(0)
ปรกใบมะขามเนื้อนวะโลหะรุ่นแรกหลวงปู่ชื้นวัดญาณเสน






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องปรกใบมะขามเนื้อนวะโลหะรุ่นแรกหลวงปู่ชื้นวัดญาณเสน
รายละเอียดท่านเป็นพระอริยะที่สำเร็จแล้วแม้แต่หลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่ยังบอกกับคนอยุธยาที่ไปกราบท่านให้มากราบหลวงปู่ชื้นให้ได้ หลวงปู่ดู่วัดสะแกก็รับรองว่าท่านเป็นพระอริยะแล้วครับ เนื้อนวะสวยเดิมๆพิมพ์สวยมากๆ สร้างไม่มากครับ @...หลวงปู่ชื้น พุทฺธสโร วัดญาณเสน ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา...@ : หลวงปู่ชื้นเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดญาณเสน เจ้าตำราเคล็ดวิชา “รัตนจักร” อันลือลั่น ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์ วิชาอาคมและแพทย์แผนโบราณ โดยนำความรู้ทุกแขนงมาช่วยปัดเป่าทุกข์ให้กับชาวเมืองกรุงเก่าจนเป็นที่เคารพเลื่อมใสในความมีเมตตาธรรมอันสูงส่ง นอกจากนี้ ยังมีวัตถุมงคลขลังที่มากด้วยประสบการณ์ ด้านเมตตา แคล้วคลาด นับเป็นพระดีศรีอยุธยา อีกรูปหนึ่งที่ชาวเมืองกรุงเก่าภาคภูมิใจยิ่งนัก พื้นเพของท่านเป็นชาวหมู่บ้านไฝต่ำ อ.หนองแค จ.สระบุรี นามเดิมว่า “ชื้น” เกิดเมื่อวันพุธ เดือน 4 ปีมะแม ตรงกับวันที่ 18 มีนาคม 2450 ในตระกูลของนายจัน นางหงิม สกุล “ยอดฉิม” ซึ่งประกอบอาชีพทางการเกษตร เบื้องต้นได้ศึกษาเล่าเรียนที่ วัดเกาะลอย ซึ่งอยู่ในหมู่บ้าน จากนั้นเมื่ออายุ15 ปี ก็บรรพชาเป็นสามเณร จนถึงอายุ 18 ปี ก็ลาสิกขาบทออกมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนาอยู่ประมาณ 3 ปี ภายหลังจึงเข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดเกาะลอย ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2470 โดยมีหลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ จ.สระบุรี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองสระบุรีเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการมาด วัดหนองแคเก่า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการทองดี วัดเกาะลอย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “พุทธสโร” ท่านเป็นพระที่ขยันหมั่นเพียรในการเรียนพระปริยัติธรรมจนกระทั่งพรรษาที่3จึงสอบได้นักธรรมตรี ก่อนที่จะตัดสินใจเลิกเรียนทางด้านนี้ เบนเข็มทิศไปหาความรู้ทางด้านไสยศาสตร์วิชาอาคมจากครูบาอาจารย์วัดเกาะลอย ซึ่งทั้งวิชาไสยเวทย์และแพทย์แผนโบราณ เมื่อมีความรู้รักษาตนเองได้ จึงออกธุดงค์บำเพ็ญเพียรเสาะหาพระเกจิอาจารย์เพื่อร่ำเรียนวิชาอาคมอย่างต่อเนื่อง ได้ออกเดินทางจากจังหวัดสระบุรีเรื่อยมาจนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมาหยุดจำพรรษาที่วัดญาณเสนในปัจจุบันนี้ ณ อารามแห่งนี้ ท่านได้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์ โหราศาสตร์และวิชาเล่นแร่แปรธาตุกับพระอาจารย์สาย หรือขุนโจรย่ามแดงในอดีต ได้อยู่จำพรรษาตั้งแต่นั้นมา โดยพึงพอใจกับวิชาความรู้ที่ช่วยสงเคราะห์ญาติโยมที่มาให้ท่านช่วยปัดเป่า บรรเทาความเดือดร้อนอยู่หลายปีด้วยกัน ช่วงเวลานั้นชื่อเสียงของพระอาจารย์สายและพระอาจารย์ชื้นเป็นที่ร่ำลือถึงความเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าใครจะเป็นอะไรมาท่านทั้งสองจะช่วยสงเคราะห์ได้หมด ชื่อเสียงขจรไกลถึงกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนั้นได้มีเศรษฐีผู้หนึ่งได้เกิดเป็นโรคเหน็บชา รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ยาไทยยาเทศกี่ขนานก็เอาไม่อยู่ เมื่อล่วงรู้เกียรติศักดิ์ของหลวงพ่อชื้น จึงเดินทางมาให้ท่านรักษา ท่านเสกไพรไปให้ทานปรากฏว่าหายเป็นปลิดทิ้ง เขาจึงกราบเรียนท่านไปจำพรรษาอยู่ที่วัดแค นางเลิ้ง (วัดสุนทรธรรมทาน) กรุงเทพฯ พร้อมถวายตัวเป็นโยมอุปัฎฐาก แต่เมื่อท่านไปปรึกษากับพระอาจารย์สาย ได้รับเหตุผลและแง่คิดมากมาย จนทำให้ต้องบอกปฏิเสธไป ต่อมาพระอาจารย์สายได้ลาสิกขาบทออกไป ทำให้หลวงปู่ชื้นต้องอยู่อย่างลำพังต้อนรับญาติโยมที่นับวันจะมากขึ้นทุกวัน จึงเริ่มเบื่อหน่ายในวิชาไสยศาสตร์และคาถาอาคม ทำให้ร่างกายและจิตใจของท่านเกิดความร้อนรุ่ม ประกอบกับมีข่าวเกี่ยวกับพระภิกษุรูปหนึ่งมาปลักกลดอยู่ที่หน้าวัดกุฎีทอง มีญาติโยมขึ้นกันมากมาย ปฏิปทาของพระอาจารย์รูปนั้นเป็นที่โจษขานกันมากโดยในวันพระจะไม่พูดกับใครเลยและจะไม่ฉันอาหารใดๆทั้งสิ้น ส่วนวันธรรมดาก็จะพูดน้อยมาก อัฐบริขารก็จะมีเพียงกลด จีวรและรองเท้าเก่าๆ ส่วนในย่ามก็มีเพียงกะลาสำหรับเป็นภาชนะใส่ข้าวและช้อนที่ทำจากกะลาเท่านั้น มารู้ภายหลังว่าพระอาจารย์รูปนั้นคือ “พระอาจารย์เสน เตชธัมโม ธุดงค์มาจาก อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา หลวงปู่ชื้นจึงไม่รีรอที่จะเข้าไปใกล้ชิด เพื่อสัมผัสและพิสูจน์ตามคำโจษขานนั้น และได้รับคำทักท้วงว่า “ท่านเดินผิดทางแล้ว” พระอาจารย์เสนย้ำอยู่อย่างนี้หลายครั้งหลายหน จนท่านนำคำพูดนั้นมาทบทวน และค่อยใช้สติสมาธิพิจารณาถึงความหมาย จนกระทั่งพบข้อเท็จจริงแห่งสัจธรรม ทั้งสองท่านก็ปรารถณาเป็นศิษย์-อาจารย์กัน ทบทวนศีล พระธรรมวินัยต่างๆ โดยหลวงปู่ชื้นได้นำตำราไสยศาสตร์วิชาอาคมต่างๆที่เล้าเรียนมาตั้งแต่ต้นเผาทิ้งจนหมดสิ้น จึงกลับมาปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดกับพระอาจารย์เสน พร้อมทั้งนิมนต์ให้ผู้เป็นอาจารย์มาจำพรรษาที่วัดญาณเสน จากปฏิปทาที่เปลี่ยนแปลงไปของท่าน จึงมีเสียงครหาไปในทางไม่สู้ดี แต่ท่านก็ไม่สนใจยังคงมุ่งหน้าที่จะมุ่งปฏิบัติต่อไปจนถึงขั้นอุกฤษฎ์ใต้ต้นโพธิ์ข้างโบสถ์เป็นเวลา 1 เดือน ด้วยการนั่งสมาธิตลอดเวลา ยกเว้น เวลาฉัน ปัสสาวะและขับถ่ายเท่านั้น ชั่วเวลาเพียง 24 วัน จากการเริ่มปฏิบัติท่านก็สำเร็จสุดยอดวิชา“รัตนจักร” พร้อมกันนั้นท่านก็ถูกร้องเรียนไปทางคณะสงฆ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้พิจารณาในปฏิปทาที่เพี้ยนๆเป็นต้นว่า ชอบอยู่อย่างสมถะ สันโดษ ข้างของที่ญาติโยมนำมาถวาย ใครจะหยิบอย่างไรก็ไม่ห้ามปราม หมู หมา กา ไก่ ฯลฯ จะมาอยู่ในวัดสร้างความสกปรกอย่างไรท่านก็วางเฉยไม่ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น จึงมีมติให้ปลดท่านจากการเป็นเจ้าอาวาส หลวงปู่ชื้นท่านก็มิได้อนาทรร้อนใจใดๆทั้งสิ้น เพียงขอทางคณะสงฆ์ว่า การตั้งเจ้าอาวาสให้ตั้งจากพระที่มาจากวัดญาณเสนเท่านั้น ในความรู้สึกของชาวบ้านและญาติโยมทั่วไปก็ยังคงเคารพนับถือหลวงปู่ชื้นไม่มีเสื่อมคลาย ในวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื้นที่ผ่านการอธิษฐานจิตจากท่าน หลวงปู่จะอัญเชิญพระรัตนจักรมาสถิตในวัตถุมงคลนั้นๆเสมอ หลวงปู่ชื้น พุทฺธสโร มรณภาพอย่างสงบในวัย 97 ปี ภายในกุฏิตึกทรงธรรม ต่อหน้าลูกศิษย์จำนวนมากที่เฝ้าดูแลใกล้ชิด หลังจากอาพาธมานานด้วยโรคประจำตัวหลายโรคด้วยกัน เมื่อ 17 มิ.ย. 2546 @
หลวงปู่เก่งทางเล่นแร่แปรธาตุเนื้อนวโลหะของท่านจึงสีสรรแปลกๆไม่ค่อยเหมือนกันสักรุ่น
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน250 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ25 บาท
วันเปิดประมูล - 28 ก.ย. 2551 - 09:21:46 น.
วันปิดประมูล - 08 ต.ค. 2551 - 09:21:46 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลมีเงินมีทอง (5.8K)(1)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     250 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     25 บาท

!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!


 

Copyright ©G-PRA.COM