ชื่อพระเครื่อง | พุทโธน้อย หลวงพ่อสังวาลย์ ประวัติการสร้างยอดเยี่ยม แถมผงโยคีฮาเร็ม และพลอยเสก คุณแม่บุญเรือนให้บูชาครับ(พลอยและผงขออนุญาติใช้รูปเก่าครับ) |
รายละเอียด | ประวัติการสร้างพระพุทโธ รุ่นแรก หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก
ย้อนหลังไปประมาณปี 2526 ในขณะนั้นพระอุโบสถวัดทุ่งสามัคคีธรรม จังหวัดสุพรรณบุรี กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ได้ ปรึกษาหารือกับสหธรรมมิก ของท่านคือหลวงพ่อสุวรรณ ปภัสโร (( สุวรรณ ทองนาค ) วัดอาวุธ
โดยท่านเป็นศิษย์ใกล้ชิดคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมมาตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะบวชเป็นพระ )
ถึงการหาจตุปัจจัยที่จะมาดำเนินการให้แล้วเสร็จ หลวงพ่อสุวรรณ จึงให้ความเห็นว่าควรจะสร้างวัตถุมงคลเป็นพระพุทโธ
แบบอย่างคุณแม่บุญเรือนเพื่อสมนาคุณแด่ผู้ที่มาร่วมถวายจตุปัจจัย ซึ่งหลวงพ่อสังวาลย์ท่านก็เห็นสมควรด้วย
หลวงพ่อสุวรรณท่านจึงรับอาสาจัดสร้างพระพิมพ์พุทโธนี้เพื่อถวายแด่หลวงพ่อสังวาลย์โดยไม่คิดมูลค่าใดๆ
ท่านหวังเพียงเพื่อร่วมรับอานิสงค์ในการจัดสร้างพระอุโบสถ วัดทุ่งสามัคคีธรรมในครั้งนี้เท่านั้น
การจัดสร้างนั้นกินเวลาค่อนข้างนานเนื่องจากหลวงพ่อสุวรรณท่านไม่มีความชำนาญในการสร้าง
ได้ทำการลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ มีการเปลี่ยนและแก้ไขแม่พิมพ์ทั้งด้านหน้าและหลังหลายครั้ง
จนส่งผลให้พระชุดนี้มีความหลากหลายทั้งพิมพ์ทรง และเนื้อหา แต่หากสังเกตดีๆแล้ว
พระทั้งชุดจะมีความเกี่ยวเนื่องกันในแต่ละองค์ ไม่มากก็น้อย และพระที่สร้างเสร็จในแต่ละคราวก็จะทยอยนำมาที่วัดทุ่งสามัคคีธรรม
โดยทั้งที่หลวงพ่อสังวาลย์ท่านลงมารับเองและที่หลวงพ่อสุวรรณท่านนำขึ้นไปถวาย
โดยในช่วงนั้นหลวงพ่อสังวาลย์ท่านขึ้นๆ ลงๆ มาที่วัดอาวุธถึงเดือนละ 4 รอบเลยทีเดียว
และหลังจากที่ได้พระมาในแต่ละครั้งหลวงพ่อสังวาลย์ท่านจะทำการอธิษฐานจิตด้วยตัวท่านเองเงียบๆ
โดยไม่มีพิธีรีตองใดๆทั้งสิ้น จนบางครั้งพระ ชี ในวัดยังไม่ทราบเลยว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่
จึงเป็นสาเหตุหนึ่งให้พระรุ่นนี้ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเท่าที่ควร หรือได้รับรู้ข้อมูลกันมาแบบผิดๆ
จึงทำให้พระชุดนี้เป็นของดีที่ถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย เพราะทั้งผู้สร้างและผู้เสกล้วนแล้วแต่เป็นพระผู้ทรงคุณทั้งสององค์
Re: ประวัติการสร้างพระพุทโธ รุ่นแรก หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก
มวลสารการจัดสร้างพระพุทโธ
- ดินนิมิต จากวัดเขาสารพัดดี หลวงพ่อสังวาลย์ท่านนั่งเห็นดินที่มีคุณวิเศษในตัวอยู่ในสระน้ำของวัดเขาสารพัดดี
โดยท่านได้นำหลวงพ่อบุญลือและคณะศิษย์ ไปชี้ตำแหน่งและขุดขึ้นมาโดยปั้นเป็นก้อนกลมๆขนาดกำปั้นผู้ใหญ่
โดยเอาผ้าห่อเอาไว้แล้วขนกลับมาที่วัด เมื่อมาถึงที่วัดแล้วท่านก็นำบาตรของหลวงพ่อป้อง
ที่ได้ได้รับการถวายมาจากกำนันวงษ์ ( พี่ชายหลวงพ่อสุวรรณ ) มาใส่น้ำแล้วอธิษฐานขอบารมีหลวงพ่อป้อง
ให้ท่านช่วยปลุกเสกดินให้เป็นรอบแรก แล้วจึงนำดินที่เป็นปั้นนั้นลงไปละลายในบาตรเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการสร้าง
หมายเหตุ : หลวงพ่อป้องเป็นพระที่หลวงพ่อสังวาลย์ให้ความเคารพนับถือมากอีกรูปหนึ่ง
โดยในปัจจุบันกะโหลกส่วนศรีษะท่านที่เผาไม่ไหม้ หลวงพ่อสังวาลย์ท่านได้นำมาใส่ไว้ในโกศ
แล้วเอาสายสิจญ์พันรอบหลายๆชั้นด้วยตัวท่านเอง เพื่อป้องกันการเปิดออก
โดยในปัจจุบันโกศนั้นตั้งวางให้บูชาอยู่บนเรือนไทย ที่วัดสังฆทาน กทม
- พระพุทโธน้อยคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม แตกหัก ซึ่งเก็บรักษาอยู่ที่กุฏิ พระเทพเมธากร เจ้าอาวาสวัดอาวุธในสมัยนั้น
หลวงพ่อสุวรรณท่านได้ถวายปัจจัยทำบุญ 20,000 บาทแล้วนำมาทั้งหมด โดยได้พระพุทโธแตกหัก
และผงมวลสารเก่าๆสมัยคุณแม่บุญเรือนประมาณ 2 ถังใหญ่ สาเหตุหลักที่หลวงพ่อสุวรรณท่านเจาะจงมวลสารนี้
เพราะท่านได้รับคำสั่งสอนมาจากคุณแม่บุญเรือนว่า
? ฉันอธิษฐานพระให้เพียงหนเดียวเท่านั้น และพระฉันถึงแตกหักอย่างไร เมื่อนำมาบดแล้วสร้างใหม่
ก็ยังคงศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิมเช่นที่ฉันอธิษฐานให้ ?
ซึ่งหลังจากการอธิษฐานพระพุทโธน้อยแล้วคุณแม่ก็ไม่ได้อธิษฐานพระที่ใดอีกเลย
- ศิลาน้ำ คุณแม่บุญเรือน หลวงพ่อสุวรรณท่านได้รับมาจากคุณแม่บุญเรือนเป็นจำนวนมาก ได้นำมาตำจนละเอียด
- ข้าวตอกพระร่วง คุณแม่บุญเรือน หลวงพ่อสุวรรณท่านได้รับมาจากคุณแม่บุญเรือนเป็นจำนวนมาก ได้นำมาตำจนละเอียด
ในส่วนผสมนี้หากใช้กล้องส่องจะพบว่าเป็นเม็ดดำๆคล้ายๆนิลอยู่ในเนื้อพระ
- ปูนแดงเสก คุณแม่บุญเรือน
- และส่วนผสมที่สำคัญที่สุดในพระชุดนี้คือ อัฐิธาตุ และ ผงอังคารธาตุ ของคุณแม่บุญเรือน จำนวนมาก
ที่หลวงพ่อสุวรรณท่านได้เก็บรักษาไว้ โดยหลวงพ่อสุวรรณท่านได้บอกกล่าวขออนุญาตคุณแม่
แล้วนำมาบดใส่ทั้งหมดที่ท่านมีอยู่ซึ่งท่านที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนใส่บอกว่า ท่านกำอัฐิธาตุ
และผงอังคารธาตุที่บดแล้วใส่ในการผสมเนื้อในแต่ละครั้งละเป็นกำๆเลยที่เดียว
น้ำที่ใช้ประสานเนื้อในพระชุดนี้เป็นน้ำที่ได้มาจากการทำพิธีเสกน้ำ จากศิลาน้ำของคุณแม่บุญเรือนทั้งสิ้น
และยังมีน้ำเสกที่คุณแม่เคยเสกไว้ให้ รวมทั้งน้ำที่ได้จากการล้างบาตรหลวงพ่อป้อง (ล้างเพื่อเอาดินที่ติดอยู่ออก)
ในการปั๊มพระแต่ละครั้งแป้งที่ใช้โรยเพื่อไม่ให้พระติดพิมพ์นั้นก็เป็นแป้งอธิษฐานของหลวงปู่บุดดา ทั้งสิ้น
โดยหลวงพ่อสุวรรณได้ไปเช่าบูชา มาเป็นลังๆ (แป้งสปริงซอง)
ส่วนแม่พิมพ์นั้น หลวงพ่อสุวรรณท่านและศิษย์ที่เป็นหมอฟัน ได้ช่วยกันแกะและถอดพิมพ์
โดยใช้ต้นแบบเค้าโครงจากพระพุทโธน้อยของคุณแม่บุญเรือน โดยแม่พิมพ์นั้นได้ทำขึ้นมาหลายพิมพ์
มีการแก้ไขดัดแปลงตามความเหมาะสมดังนี้
แม่พิมพ์หลักๆด้านหน้า
1. พระพุทโธพิมพ์จัมโบ้ ใช้สำหรับปั๊มพระหลังอริยทรัยพ์ ๗ ถุงเงินถุงทอง เท่านั้น จะเป็นพระพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุด
2. พระพุทโธพิมพ์ใหญ่ เมื่อปั๊มออกมาแล้วปีกพระจะชิดองค์
3. พระพุทโธพิมพ์กลาง เมื่อปั๊มออกมาแล้วปีกพระจะชิดองค์
4. พระพุทโธพิมพ์เล็ก เมื่อปั๊มออกมาแล้วปีกพระจะชิดองค์
5. พระพุทโธจัมโบ้ใต้ฐานเลข๑ใช้สำหรับปั๊มพระหลังอริยทรัยพ์ ๗ ถุงเงินถุงทอง เท่านั้น จะเป็นพระพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดเกิดจากการนำแม่พิมพ์จากข้อ 1 มาแกะเลข ๑ เพิ่มหลังจากที่ปั๊มพระไปได้จำนวนหนึ่งซึ่งหลวงพ่อสุวรรณท่านให้เหตุผลว่าคนจะได้รู้ว่าเป็นพระรุ่น ๑ ขนาดจะเท่ากันกับพระในข้อ 1
6. พระพุทโธพิมพ์ใหญ่ ใต้ฐานเลข ๑ เกิดจากการนำแม่พิมพ์จากข้อ 2 มาแกะเลข ๑ เพิ่มหลังจากที่ปั๊มพระไปได้จำนวนหนึ่งซึ่งหลวงพ่อสุวรรณท่านให้เหตุผลว่าคนจะได้รู้ว่าเป็นพระรุ่น ๑ และมีการเปลี่ยนขอบตัดใหม่เพราะต้องเพิ่มเนื้อที่ใต้ล่างไว้สำหรับเขียนเลขเมื่อปั๊มออกมาแล้วปีกพระจะกว้างกว่าพระใน ข้อ 2.
7. พระพุทโธพิมพ์กลางใต้ฐานเลข ๑ เกิดจากการนำแม่พิมพ์จากข้อ 3 มาแกะเลข ๑ เพิ่มหลังจากที่ปั๊มพระไปได้จำนวนหนึ่งซึ่งหลวงพ่อสุวรรณท่านให้เหตุผลว่าคนจะได้รู้ว่าเป็นพระรุ่น ๑ และมีการเปลี่ยนขอบตัดใหม่เพราะต้องเพิ่มเนื้อที่ใต้ล่างไว้สำหรับเขียนเลขเมื่อปั๊มออกมาแล้วปีกพระจะกว้างกว่าพระใน ข้อ 3.
8. พระพุทโธพิมพ์เล็กใต้ฐานเลข ๑ เกิดจากการนำแม่ พิมพ์จากข้อ 4 มาแกะเลข ๑ เพิ่มหลังจากที่ปั๊มพระไปได้จำนวนหนึ่งซึ่งหลวงพ่อสุวรรณท่านให้เหตุผลว่าคนจะได้รู้ว่าเป็นพระรุ่น ๑ และมีการเปลี่ยนขอบตัดใหม่เพราะต้องเพิ่มเนื้อที่ใต้ล่างไว้สำหรับเขียนเลขเมื่อปั๊มออกมาแล้วปีกพระจะกว้างกว่าพระใน ข้อ
9. พระพุทโธพิมพ์จัมโบ้ใต้ฐาน ส ใช้สำหรับปั๊มพระหลังอริยทรัยพ์ ๗ ถุงเงินถุงทอง เท่านั้น จะเป็นพระพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดเกิดจากการนำแม่พิมพ์จากข้อ 1 มาแกะตัวหนังสือเพิ่มหลังจากที่ปั๊มพระไปได้จำนวนหนึ่งซึ่งหลวงพ่อสุวรรณท่านให้เหตุผลว่าคนจะได้รู้ว่าเป็นพระของหลว งพ่อสังวาลย์ โดยขนาดพระจะเท่ากันกับพระในข้อ 1
10. พระพุทโธพิมพ์ใหญ่ ใต้ฐาน ส เกิดจากการนำแม่พิมพ์จากข้อ 2 มาแกะตัวหนังสือเพิ่มหลังจากที่ปั๊มพระไปได้จำนวนหนึ่งซึ่งหลวงพ่อสุวรรณท่านให้เหตุผลว่าคนจะได้รู้ว่าเป็นพระของหลว งพ่อสังวาลย์ และมีการเปลี่ยนขอบตัดใหม่เพราะต้องเพิ่มเนื้อที่ใต้ล่างไว้สำหรับเขียนตัวหนังสือเมื่อปั๊มออกมาแล้วปีกพระจะกว้างกว ่าพระในข้อ 2.
11. พระพุทโธพิมพ์กลาง ใต้ฐาน ส เกิดจากการนำแม่พิมพ์จากข้อ 3 มาแกะตัวหนังสือเพิ่มหลังจากที่ปั๊มพระไปได้จำนวนหนึ่งซึ่งหลวงพ่อสุวรรณท่านให้เหตุผลว่าคนจะได้รู้ว่าเป็นพระของหลว งพ่อสังวาลย์ และมีการเปลี่ยนขอบตัดใหม่เพราะต้องเพิ่มเนื้อที่ใต้ล่างไว้สำหรับเขียนตัวหนังสือเมื่อปั๊มออกมาแล้วปีกพระจะกว้างกว ่าพระในข้อ 3.
12. พระพุทโธพิมพ์เล็ก ใต้ฐาน ส เกิดจากการนำแม่พิมพ์จากข้อ 4 มาแกะตัวหนังสือเพิ่มหลังจากที่ปั๊มพระไปได้จำนวนหนึ่งซึ่งหลวงพ่อสุวรรณท่านให้เหตุผลว่าคนจะได้รู้ว่าเป็นพระของหลว งพ่อสังวาลย์ และมีการเปลี่ยนขอบตัดใหม่เพราะต้องเพิ่มเนื้อที่ใต้ล่างไว้สำหรับเขียนตัวหนังสือเมื่อปั๊มออกมาแล้วปีกพระจะกว้างกว ่าพระในข้อ 4.
13. พระพุทโธพิมพ์จัมโบ้ ใต้ฐาน ส ส ส เกิดจากการนำแม่พิมพ์จากข้อ 1 มาแกะตัวหนังสือเพิ่มหลังจากที่ปั๊มพระไปได้จำนวนหนึ่งซึ่งหลวงพ่อสุวรรณท่านให้เหตุผลว่า ส. ตัวที่หนึ่งหมายถึงหลวงพ่อสังวาลย์ อาจารย์ใหญ่ ส. ตัวที่สองหมายถึงหลวงพ่อสนองผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่าฉัน ส.ตัวที่สามหมายถึงสุวรรณตัวฉันเอง โดยขนาดพระจะเท่ากันกับพระในข้อ 1
14. พระพุทโธพิมพ์ใหญ่ ใต้ฐาน ส ส ส เกิดจากการนำแม่พิมพ์จากข้อ 2 มาแกะตัวหนังสือเพิ่มหลังจากที่ปั๊มพระไปได้จำนวนหนึ่งซึ่งหลวงพ่อสุวรรณท่านให้เหตุผลว่า ส. ตัวที่หนึ่งหมายถึงหลวงพ่อสังวาลย์ อาจารย์ใหญ่ ส. ตัวที่สองหมายถึงหลวงพ่อสนองผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่าฉัน ส.ตัวที่สามหมายถึงสุวรรณตัวฉันเอง และมีการเปลี่ยนขอบตัดใหม่เพราะต้องเพิ่มเนื้อที่ใต้ล่างไว้สำหรับเขียนตัวหนังสือเมื่อปั๊มออกมาแล้วปีกพระจะกว้างกว ่าพระในข้อ 2.
15. พระพุทโธพิมพ์กลาง ใต้ฐาน ส ส ส เกิดจากการนำแม่พิมพ์จากข้อ 3 มาแกะตัวหนังสือเพิ่มหลังจากที่ปั๊มพระไปได้จำนวนหนึ่งซึ่งหลวงพ่อสุวรรณท่านให้เหตุผลว่าส. ตัวที่หนึ่งหมายถึงหลวงพ่อสังวาลย์ อาจารย์ใหญ่ ส. ตัวที่สองหมายถึงหลวงพ่อสนองผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่าฉัน ส.ตัวที่สามหมายถึงสุวรรณตัวฉันเอง และมีการเปลี่ยนขอบตัดใหม่เพราะต้องเพิ่มเนื้อที่ใต้ล่างไว้สำหรับเขียนตัวหนังสือเมื่อปั๊มออกมาแล้วปีกพระจะกว้างกว ่าพระในข้อ 3.
16. พระพุทโธพิมพ์เล็ก ใต้ฐาน ส ส ส เกิดจากการนำแม่พิมพ์จากข้อ 4 มาแกะตัวหนังสือเพิ่มหลังจากที่ปั๊มพระไปได้จำนวนหนึ่งซึ่งหลวงพ่อสุวรรณท่านให้เหตุผลว่าส. ตัวที่หนึ่งหมายถึงหลวงพ่อสังวาลย์ อาจารย์ใหญ่ ส. ตัวที่สองหมายถึงหลวงพ่อสนองผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่าฉัน ส.ตัวที่สามหมายถึงสุวรรณตัวฉันเองและมีการเปลี่ยนขอบตัดใหม่เพราะต้องเพิ่มเนื้อที่ใต้ล่างไว้สำหรับเขียนตัวหนังสือ เมื่อปั๊มออกมาแล้วปีกพระจะกว้างกว่าพระในข้อ4.
และอีกเหตุผลหนึ่งที่หลวงพ่อสุวรรณท่านใช้ ส. นั่นก็เพราะว่า ทั้งหลวงพ่อสังวาลย์ หลวงพ่อสนอง และตัวท่านเองล้วนแล้วแต่เป็นชาว สุพรรณบุรี
17. พระพุทธชินราช เป็นพิมพ์ที่หลวงพ่อสุวรรณท่านให้สร้างขึ้นเป็นพิเศษเนื่องจากท่านบอกว่าพระพุทธชินราชเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์และดีเพ ราะเป็นพระที่เทวดาช่วยสร้าง โดยองค์ต้นแบบนั้นเป็นองค์ที่หลวงพ่อสังวาลย์มอบให้มาแล้วนำมาถอดพิมพ์มีหลายพิมพ์แต่ในแต่ละพิมพ์นั้นไม่มีความแตกต่ างกันมากนักและจำนวนที่สร้างนั้นน้อยที่สุด
อย่างไรก็ตามในแต่ละพิมพ์หลักนั้นก็จะมีแม่พิมพ์ย่อยๆที่มีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันออกไปบ้างนิดหน่อยเนื่องจากพ ระชุดนี้สร้างประมาณ 80,000 กว่าองค์ จึงทำให้ใช้แม่พิมพ์ในแต่ละแบบค่อนข้างมาก หากจะแยกให้ละเอียดคงใช้เวลาอีกนานเนื่องจากพระที่สร้างแล้วนำไปถวายเลยไม่ได้เก็บไว้เป็นตัวอย่างในแต่ละพิมพ์
แม่พิมพ์หลัง
มี 2 ประเภทคือ
- บล็อกมาตรฐาน
1. คำว่าพุทโธเป็นภาษาขอม ( ตัวขอมจะเป็นเอกลักษณ์และจุดตายในการจำว่าเป็นพระหลวงพ่อสังวาลย์ ) ใช้กับพิมพ์เล็ก กลาง ใหญ่
2. คำว่าอริยทรัพย์ ๗ และถุงเงินถุงทอง ใช้สำหรับปั๊มพิมพ์จัมโบ้เท่านั้น
3. ยันต์นะอะระหัง และ คำธรรมสัมมาสติ ใช้กับพิมพ์เล็กและกลาง และพิมพ์ชินราช
- บล็อกชั่วคราว เป็นลักษณะคล้ายตัวปั๊ม ทำจากตะกั่วเอามาปั๊มหลังจากเอาพระออกมาจากแม่พิมพ์แล้ว
1. คำว่าพุทโธเป็นภาษาไทยและคำว่าธาตุทอง ใช้สำหรับในพิมพ์กลางเท่านั้น
2. คำธรรมต่างๆ ใช้สำหรับพิมพ์กลางและเล็ก
3. คำว่าอริยทรัพย์ ๗ และ คำธรรมต่างๆ ใช้สำหรับในพิมพ์กลางเท่านั้น
4. หลังเรียบ มีจำนวนน้อยมากๆเป็นพระที่หลงลืมไม่ได้ปั๊มหลัง และพระลองพิมพ์
ลักษณะเนื้อหา
แบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ
1.เนื้อแก่ผง เป็นพระชุดแรกๆที่ลองผิดลองถูกทำเนื้อหายังไม่คงที่ ใส่ดินลงไปน้อย โดยเฉพาะพิมพ์เล็กหลังสัมมาสติที่ได้ทดลองสร้างเป็นครั้งแรก มีการผสมสีลงไป ถึง 5 สี คือแดง น้ำเงิน ขาว เหลือง น้ำตาล แต่ก็มีบางครั้งที่ผสมออกมาแล้วได้สีเพี้ยนไปบ้าง เช่น เขียว ชมพู และได้ลองนำพิมพ์อื่นมาลองกดดูด้วยเนื้อปรกติ ที่ไม่ใส่สีด้วยโดยเนื้อจะออกเป็นสีขาวตุ่นๆ และมีเมื่อทำออกมาแล้วพระไม่ค่อยแกร่งเท่าที่ควร เผาไม่ได้ จึงหยุดใช้ส่วนผสมนี้ จึงเป็นพระที่มีจำนวนน้อยที่สุดของการสร้างครั้งนี้
2. เนื้อดินเผา เป็นเนื้อที่ส่วนผสมลงตัวที่สุด เมื่อเผาแล้วเนื้อแกร่ง โดยส่วนใหญ่จะเผาออกมาได้เนื้อเป็นสีแดงสวย มีคราบแป้งหุ้ม ส่วนสีดำเป็นพระที่แก่ไฟมีจำนวนน้อยมากๆ แต่เป็นสีที่นิยมทีสุด (ไม่ใช่พระเนื้อใบลานอย่างที่เข้าใจกัน ) ขนาดพระจะเล็กกว่าเนื้ออื่นๆในพิมพ์เดียวกันนิดหน่อยเนื่องจากการหดตัวของดินเมื่อถูกเผา พระพิมพ์นี้เป็นพระที่มีจำนวนการสร้างมากที่สุด
3. เนื้อดินดิบ เป็นพระชุดเดียวกับข้อ 2 .ที่ไม่ได้นำไปเผาเนื่องจากหลวงพ่อสุวรรณและกลุ่มผู้ร่วมจัดสร้างต้องการเก็บไว้เป็นที่ระลึก และเพื่อเก็บไว้เป็นแนวทางในการศึกษาเนื้อพระต่อไป เป็นพระที่มีจำนวนมากกว่าเนื้อแก่ผงไม่มาก
หลังจากเสร็จสิ้นการสร้างแล้วแม่พิมพ์ทั้งหมดหลวงพ่อสุวรรณได้นำไปถวายแด่หลวงพ่อสังวาลย์ โดยหลวงพ่อสังวาลย์ได้มอบพระพุทโธที่ได้ทำการอธิษฐานจิตแล้วกลับคืนมาแด่หลวงพ่อสุวรรณจำนวนหนึ่งซึ่งท่านก็ได้นำมาแจ กจ่ายแด่บรรดาผู้ที่ร่วมออกแรงในการสร้างพระชุดนี้ถวายได้แก่ คุณแอ๊ว คุณเจี๊ยบ คุณนก คุณประจวบ คุณป๋อง คุณเจริญ คุณแดง และอีกหลายๆท่านซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบรรดาศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อสุวรรณที่วัดอาวุธ ทั้งสิ้น
ในบั้นปลายชีวิตหลวงพ่อสุวรรณท่านได้ย้ายจากวัดอาวุธมาอยู่วัดทุ่งสามัคคีธรรม เพื่อรักษาตัวจากอาการอาพาธโดยหลวงพ่อสังวาลท่านได้รับอุปการะท่านจนถึงวาระสุดท้ายและได้มีการนำพระพุทโธชุดที่ท่านส ร้างนี้มาแจกเป็นที่ระลึกแก่ผุ้ที่มาร่วมงานฌาปณกิจศพของท่านด้วย |
ราคาเปิดประมูล | 40 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 420 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 20 บาท |
วันเปิดประมูล | - 15 มิ.ย. 2554 - 14:50:16 น. |
วันปิดประมูล | - 16 มิ.ย. 2554 - 15:12:04 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | aood4321 (1.3K)
|