร้อมทั้งพระบูชาสมัยเก่าที่ชำรุด และโลหะสมัยบ้านเชียงอีกเป็นจำนวนมากได้นำไปถวายท่านอาจารย์นำปลุกเศกอีกครั้ง ก่อนที่จะทำการหล่อหลอม และท่านก็ได้รับปลุกเศกพร้อมกับกล่าวว่า”ขอให้สร้างให้เสร็จเดือนหน้า เพราะใกล้เต็มที่แล้ว”(หมายถึงเดือนกันยายน) แต่ปรากฏว่า ไม่อาจที่จะสร้างเสร็จสิ้นในเดือนกันยายนได้ทัน ได้กราบเรียนท่านอาจารย์เพื่อทราบแล้วปรากฏว่าท่านอาจารย์นำได้นั่งนิ่งไม่พูดว่าอะไร ตามองออกไปข้างหน้าในลักษณะที่ยากจะคาดเดาได้ว่าท่านคิดอย่างไร ทำเอาคณะที่ไปครั้งนั้นอึดอัดใจไปตามๆกัน ท่านนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็กล่าวว่า”เอาเถอะ!อย่าให้เกินเดือนตุลาคม พ่อจะรอ ถ้าเกินจากนั้นไม่รอแล้ว” จากนั้นคณะผู้จัดสร้างก็ได้กลับไปดำเนินการสร้างต่อไป ซึ่งในการสร้างได้พิถีพิถันเรื่องเนื้อพระจะต้องออกมาสวยงามจึงต้องเพิ่มทองคำและเงินลงไปอีกจำนวนมาก จนได้เนื้อเป็นที่พอใจ จากนั้นก็ได้เริ่มเทหล่อพระ ซึ่งได้รูปเหมือนขนาดเล็กทั้งหมดเพียง ๑,๖๐๐ องค์เท่านั้น เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๑๙ พระได้หล่อเสร็จเรียบร้อย จึงได้รีบนำเอาพระไปที่วัดดอนศาลา เมื่อกราบเรียนให้ท่านอาจารย์นำทราบปรากฏว่าท่านรู้สึกดีใจจนเห็นได้ชัด จากนั้นก็ได้นำเอาพระไปวางไว้ในพระอุโบสถวัดดอนศาลา โดยเอาผ้าขาวคลุมพระไว้.ในวันที่๒๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙ เมื่อทกอย่างจัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็เห็นว่าท่านอาจารย์นำ ซึ่งนอนมาหลายวันแล้วเพราะอาพาธอยู่ แต่วันนั้น ท่านกลับลุกขึ้นด้วยความสดชื่นกว่าปกติ แล้วก็ได้เข้าไปจุดเทียนชัย และนั่งเข้าสมาธิเพ่งพลังจิตปลุกเสก ร่วมกับพระเกจิอาจารย์ผู้เข้มขลังทางคาถาอาคมของสายใต้เช่น พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง,พ่อท่านหมุน วัดเขาแดง,อาจารย์ พล.ล.ล.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ฯลฯเป็นเวลาประมาณสองชั่วโมง ขณะที่กำลังปลุกเศกอยู่ด้วยความเงียบสงบภายในพระอุโบสถวัดดอนศาลา ท่ามกลางความเงียบที่ทุกคนนั่งชมพิธีอยู่นั้น ได้ปรากฏมีเสียง”เปรี๊ยะ”ดังออกมาจากกองพระเครื่องที่คลุมผ้าขาวในปริมณฑลพิธี แต่เนื่องจากพิธียังไม่เสร็จสิ้นจึงยังไม่มีใครไปเปิดดู. ครั้นเมื่อท่านอาจารย์นำออกจากสมาธิแล้วก็ได้บอกว่า”สำเร็จแล้ว” จากนั้นคณะผู้จัดสร้างก็ได้เข้าไปเปิดผ้าขาวที่คลุมพระเครื่องออกดู เพื่อให้รู้ว่าเสียงดัง”เปี๊ยะ”นั้นมาจากอะไร และเมื่อเปิดผ้าขาวออก ทุกคนเห็นเป็นที่น่าอัศจรรย์กันทุกคนคือ ลังไม้ที่บรรจุพระเครื่องได้แตกออก และพระเครื่องได้กระจายทั่วไป.การที่พระเครื่องซึ่งบรรจุอยู่ในลังไม้ได้กระจัดกระจายเพราะลังไม้แตกนั้น จะเป็นไปเพราะสาเหตุไม่ได้ แต่เป็นไปเพราะพลังจิตที่ท่านอาจารย์นำ และพระเกจิอาจารย์ที่มาร่วมปลุกเศก ได้เพ่งตรงไปรวมที่กองพระเครื่อง และอัดจนแน่น เป็นพลังที่กระทั่งดันลังไม้แตก หลังจากเสร็จสิ้นพิธีปลุกเศกนั้น บรรดาลูกศิษย์ก็ได้ประคองพาท่านอาจารย์นำกลับกุฏิ เมื่อถึงกุฏิแล้ว ท่านก็ได้บอกกับบรรดาลูกศิษย์ว่า”อีก ๓ วันพ่อจะไปแล้วนะ”.ครั้นเมื่อ ๓ วันผ่านไปจากวันที่ท่านได้บอกบรรดาลูกศิษย์ คือวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙ ซึ่งเป็นวันกำหนดที่ท่านอาจารย์นำได้บอกลาลูกศิษย์ไว้ เวลากลางคืนบรรดาลูกศิษย์และชาวบ้านหลายคนได้ไปหาท่านที่กุฏิ ซึ่งท่านก็ได้สนทนาและบอกลาลูกศิษย์กับชาวบ้านด้วยใบหน้าปกติและสดชื่น ไม่มีแสดงอาการเจ็บปวดจากการอาพาธแต่อย่างใด ครั้นเมื่อเวลา ๒๒๐๐ น. ท่ามกลางความมืดของกลางคืน ท่านอาจารย์นำได้กล่าวอำลาบรรดาลูกศิษย์และชาวบ้านเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเสียงปกติว่า”พ่อลาแล้ว” จากนั้นท่านก็ล้มตัวลงนอนและละสังขารไปอย่างสงบ และขณะที่ท่านอาจารย์นำได้ละสังขารไปนั้น ท่ามกลางความเงียบสงบของเวลากลางคืน และท่ามกลางความเศร้าโศกของบรรดาลูกศิษย์และชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็ได้ปรากฏเหตุการณ์มหัศจรรย์ขึ้นมาอีก คือได้ปรากฏมีเสียงบรรเลงแตสังข์กังวาลรอบๆบริเวณวัดดอนศาลา ทั้งๆที่บริเวณนั้น ไม่มีบ้านใครจัดงานบรรเลงเลย แล้วเสียงแตสังข์นั้นมาจากไหน? ลักษณะของรูปเหมือนรุ่นนี้ช่างได้แกะพิมพ์ได้อย่างสวยงาม และเหมือนองค์จริงของท่านมาก การพริ้วของผ้าสังฆาฎิและริ้วจีวรดูเป็นธรรมชาติ เป็นรูปเหมือนของท่านอาจารย์นำ นั่งสมาธิพาดสังฆาฏิ มือประสานวางบนหน้าตัก ที่ฐานด้านหน้าเขียนว่า”ชินวโร” ซึ่งเป็นฉายาของท่านอาจารย์นำ ด้านหลังมีตอกโค้ดตัว”นะ”ไว้ที่ปลายสังฆาฏิในรูปวงกลม สำหรับตัว”นะ”ของท่านอาจารย์นำ เป็นลักษณะเฉพาะของท่าน ไม่เหมือนกับ”นะ”ของพระเกจิอาจารย์ท่านอื่น ส่วนที่ฐานเป็นอักขระขอม ส่วนบริเวณก้นหรือฐานด้านล่างได้เจาะเป็นช่องว่างบรรจุผงอนันตคุณ ซึ่งเป็นผงวิเศษที่ท่านอาจารย์นำ ได้เพียรพยายามสร้างมานาน แล้วก็ใช้แผ่นเงินอุดปิดทับไว้ ที่เป็นแผ่นเงินซึ่งอุดปิดทับไว้ก็จะเป็นตัวหนังสือเขียนว่า”ชินวโร” ประสบการณ์ของรูปเหมือนของท่านอาจารย์นำรุ่นนี้มีครบทุกด้านไม่ว่าจะเป็นด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาด และคงกระพัน มีคนเขาเจอกันมามากแล้ว องค์นี้เป็นรูปหล่อเนื้อนวะโลหะ ก้นเงิน พิมพ์ทองคำ ว-ขีด +ร-ขีด (นิยมหายาก) สภาพสวยงามมาก จมูกโด่ง นัยต์ตากลมเป็นเม็ดสาคู ชัดคมทุกรายละเอียด สวย 100 % น่าใช้แขวนบูชาเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญเจตนาการสร้างดี ประวัติดี มวลสารดี พิธีดี ผู้เสกดี ประสบการณ์ดี นับว่าสุดยอดจริงๆครับ ชั่วโมงนี้ถ้าเจอสวยๆต้องเก็บครับ อนาคตไปอีกได้ไกลๆเลยครับสร้างน้อย 1,600 องค์เท่านั้น......ดีกรีรางวัลที่1 งานประกวดห้างเดอะมอลล์บางแค วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2555 พร้อมบัตรรับรองครับ
  ยอดจอง 0  คน สมัครสมาชิก

 


Copyright ©G-PRA.COM