(0)
เหรียญพระครูวิริยสาร หลวงปู่มาวัดสาธุการาม สิงห์บุรี เนื้อทองแดง ปี2482 รุ่นแรกสร้างน้อยหายากมาก ประสบการณ์สูงครับ สภาพสวยมาก รับประกันแท้ตลอดชีวิตครับ (5)






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเหรียญพระครูวิริยสาร หลวงปู่มาวัดสาธุการาม สิงห์บุรี เนื้อทองแดง ปี2482 รุ่นแรกสร้างน้อยหายากมาก ประสบการณ์สูงครับ สภาพสวยมาก รับประกันแท้ตลอดชีวิตครับ (5)
รายละเอียดเหรียญพระครูวิริยสาร หลวงปู่มาวัดสาธุการาม สิงห์บุรี เนื้อทองแดง ปี2482 รุ่นแรกสร้างน้อยหายากมาก ประสบการณ์สูงครับ สภาพสวยมาก รับประกันแท้ตลอดชีวิตครับ (5)
ราคาเปิดประมูล1,000 บาท
ราคาปัจจุบัน1,500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 27 ก.ย. 2553 - 12:13:22 น.
วันปิดประมูล - 07 ต.ค. 2553 - 12:13:22 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลnuadpaknam (1.1K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 28 ก.ย. 2553 - 00:51:11 น.
.


ประวัติหลวงพ่อมา วัดสาธุการาม อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี
พระเกจิอาจารย์แห่งค่ายบางระจัน หลวงพ่อมาท่านเป็นหนึ่งในยอดพระคณาจารย์แห่งลุ่มแม่น้ำน้อย
ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา และบริสุทธิ์ไปด้วยศีลวัตร พูดน้อย แต่ปฏิบัตมาก เป็นที่เคารพของชาวสิงห์บุรี
มากองค์หนึ่ง วัดสาธุการามตั้งอยู่ อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี บนฝั่งแม่น้ำน้อย อยู่ตรงกันข้ามกับวัดสิงห์สุธาวาส
ห่างจากวัดพิกุลทองประมาณ 5 กิโลเมตร และจากตัวเมืองสิงห์บุรีประมาณ 5กิโลเมตร ในอดีตหลวงปู่มา
เคยเป็นเจ้าอาวาส ซึ้งเป็นทีเคารพของชาวบ้าน ในระแวกลำแม่น้ำน้อย และไม่ว่าใครจะอุปสมบทก็ต้องให้นิมนต์พระ
อุปัชฌาย์มา พูดง่ายๆก็ว่าในเขตอำเภอค่ายบางระจันต้องมาบวชกับท่านทั้งนั้น บางครอบครัว บวชตั้งแต่พ่อ, ลูก, หลาน
เลยก็มี
หลวงปู่มาเป็นพระอุปัชฌาย์ ตั้งแต่ วันที่ 9 พฤษาคม พ.ศ. 2466 อายุ 5 ปี พรรษา 32 จนกระทั้งถึงมรณภาพ
วันที่ 10 พฤษาคม พ.ศ. 2490สิริอายุ 78 พรรษาที่ 56 หลวงปู่มาเป็นพระที่น่าเลื่อมใสอย่างยิ่งทางคณะกรรมการวัดได้
จัดสร้างสิ่งเตือนใจไว้คือ รูปหล่อองค์ท่านขนาดเท่าองค์จริงตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางอนุสาวรีย์โดยหันหน้าสู่แม่น้ำน้อยในท่านั่งชราธรรม ดทองเหลืองอร่ามไปทั้งองค์และมีพวงมาลัยเต็มไปทั่วบริเวณอนุสาวรีย์นั้น
ผมได้ไปถ่ายภาพที่อนุสาวรีย์และได้สอบถามพระครูวิริยสาร (สาลี่) ศิษย์ของหลวงปู่มา และคุณ สามารถ คงสัตย์ ก็ได้รับความรู้เรื่องราวของหลวงปู่พอสมควรและ ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงไว้ ณ ที่นี่ด้วย
พระครูวิริยสาร (มา) ท่านมีโยม บิดาชื่อ พา โยมมารดาชื่อ พิไล นามสกุล มีดี ถือกำเนิดที่บ้านม่วง หมู่ที่ 11 ตำบลท่าข้าม
อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี มีพี่น้องร่วมกัน 4 คน ท่านเป็นคนที่ 3 ผู้หญิง 3 คน ชาย 1 คน ท่านมีน้องเป็นผู้หญิงคน
สุดท้อง ท่านเกิดมื่อปี พ.ศ. 2412 พี้น้องที่ร่วมสายโลหิตเดียวกันก็มีผู้หญิงเสีย 3คน มีท่านเพียงคนเดียวที่เป็นผู้ชาย จึงได้รับ
การตั้งชื่อว่า มา โยมบิดา- มารดาเฝ้าเลี้ยงดูมาด้วยความทะนุถนอม และสังเกตุเห็นว่าชีวิตของเด็กชายมานั้น ผิดกับเด็กทั้งหลาย คือ ชอบทำบุญ ปล่อยนก –ปลา ถ้าบิดา- มารดาหาปลามาได้เพื่อไว้กิน เด็กชายมา เห็นเข้าเป็นต้องปล่อยทุกครั้งจะทำอยู่อย่างนี้เสมอๆ โยมบิดา-มารดา เฆี่ยนตีและทำโทษหลายครั้ง แต่ก็ไม่เข็ดหลาบ บิดาให้ไปเฝ้านาไล่นกที่มากินข้าว


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 28 ก.ย. 2553 - 00:52:26 น.
.


เด็กชายมาก็ปล่อยให้นกลงกินข้าว พ่อเห็นเช่นนั้นก็พูดว่า “ถ้าจะตีคงจะตายเปล่า” แต่คิดในใจว่าทำไมเด็กชาย มา ถึงมีใจบุญใจกุศลเช่นนี้ พออายุครบได้ 14 ปี ก็ปรารภกับบิดา-มารดาเพื่อขอบวช บิดา-มารดาก็ไม่ขัดข้อง จึงบวชเป็นสามเฌรที่วัดพระนอนจักรสีห์กับท่านพระครูพุทธไสยาสน์มุนี (ดิส) แต่ก็ย้ายมาอยู่ที่วัดสาธุ สามเฌรมา ก็เริ่มศึกษาเล่าเรียนพุทธประวัติและ สวดมนต์ต่างๆ แล้วท่านได้ลงไปศึกษาอยู่ที่ วัดสระเกศ กรุงเทพฯ ท่านได้เรียนสูตร, เรียนราม, และได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์กับท่านเจ้ามา วัดสามปลื้ม(วัดจักรวรรดิ) เมื่ออายุครบ 19 ปี ท่านก็กลับมาที่บ้านเกิด (วัดสาธุ) อีกครั้งหนึ่ง พออายุครบ 20ปี ท่านก็ได้อุปสมบทอีกครั้งที่ วัดป่าหวาย มีพระครูพรหมนครบวรราชมุนี (ศุข ) วัดป่าหวาย เป็นพระอุปัชฌาย์ (มีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัด) ในเขตของอำเภอ พรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เมื่ออุปสมบทได้นามฉายาตอนสวดยัดว่า “อุตฺตมโชติ” พระภิษุมาได้ใช้ความเพียรพยายามสวดมนต์ท่องบ่นนวโกวาทแทบทุกบท จนถึงพระปาฏิโมกข์ และจากนั้นท่านก็ได้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์จากพระเถระที่มีชื่อเสียงหลายรูปด้วยกัน คือ
พระครูพรหมนครบวรราชมุนี (ศุข) วัดป่าหวาย
อาจารย์ ม่วง วัดโบสถ์ เรียนคาถามหาอุด
พระอินทมุนี (โต) วัดประศุก เรียนแพทย์แผนโบราณ
พระครูพุทธไสยาสน์มุนี (ดิส) วัดพระนอนจักรสีห์ เรียนวิชาการลงนะปัถมัง
พระคณาจารย์ที่มีวิทยาคม มีชื่อเสียงก็มีจำนวนไม่น้อยเลย เช่น หลวงปู่ศุข (วัดป่าหวาย) , พระอินทมุนี(โต) วัดประศุก เจ้าคณะเมืองอินทร์บุรี , พระสิงหราชมุนี (ใย)พรหมศร วัดระนาม , หลวงพ่อเชย วัดท่าควาย , หลวงพ่อลบ วัดโบสถ์ , พระสิงห์ราชมุนี (พูน) หลวงพ่อพูน วัดสังฆราชาวาส , หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ (บางระจัน), หลวงพ่อมา วัดสาธุการาม , หลวงพ่อลา วัดโพธิ์ศรี , หลวงพ่อแป้น วัดบ้านไร่ , หลวงพ่อดี วัดแจ้งพรหมนคร , หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว , หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ,หลวงพ่อบุญ วดท่าอิฐ , หลวงพ่อบัว วัดปลาไหล , หลวงพ่อโต๊ะ วัดกำแพง , หลวงพ่อเชย วัดการ้อง , หลวงพ่อซิ่ว วัดโพธิ์ลังกา , หลวงพ่อเอาะ วัดม่วง , หลวงพ่อแป้น วัดกระทุ่มปี่ , หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม , หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง , หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญ และยังมีอีกหลายคณาจารย์ที่ยังไม่ได้กล่าวหลายองค์ครับ ล้วนแล้วเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนชาวเมืองสิงห์บุรีทั้งนั้นครับ
ในสมัยนั้นหลวงปู่มาได้ร่ำเรียนวิชาจนแกร่งกล้า มีความสามารถโดยประสบผลสำเร็จแล้ว ท่านก็ได้เริ่มออกธุดงค์วัตร (หลังออกพรรษา)หาความสงบ ตามป่า เขา ลำเนาไพ ตามป่าช้า ในหลายๆจังหวัด ปฏิบัติศีลาจารวัตรสมควรเป็นแบบอย่างแก่พระภิกษุสงฆ์ทั่วไป ครั้นพอจะใกล้ๆเข้าพรรษา หลวงปู่มาจะกลับมายังวัดสาธุการาม และจนกระทั่งท่านเป็นเจ้าอาวาส เป็นพระที่เลื่อมใสศรัทธาของสาธุชนในเขตใกล้และไกลเลยครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 28 ก.ย. 2553 - 00:53:02 น.
.


หลวงปู่มาเรียนได้สำเร็จทุกพระคณาจารย์ หลวงปู่มาเป็นครูสอนหนังสือภาษาไทยและการสอนพระธรรมวินัยแก่กุลบุตร กุลธิดา ตลอดจนพระสงฆ์ ในเรื่องแพทย์แผนโบราณท่านก็เก่ง เรื่องของสมุนไพรต่างๆนั้นท่านก็มีความสามารถมากทีเดียว ท่านได้ตั้งโรงทำยาไว้สำหรับแจก แก่ผู้เจ็บป่วย ใครเจ็บป่วยหรือต้องการยาอะไรก็มาหาท่านได้ ท่านจะให้ความอุปการะช่วยเหลือทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่รับการอบแทนเลย
ในเรื่องของขลัง หลวงปู่มาที่ท่านได้สร้างขึ้นนั้นมีหลายประเภท เช่น
ตะกรุดโทน , เสื้อแดง , หนังหน้าผากเสือ
เม็ดมะค่าปลุกเสก
ทรายเสก
และเหรียญรุ่นแรก ทำบุญอายุครบ 70 ปี สร้างไว้ประมาณ 3000 เหรียญ เป็นเนื้อทองแดงรมดำ รุ่นเดียวเท่านั้น ส่วนเนื้อเงินทำทีหลัง โดยพระครูวิจิตร และพระมหาพรหม เป็นผู้สร้าง
วัตถุมงคลของหลวงปู่มาล้วนแล้วจะมีประสบการณ์ทางด้านอยู่ยง คงกระพันทุกชนิด ปัจจุบัน วัตถุมงคลของหลวงปู่มาเริ่มที่จะหาได้ยากแล้ว และมีของปลอมออกมาระบาดให้เห็นกันอยู่ตลอด ควรจะพิจารณาให้รอบครอบ ครับ
การสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่มา ไม่จำเป็นท่านจะไม่ทำ จะทำให้ทหารไปออกศึกไปรบในสงคราม หลวงปู่ทำให้ทั้งสิ้นแต่จะไม่จำเจ
หลวงปู่มาเป็นพระคณาจารย์องค์หนึ่งที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก (ไม่เคยหยิบจับเงินเลย) ใครมาทำบุญเท่าไร ก็จัดการไปตามความประสงค์ ท่าจะทำอะไรก็จะให้ลูกศิษย์ลูกหานำไปจัดการ โดยหลวงปู่มาจะคอยดูแลอยู่เสมอ ปัจจัยต่างๆที่มีคนมาถวายท่าน หลวงปู่มาก็จะใส่กล่องไม้สัก ใส่เงินเหล่านั้นด้วยมรรคถายกวัด โดยหลวงปู่มาไม่ได้หยิบจับเงินเลย (ใช้ไม้เขี่ยเงินต่อหน้าไวยาวัจกร)
มีเรื่องเล่ากันว่า ครั้งหนึ่งเด็กในวัดหลวงปู่มา ได้ออกเดินตามบิณฑบาตกับพระเวลาเช้าๆ สุนัขมักจะกัดเด็กเสมอๆ ท่านจึงได้เอาเม็ดมะค่าที่หน้าวัดมาปลุกเสกให้ และให้ผูกติดกับเอวไว้ ปรากฎว่าถูกสุนัขกัดไม่เข้า (นั้นแสดงให้เห็นว่าของขลังของท่านดีจริง)
เหรียญของหลวงปู่มา ท่านจะปลุกเสกเพียงองค์เดียวและปลุกเสกครั้งละเหรียญหลังจากนั้นจึงจะนำไปรวมกันในบาตร เพื่อที่จะปลุกเสกรวมอีกครั้ง และใช้พลังจิตปลุกเสกจนกระทั่งเหรียญมีพุทธานุภาพสามารถวิ่งในบาตรได้ จากในบาตรหนึ่ง- ไปยังอีกบาตรได้ แล้วจึงออกมาแจกจ่ายแก่บรรดา ญาติ โยมและศิษย์ที่มีความเคารพในพระคุณท่าน


ข้อมูลเพิ่มเติม 4 - 28 ก.ย. 2553 - 00:54:18 น.
.


และเมื่อครั้งที่หลวงพ่อสาลี่ จะได้รับสมณศักดิ์เป็น พระครูวิริยสาร ก็ได้เกิดนิมิตเห็น “พระครูวิริยสาร (มา) “ เดินออกมาจากรูปหล่อหน้าวัด แล้วก็เอาพัดยศมาให้ แล้วหลวงปู่มาก็พูดว่า “เก็บรักษาไว้ตั้งนาน” หลังจากนิมิตได้ 3 วัน หลวงพ่อสาลี่ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูวิริยสาร ตำแหน่งเดิมของที่วัด ซึ่งวัดอื่นก็พยายามขอตำแหน่งนี้แต่ก็ไม่มีใครได้ไป
วันหนึ่ง เมื่อชาวบ้านมาฟังเทศน์ที่วัด พระมหาเปี่ยมศิษย์ของหลวงปู่ ท่านกำลังขึ้นบันไดศาลามา นมัสการหลวงปู่มา พอหลวงปู่มา เห็นเข้าก็ได้พูดว่า “วันนี้ไปเทศน์ปุจฉาวิสัชนา เชิงโต้ตอบธรรมะสู้เขาไม่ได้ เพาะตอบปัญหาเขาไม่ถูก 1 ข้อ” ทำให้พระมหาเปี่ยมถึงกับสะดุ้ง รำพึงในใจว่าเพิ่งกลับมาจากการโต้ตอบธรรมะ ก็มุ่งหน้ามาหาหลวงปู่เลย และไม่นึกเลยว่าหลวงปู่จะรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
อีกเรื่องหนึ่งนั้นก็คือ ก่อนที่หลวงปู่มา จะมรณะภาพประมาณ 2เดือน ท่านได้เขียนอักขระขอมไว้ที่กระดานดำหน้าวัดทุกวัน จนครบ 15 วัน ท่านก็ได้พูดว่า ของดีอยู่ที่คนสนใจ ที่เขียนไว้เป็นคาถาต่างๆ อีกไม่นานก็ต้องไป และพร้อมให้ลูกศิษย์เตรียมหาไม้มาต่อโลงศพ พอศิษย์ทราบเช่นนั้น จึงได้ปรึกษาหารือกันและขออนุญาตท่านหล่อรูปของหลวงปู่มา ไว้เพื่อเป็นที่สักการะและเคารพ หลวงปู่มา ท่านก็ได้อนุญาต พอทำพิธีหล่อรูปเหมือนได้ 7 วันหลวงปู่มา ก็ได้มรณภาพด้วยอาการอันสงบ โดยไม่มีใครรู้ว่าหลวงปู่มา ป่วยเป็นอะไร
เจ้าอาวาสเท่าที่ทราบมี
1. หลวงตาคร้าม เป็นเจ้าอาวาส ขณะที่วัดยัง มีกุฏิมุงแฝก ศาลามุงแฝก พื้นไม้ไผ่สับฟากแทนไม้กระดาน
2. หลวงพ่อมา เป็นผู้ที่ก่อตั้ง สร้างวัดทั้งหมด เพราะมีหลักฐานปรากฎอยู่ และของเก่าหลวงปู่ก็ได้รื้อทิ้งและสร้างใหม่ มีทั้ง กุฏิ , ศาลา , โบสถ์และโรงเรียนวัดสาธุจนปัจจุบัน
3. หลวงพ่อสาลี่ องค์ปัจจุบัน เป็นเจ้าคณะอำเภอค่ายบางระจัน ปรกครองดูแลวัดสาธุการามและวัดสละบาปทั้งสองวัดเลย
หลวงปู่มาเป็นพระนักปฏิบัติ มีความสำรวม มักน้อย สันโดด หาที่อยู่ทางสงบ หลังจากที่เข้าป่า –เข้าดง เพื่อหาความวิเวก ผจญมาแล้ว จนเรืองวิชาและมีสมาธิสูง มาก จนมีแต่คนกลัวปากท่าน เพราะกล่าวอะไรมักจะเป็นไปอย่างนั้น (เรียกว่าปากวาจาสิทธิ์ –ปากพระร่วง ) ในบริเวณวัดของท่านจะมีระฆังใบใหญ่ 1 ใบ ถึงเวลา ตี 4 จะมีคนคอยตีระฆัง เพื่อปลุกชาวบ้านแถบนั้นทั้งสองข้างวัด ได้ยินเพิ่อออกไปทำไร่ ไถนา หลวงปู่มาทำเช่นนี้ตลอดจนถึงมรณภาพ ขณะนี้ระฆังใบนั้นก็ยังอยู่ที่วัด หลวงปู่มาท่านเป็นพระที่ชอบสร้างสรร ไม่ชอบทำลาย ท่านได้สร้างวัดหลายวัด เช่น วัดโพธิ์คอย (ปัจจุบันเป็นวัดโพธ์ศรี) วัดกลางท่าข้าม, วัดโพธิ์สังฆาราม, วัดม่วง(วัดวังกระจับ) ,วัดยายสร้อย, วัดหนองโขลง, วัดประสิทธิ์ หลวงปู่เป็นช่างไม้ชั้นหนึ่ง (เรียกว่าบรมครูของช่างก็ว่าได้)
เรื่องรูปทรงต่างๆของไทยๆเรานั้นหลวงปู่ท่านเก่งมาก และมีศิษย์หลายคนที่ไปเรียนจากท่าน การสร้างบ้านทรงไทย, ทรงปั้นหยา, ทรงมะลิลา, นั้นท่านมีความชำนาญและเชี่ยวชาญมาก ลูกศิษย์ของท่านนั้นมี กำนันผิว, ช่างเกลื่อน , ช่างผวน ,ช่างพยอม, นายเขียว ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ที่ไปเรียนวิชาช่างไม้มากับท่านทั้งนั้น นับว่าท่านได้เป็นผู้ที่ประสิทธิ์ ประสาทวิชาความรู้เรื่องทางช่างไม้ให้ทั้งหมด บรรดาศิษย์ทั้งหลายเหล่านี้ ยังนึกถึงผู้ให้กำเนิดช่างอยู่ไม่รู้หาย หลวงปู่ท่านได้มอบสุภาษิตไว้ให้แก่ศิษย์ของท่านทุกคนว่า “ความชั่วทำลายคน ….. ความดีสร้างคน” หลวงปู่มาท่านจะนั่อยู่กับที่ตลอดวัน ท่านชอบเคี้ยวหมากอ่อน


ข้อมูลเพิ่มเติม 5 - 28 ก.ย. 2553 - 00:56:11 น.
.


หลวงปู่นั้นรอบรู้ทุกอย่างทั้ง ภาษาบาลี และ ขอม เรียนสูตรสนธิ์คล้ายแม่บทบาลี เขียนภาษาขอมได้ดีเยี่ยม ท่านไม่ค่อยพูดจา เงียบ ขรึม พูดอะไรก็เป็นเรื่องราวไปเลย ระฆังของท่านนั้นจะห้อยอยู่ที่ตึกหลังเก่า นายเก๊า จะเป็นคนตีระฆังปลุกชาวบ้าน ถ้าใครมานั่งคุยที่วัดจะต้องมี มีดหลาวมาจักตอก ไม่ให้มีเวลาว่างเปล่าประโยชน์
หลวงปู่มา ชราภาพมากและ มรณภาพ ลงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2490 เวลา เที่ยงเศษๆโดยความสงบ อายุ 78 พรรษา 56 เมื่อท่านได้มรณภาพแล้วก็ได้บรรจุศพไว้ในหีบ (ปัจจุบันหีบศพยังอยู่ที่วัด) และทางคณะกรรมการวัดพร้อมทั้งญาติโยมก็ได้จัดการฌาปนกิจศพที่หน้าวัด ขณะก่อนที่จะเริ่มลงมือเผา ก็มีชาวบ้านและศิษย์เข้าไปแย่งจีวร และผ้าขาวที่มัดตราสังข์กันจนหมด สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในงานศพของท่านก็คือ มีดวงดาวดวงใหญ่เปล่งรัศมี สุกสกาวมีแสงสว่างไสวตรงกับเมรุที่ศพพอดีชาวบ้านต่างเห็นกันทั่ว พอเสร็จพิธีก็ปรากฏว่า ดวงดาวใหญ่นั้นได้ลอยขึ้นไปสูง แลดูเล็กลงๆแล้วหายไป ชาวบ้านต่างโจษขานกันว่าหลวงปู่มามีบุญบารมีมากเหลือเกิน ดวงประทีปที่ส่องสว่างไสวโชติช่วงอยู่ท่ามกลางดวงใจของชาววัดสาธุการามและใกล้เคียง ได้หลี่ลงแล้วดับลงอย่างมืดมิดอย่างน่าใจหาย ทุกคนต่างทราบว่าหลวงปู่มา เป็นพระผู้มีพระคุณต่อพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปนั้น ได้ถึงแก่มรณภาพลง ความดีงามของหลวงปู่ที่มีมาแต่เก่าก่อน ผู้ที่ทราบข่าวต่างกล่าวกันว่า “จะหาไม่ได้อีกแล้วหลวงปู่มาองค์นี้”

เรื่องบอกเล่าจากประสบการณ์ของหลายๆคน ยังสามารถสืบทราบได้จากคนในพื้นที่และบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่ทุกยุคทุกสมัย ล้วนแต่ได้พบประสบการณ์ดีๆอย่างอัศจรรย์ ให้กล่าวขานกันมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดครับ

หนวดปากน้ำ69


 
ราคาปัจจุบัน :     1,500 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!


 

Copyright ©G-PRA.COM