| รายละเอียด | ***ประวัติหลวงปู่ฤทธิ์ รัตนโชโต วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์ ***เกิดวันอาทิตย์ที่ 13 เดือน 6 (พฤษภาคม) แรม 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2460 ณ ตำบลทุ่งมน อำเภอประสาท จังหวัดสุรินทร์ ท่านบวชเณรเมื่อปี 2482 และบวชเป็นพระที่วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน จ.สุรินทร์ เมื่อปี 2483 โดยมีหลวงพ่อแปะ วัดปราสาทธนาพร (บ้านพลวง) อำเภอประสาท เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านมาจำพรรษาที่วัดปราสาทธนาพร เพื่อศึกษาพระธรรมกับหลวงพ่อแปะอยู่ 3 ปีจึงได้ย้ายไปจำวัดอยู่ที่วัดพลับ ตำบลทุ่งมน อีก 4 ปี หลวงปู่ฤทธิ์ย้ายไปอยู่ วัดบ้านกระนัง ต.ปรือ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เมื่อปี 2490 ระหว่างที่อยู่วัดนี้ท่านได้ออกธุดงค์ไปเสาะแสวงหาความรู้ทั้งทางธรรมและทางไสยศาสตร์ทั่วเขตอีสานจนตลอดเข้าไปในประเทศลาวและเขมร ท่านได้พัฒนาวัดบ้านกระนังจนเจริญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ในปี พ.ศ.2535 ท่านจึงได้ย้ายมาสร้างวัดชลประทานราชดำริ ที่บ้านกระทุ่ม ต.สูงเนิน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ตามพระราชดำริและได้จำพรรษาอยู่ที่นี่มาจนกระทั่งมรณภาพเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2548 เวลา 04.00 น. (สิริรวมอายุได้ 89 ปี) เป็นที่อาลัยแก่เหล่าบรรดาลูกศิษย์ยิ่งนัก***หลวงปู่ฤทธิ์ท่านเป็นพระเกจิดังเชื้อสายเขมรที่มีความเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมทั้งของไทย ลาว และ เขมร อย่างหาผู้เทียบเคียงไม่ได้ ท่านเป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน ฐานะเป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านจะให้การต้อนรับพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องนั่งรถยนต์ราคาแพงๆ ไปกราบท่านแล้วถึงจะได้พบท่าน นอกจากจะได้รับการต้อนรับขับสู้จากท่านอย่างไม่ถือเนื้อถือตัวแล้ว หลวงปู่ยังจะปลุกเสกวัตถุมงคลในมือของท่านเป็นอย่างดีก่อนมอบให้อีก บางครั้งท่านก็จะจารเป็นอักขระยันต์ให้ บางครั้งท่านก็จะพรมน้ำมนต์ให้ วัตถุมงคลของท่านถือว่าเป็นสุดยอดไม่ว่าจะได้โดยตรงจากมือหรือที่ศูนย์พระเครื่องต่างๆ ก็ตามซึ่งกิตติศัพท์หลวงปู่ฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือมานานหลายสิบปีในจังหวัดแถบอีสาน แต่ในปัจจุบันชื่อเสียงของท่านได้ระบือ ไป ไม่แค่เพียงทั่วประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้เท่านั้น ยังแผ่ขยายออกไปประเทศต่างๆ อาทิเช่น มาเลเซีย ลาว ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น อันเป็นการบอกเล่าและถ่ายทอดประสบการณ์ของวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์ สู่กันและกันจากปากสู่ปากมากกว่าการเกิดจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในหนังสือต่าง ๆ บรรดาผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน ต่างก็พบกับอภินิหารแบบพลิกชะตาชีวิตได้อย่างทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เรียกเงินเรียกทอง เป็นต้น แม้ว่าทุกวันนี้จะเป็นยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ข้าวยากหมากแพง ราคาน้ำมันพุ่งพรวด ทำมาหากินลำบากกันถ้วนหน้า แต่คนที่บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์มักจะได้พบกับสิ่งแปลกประหลาด เช่น ค้าขายดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ มีโชคได้ลาภพุทธคุณ ล้ำเลิศ ทางด้านเมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย ร่ำรวย แคล้วคลาด ปลอดภัย เป็นมหาอุด เป็นมหาอำนาจ แก่ผู้ครอบครอง เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นใหญ่เป็นโต และคงกระพันชาตรีเป็นเยี่ยม เดินทางไปเหนือล่องใต้นำพระหลวงปู่ฤทธิ์ติดตัวไปด้วยมั่นใจแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง หลวงปู่ศักดิ์สิทธิ์พุทธคุณคาถาอาคมท่านถือว่าสุดยอดมากจะปลุกเสก หรืออธิฐานจิตท่านเข้มขลังมาก มีคนลองเอาเหรียญ และตะกรุดของท่านไปลองของแขวนไว้กับต้นกล้วยแล้วยิง 3 นัด ปรากฏว่า ปืนยิงไม่ออก คนยิงก็เลยจุดธูปขอท่านยิงอีกครั้งเป็นครั้งที่ 4 ปรากฏว่าลูกปืนขัดลำกล้อง เลยต้องขอขมาท่านอีกครั้งและเป็นอันว่าต้องหยุดยิ งไปโดยปริยาย อีกรายเป็นทหารในจังหวัดบุรีรัมย์ได้ลงมือ ยิงพระ 2 องค์ องค์แรกเป็นพระกริ่งรุ่นบล้อกแตกของหลวงพ่อรูปหนึ่ง ซึ่งกำลังมีชื่อเสียงเกริกไกร (ขอสงวนนามท่านไว้) กับอีกองค์หนึ่งคือรูปเหมือนรุ่นแรกของหลวงพ่อฤทธิ ผลการยิงปรากฏว่าพระกริ่งรุ่นแรก (รุ่นบล้อกแตก) กระจุยในนัดเดียว ส่วนรูปเหมือนรุ่นแรกของหลวงพ่อฤทธิไม่ถึงออก 2 นัด เรียกได้ว่า พุทธคุณครอบจักรวาล ครบถ้วนทุกด้านจริงๆ **
**** ขุนแผนพรายกุมาร(ทอง) รุ่นรวยเงินรวยทอง ถือรุ่นสุดท้ายทิ้งทวน ของหลวงปู่ฤทธิ์ วัตถุประสงค์เพื่อหารายได้สร้างศาลามหากุศล ที่ยังค้างอยู่และหลวงปู่ท่านห่วงอยากให้แล้วเสร็จในยุคที่ท่านยังอยู่***มวลสารสุดแสนพิสดาร ฯ เนื้อผงว่าน ผสมผงไม้ตะเคียนเสกรวมอำนาจจิต ๓ ผสาน ๓ วาระ ๑ จันทราคราส มวลสารสำเร็จจากผงพรายกุมารและขุนแผนลงกรุที่ชำรุดของหลวงปู่ทิม อิสริโก ซึ่งได้จากศิษย์สายตรงคุณชินพร สุขสถิตย์ แห่งมูลนิธิหลวงปู่ทิม ไม้อาถรรพ์ต่าง ๆ เช่นว่านดอกทอง ,ไม้กาหลง (ต้นไม้ที่นกกาบินมาเกาะแล้วหาทางออกไม่ได้ บินวนไปมาจนตาย), ไม้มะยมตายพราย,ไม้กาฝากรัก, ไม้ปะนมปีเก็ง(ไม้วัวลืมคอก) ,และไม้หลงลืมผสมกับสีผึ้ง และน้ำมันเสกเดือด ของหลวงปู่ทิม อิสริโกและยังผสมด้วย น้ำมันช้างตกมัน(กั่วเผาะ) และงากำจาย ,ผงบางส่วนที่ได้จาก หลวงปู่ธรรมรังษี ***การปลุกเสกนั้นจาก หลวงปู่ธรรมรังษี ท่านได้ปลุกเสกคืนวัน "กบกินเดือน"ต่อจากนั้นจึงนำไปให้ "หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานราชดำริ บุรีรัมย์ปลุกเสกเป็นท่านสุดท้าย
วัตถุมงคลรุ่นสุดท้าย ของหลวงปู่ฤทธิ์ บอกไว้ว่า วัตถุมงคลรุ่นนี้จะต้องเป็นสุดยอดแห่งเครื่องราง ของขลัง โดยเป็นชุดที่หลวงปู่มีความตั้งใจบรรจุพลังจิตปลุกเสก ๑๐๘ ซึ่งท่านได้ร่ำเรียนมาจากยอดพระเกจิอาจารย์ในอดีตตามแบบวิชาเขมรโบราณ มีความเข้มขลัง เต็มไปด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ เป็นที่ปรากฏอย่างกว้างขวางประจักษ์แจ้งแห่งวงการผู้นิยมวัตถุมงคลเครื่อง รางของขลังทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่
หลวงปู่ฤทธิ์ท่านเน้นหนัก หนาว่าผู้ที่นำวัตถุมงคลของหลวงปู่ไปใช้ จะต้องพบกับความสุข ความเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน อีกทั้งแคล้วคลาด ค้าขายดี มีโชคลาภ มีเสน่ห์ แก่เพศตรงข้าม ใครเห็นต่างเอ็นดู หลวงปู่ฤทธิ์ กล่าวว่า ผู้ใดบูชาพระขุนแผนรุ่น " รวยเงิน รวยทอง " นี้ ต่อไปจะหายาก เพราะมวลสารที่นำมาผสมในองค์พระล้วนทรงคุณค่ายากจะหาสิ่งใดมาเทียบ เป็นพระผงชุดเดียวเองที่หลวงปู่บรรจงสร้างขึ้นมาเพื่อให้ศิษยานุศิษย์นำไป ใช้ หลวงปู่มักจะพูดอยู่เสมอว่า พระขุนแผนรุ่นนี้ดีน่าเก็บไว้เถิดจะดีเอง
***แม้แต่หลวงปู่ชื่น ที่วัดทุ่งเศรษฐีราม 2 เมื่อปี 45 ในกุฏิท่านมีเตียงหลวงปู่ฤทธิ์ วางเคียงกัน หลวงปู่ชื่นบอกว่าเป็นเกลอกัน หลวงปู่ฤทธิ์ท่านเก่งด้านคงกระพัน อิ้นคู่ กุมาร ลูกกรอกหรือก้นกร๊อก **** องค์ที่นำมาลงประมูลนี้เป็นพิมพ์เล็ก เนื้อดำ (มี 5 เนื้อ ขาว,ดำ,แดงอิฐ,เหลืองขมิ้น,น้ำตาล) ด้านหลังบรรจุตะกรุดสาริกาคู่ ตอกโค้ดที่ใต้ฐาน สวยเดิมๆพร้อมกล่องและใบบูชาเดิๆจากวัด ราคาหลักร้อย พุทธคุณหลักล้าน เริ่มเคาะแรกค่ะ รีบเก็บก่อนแพงนะคะเดี๋ยวตกขบวน ***เคล็ดลับการบูชาก่อนบูชาติดตัวตั้งนะโม 3 จบและว่าคาถากำกับ 3 - 5 - 7 - 9 จบแล้วแต่สะดวก ตั้งจิตให้มั่นแล้วอธิฐานขอสิ่งที่ตั้งใจไว้เพียงอย่างเดียวเช่น จะออกไปค้าขายก็ขอให้ขายดิบขายดี / จะออกไปเสี่ยงโชคก็ขอด้านโชคลาภ / จะออกไปติดต่อธุระกับผู้หลักผู้ใหญ่ก็ขอทางเมตตา แล้วเมื่อสมปรารถนาแล้ว อย่าลืมทำบุญถวายให้หลวงปู่ท่าน และพรายกุมารด้วยนะคะ เพื่อพรายกุมารท่านจะได้มีฤทธิ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีพลังที่จะช่วยเหลือ ค้ำจุน ผู้ครอบครองให้สมหวังดังปรารถนาค่ะ** * |
