(0)
ปิดตาพังพกาฬ วัดมะม่วง โค๊ดดอกจัน หลังราหู 1 ชุด 3 สี ดำ - แดง - ขาว สวยกริ๊บ ๆ ขอบเต็มไม่มีบิ่นล้ม






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องปิดตาพังพกาฬ วัดมะม่วง โค๊ดดอกจัน หลังราหู 1 ชุด 3 สี ดำ - แดง - ขาว สวยกริ๊บ ๆ ขอบเต็มไม่มีบิ่นล้ม
รายละเอียดนาน ๆ มาทีครับ ปิดตาพังพกาฬ วัดมะม่วง โค๊ดดอกจัน หลังราหู 1 ชุด 3 สี ดำ - แดง - ขาว สวยกริ๊บ ๆ สร้างและปลุกเสกในพิธีพร้อมจตุคามรามเทพรุ่นบูรณะเจดีย์ราย ปี 45 โดยท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช สร้างและปลุกเสก ด้วยตนเอง

นาน ๆ มาทีครับ ชุดธรรมดาเห็นบ่อย แต่ชุดกรรมการหลังราหู โค๊ดดอกจันมีไม่บ่อย และพระชุดนี้จะเป็นพระชุดหลักต่อไปในสายขุนพันธ์ที่โด่งดัง
สนใจเคาะครับ รับประกันความแท้ ขอบไม่มีบิ่นล้ม สมบูรณ์ทุกแว่นทุกวง pepsodent การันนตี ครับ
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน7,500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 29 ม.ค. 2550 - 10:44:40 น.
วันปิดประมูล - 04 ก.พ. 2550 - 03:08:24 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลpepsodent (57)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 29 ม.ค. 2550 - 11:49:40 น.
.


ชุดนี้เป็นชุดกรรมการครับ ท่านขุนฯ แจกเฉพาะกรรมการในพิธี และทำจำนวนจำกัด


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 02 ก.พ. 2550 - 16:28:23 น.
.


อีกครึ่งพันครับ พระชุดนี้หาไม่ได้ง่ายแล้วครับ คิดจะเล่นเช่าหาให้ระวังให้ดีครับ โค๊ดดอกจันด้านหลังต้องคมลึก และมีครั่ง และผิวต้องแห้ง พิมพ์ต้องคม พระชุดนี้เก็บได้เก็บไว้เลยครับ เพราะเป็นพระชุดที่ท่านขุนพันธ์ทำ และหลังจากพระราชทานเพลิงศพท่านขุนพันธ์แล้ว ราคาจะไปไกลกว่านี้ เนื้อเคลือบเล่นกันแพงหกเจ็ดพัน แต่เป็นพิมพ์ในชุดที่เปิดออกให้เช่าไม่ได้เป็นพิมพ์เฉพาะเหมือนชุดกรรมการเหมือนพระชุดนี้ครับ ที่นครบ้านผมเมื่อก่อนเห็นบ่อย ตอนนี้ไม่มีแล้วครับ ส่งกรุงเทพฯ หมด


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 02 ก.พ. 2550 - 16:31:52 น.
.


รุ่นนี้ปลุกพิธีเดียวกับเจดีย์รายเมื่อคราวปี 45 และพิธีกรรมยิ่งใหญ่อีกวาระ 3วัน3คืน..ในปี 46 ณ พิธีกรรมวัดมะม่วงขาว น่าหาเป็นที่ระลึกถึงขุนพันธรักษ์ราชเดช ที่ทุ่มเทพลังแรงกายปลุกเสกมหากฤตยาคมแห่งสายเขาอ้ออย่างเต็มกำลัง วัตถุมงคลรุ่นนี้ ขุนพันธรักษ์ราชเดช ประธานฝ่ายจัดสร้าง และสร้างไว้ก่อนแล้วเมื่อปี 45 และได้นำเข้าร่วมปลุกเสกพิธีจตุคามรามเทพ รุ่นบูรณะเจดีย์ราย ปี 45 เข้าพิธีพร้อมกัน ยิ่งใหญ่อลังการเข้มขลังเสมอกัน ปลุกเสกครบทั้ง3ภูมิ ตามแบบชาวชวากะโบราน ปลุกเสกทั้งบนบก บนน้ำ และบนอากาศ
รุ่นนี้ได้เข้าพิธีมากสุด ผ่านประจุพุทธคุณมากมายที่สุด เนื้อหามวลสารก็สุดๆหาได้ด้อยไปกว่ารุ่นบูรณะเจดีย์รายไม่ เพราะใช้มวลสารเดียวกันทั้งหมด
เป็นสุดยอดของรุ่นนี้ สร้างน้อย หายากมาก


ข้อมูลเพิ่มเติม 4 - 02 ก.พ. 2550 - 16:32:27 น.
.


วัดมะม่วงขาว (ศรีธัมมาราม) จ.นครศรีธรรมราช
เปิดตำนาน วีรบุรุษ นักรบ กู้ชาติ แห่งกรุงศรีวิชัย (เมืองช้างค่อม ศิริธมราช) หรือ เมือง 12 นักษัตใจกลางคาบสมุทรทะเลใต้ เพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนทั่วไป ได้ร่วมบุญกุศลในการทำนุบำรุงศาสนา ซึ่งเป้นอนุสรณ์สถานแก่ ท้าวพังพการ วีบุรุษนักรบ ซึ่งชาวทะเลใต้ยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งการใช้ดาบ เป็นอาวุธกู้ชาติเคยมีแก้วพญานาคราชเป็นคู่ชีวิต จากตำนานองเมืองช้างค่อม ศรีวิชัย ศิริธัมราช และตำนาน เมืองพะโค๊ะ(กรุงศรีอยุธยา) ท่านท้าวพังพการและหลวงพ่อทวด แม้จะห่างกันคนละยุค แต่มีส่วนคล้างคึงกันมาก คือเป็นชาวทะเลใต้ เกิดในดินแดนศรีวิชัย มีพญางูคาบแก้วให้ตั้งแต่นอนเปล และทั้ง 2 ท่านเป็นผู้กู้ชาติผิดกันเพียงแต่ท่านหนึ่งกู้ชาติโดยการใช้อาวุธ ส่วนอีกท่านหนึ่ง กู้ชาติโดยการใช้สติปัญญา หรืออาจจะเป็นเพราะขณะกู้ชาติทั้งสองท่านดำรงค์อยู่คนละเพศ แต่ล้วนแล้วทั้ง 2 ท่านอุบัติขึ้นมาบน คาบสมุทรทะเลใต้ เหมือนสวรรค์บันดาลและยังตราตรึงอยู่ในหัวใจของประชาชนจนปัจจุบัน
อาณาจักร แห่งคำทำนาย ของพระโสณะมหาเณร (โสณะทำนาย)จากความยิ่งใหญ่ของสุวรรณภูมิ อาณาจักรเก่าแก่ของไทยเมื่อ ถึงกาลล่มสลายทำให้เกิดเมืองใหญ่อีกหลายเมือง เช่น ศรีวิชัย เดือนทอง (ทวาราวดี) นองทอง (กาญจนบุรี) อู่ทอง(สุพรรณบุรี) และสุโขทัย
ในขณะเดียวกันเมือง พี่ คือ ศรีวิชัย ช้างค่อม (นครศรีธรรมราช) ซึ่งตั้งอาณาจักรโดย ลูกชายของพระเจ้าจันทรภาณุ กษัตริย์องค์สุดท้ายของอาณาจักรสุวรรณภูมิ และเมืองน้อง คือ สุโขทัย ซึ่งตั้งโดย ขุนศรีนาวนำถมลูกเขยของขุนหาญบุญไทย (น้องชายของพระเจ้าจันทรภาณุ) ทั้ง 2 เมืองเป็นสายเลือดของ สุวรรณภูมิ เป็นพี่น้องกันและติดต่อทั้งด้านการเมือง ด้านวัฒนธรรมและด้านการศาสนา แต่เนื่องจากศรีวิชัย ตั้งเป็นเมืองก่อนและเป็นลูกกษัตริย์ของสุวรรณภูมิโดยตรง และเคยเป็นฐานทัพเรือเดิม สมัยสุวรรณภูมิ บรรดาเมืองขึ้นของสุวรรณภูมิที่เคยมีทั้งหมดถึง 112 เมือง ในคาบสมุทรทะเลใต้จงดัง บานัวกินี และออสเตเลีย ประมาณครึ่งหนึ่ง (จากหลักฐานในกระเบื้องจานที่ขุดได้ในดินแดนสุวรรณภูมิ กล่าวว่า เมื่อพระเจ้าอโศกของอินเดีย ชำระพระไตรปิฏกได้แกะพระพุทธรูปด้วยไม้จันท์หอม ส่งมาถวาย กษัตริย์สุวรรณภูมิ กษัตริย์สุวรรณภูมิ แกะขึ้นอีกด้วยไม้จันท์หอมจำนวน 112 องค์ แล้วส่งไปยังเมืองขึ้นอีกเมืองละองค์
แต่ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรศรีวิชัย ก็ต้องอ่อนกำลังลงตามกฎของไตรลักษณ์ คือ เกิดตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดามาเมื่อ ประมาณ พ.ศ. 1700-1800 ปี ศรีวิชัยแพ้ศึกชวา ต้องส่งส่วยไข่เป็ดอยู่นาน แต่ก็หาสิ้นคนดีไม่ในช่วงดังกล่าว ก็บังเกิดมีคนดีขึ้นในแผ่นดินศรีวิชัย ที่ ตำบลพเตียนทางทิศตะวันตกของ พระบรมธาตุเจดีย์มีชาวนาคู่หนึ่งนำลูกชายใส่เปลไว้ใต้ร่มไม้กลางนา ต่อมามีจงอางเอาแก้วมาใส่ให้ในเปลพ่อแม่มาเห็นเข้าจึงตั้งชื่อลูกว่า พังพการ เด็กชายพังพการ เมื่อเยาว์วัย ก็เล่นตามประสาเด็กหาได้ รับรู้เหตุการณ์บ้านเมืองไม่ อยู่มาวันหนึ่ง กลุ่มเด็กๆ รวมทั้งพังพการด้วย มาเล่นตามจับปลาในนา และให้สัญญาแก่กันว่า ถ้าปลาออกทางผู้ใดจะต้องถูกตัดหัวโดย เด็กชายพังพการ เป็นผู้ตัดหัวเอง นิสัยของพังพาการคงจะชอบเป็นทหาร และปลาก็ออกทางหว่างขา ของเด็กชายคนหนึ่ง พังพการก็ทำหน้าที่ เป็นคนตัดหัวเพื่อน โดยเดาดาบภาเขซึ่งเป็นต้นไม้เนื้ออ่อนที่มีอยู่ทั่วไป ตามพื้นที่ภาคใต้เด็กๆ ชอบเอามาลอกเปลือกออกแล้วเอากิ่งเล็กๆ มาเป็นดาบฟันกันเล่น แต่เหตุการณ์กลับเป็นว่า เมื่อพังพการใช้ดาลไม้ภาเขตัดหัวเพื่อนขาดตาย พ่อแม่ของเด็กที่ตายไปบอกกรมเมืองๆ ไปบอกแก่พระญาณ เห็นเป็นเรื่องมหัศจรรย์ จึงเอาพังพการเป็นบุตรด้วยเล็งเห็นว่าคงเป็นคนมีบุญมาเกิดในแผ่นดินศรีวิชัย เป็นแน่แท้ และคงถึงคราวแล้ว ที่จะกู้เอกราชให้ศรีวิชัยกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม ไข่เป็ดที่ส่งส่วยให้ชวาปีหนึ่งเป็นลำเรือสำเภา มิสู้เอามาให้ประชาชนกินเอง ไม่ดีกว่าหรือ
พระญาฯ ก็คิดแข็งเมือง โดยให้ขุดคูรอบเมือง เมื่อทุกอย่างที่เตรียมการเสร็จคงเป็นเวลาหลายปี
พังพการเป็นหนุ่ม สามารถรับใช้ชาติได้แล้ว จึงไม่ส่งส่วยให้ชวาอีกต่อไป ทัพชวาจึงยกกองเรือมารบ พระญาฯให้พังพการเป็นแม่ทัพในการรบ ตามตำนานกล่าวว่า พังพการสามารถฆ่าทหารชวา วันละ 30-40 คนโดยทหารชวาไม่เห็นตัวพังพการซึ่งจากตำนานที่ปู่ ย่า ตา ยาย เล่าต่อกันมาว่า พังพการขึ้นไปยืนบนเขาหนอกวัว (มหาชัย) แล้วแกว่งดาบกลางอากาศ ลักษณะใช้วิชาบังฟันศัตรู ทำให้ชาวศรีวิชัยยกย่อง พังพการเป็นเทพแห่งอาวุธและยังพูดกันต่อมาว่า ตายกับดาบภาเข (เป็นคำพูดเปรียบเทียบว่าตายง่ายๆ อย่างไม่นาเชื่อ) คำพูดที่ว่าระวังตายกับดาบภาเขนั้นมีพูดกัน ในเมืองเดียวนครศรีธรรมราช ในแผ่นดินของประเทศไทย และยังพูดกันจนถึงทุกวันนี้ เมือชวาตายมานั้นก็เกิดความกลัวจึงแตกทัพหนีไป ศรีวิชัยได้รับเอกราชกลับคืนมาพระญาฯจึงให้ความดีความชอบพังพการ โดยให้ครองเมืองทางฝ่ายตะวันตก จากองค์พระบรมธาตุเจดีย์ไปจรดภูเขา ชาวเมืองต่างพากันยกย่องให้พังพการเป็นเทพโดยเรียกชื่อว่า ท้าวพังพการ แล้วเปลี่ยนชื่อเขาหนอกวัวเป็น เขามหาชัย จนถึงปัจจุบัน)
แต่เนื่องจากศรีวิชัย เป็นเมืองขึ้นชวานานเกินไปบรรดาหัวเมืองทางเหนือก็หันไป ขึ้นกับสุโขทัยจึงเข็มแข็งกว่า ในเวลาต่อมาและกลายเป็นเมืองหลวงต่อจาก กรุงศรีวิชัย เมืองขึ้นของศรีวิชัย ทางคาบสมุทรทะเลใต้ก็หันไปขึ้นกับสุโขทัยด้วย
จากตำนาดังกล่าวต่อมาประมาณ พ.ศ.1900-2000 ลูกหลานของท้าวพังพการ ได้บวชเรียนเป็นภิกษุสงฆ์ และเป็นสมภาร ที่วัดศรีธัมมาราม ชื่อพระโพธิญาณรังษี เป็นพระสำคัญรูปหนึ่ง ในยุคนั้น ได้สร้างอนุสรณ์แก่ต้นตระกูลของท่าน คือ ท้าวพังพการ โดยสร้างพระปิดตามีงูจงอางที่คาบแก้วให้พังพการเป็นสัญลักษณ์ อยู่ที่องค์พระด้วย เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติให้แก่ท้าวพังพการการสร้างครั้งนั้นทำด้วยเนื้อสัมฤทธิ์ และเงิน เพื่อให้อนุชนชาวศรีวิชัยรุ่นหลังได้ระลึกถึงบุญคุณของท้าวพังพการ และฝังบริเวณ วัดรอบดๆบ้านของท้าวพังพการ เช่น วัดกล้ายาน วัดศรีธมมาราม (วัดมะม่วงขาวปัจจุบัน)แต่ยังคงเหลือ แต่วัดศรีธัมมาราม(วัดมะม่วงขาว)ส่วนวัดหล้ายานร้างไปนานแล้วและพระปิดตาพังพการ รุ่นนั้นนับได้ว่าเป็นพระปิดตาที่มีอายุมากที่สุดในประเทศไทยยังมีการขุดเจอบ่อยครั้ง ในละแวกบ้านของท้าวพังพการแต่มีราคาสูงมากสำหรับของแท้จริงๆ
ปัจจุบัน วัดศรีธัมมาราม(วัดมะม่วงขาว) ยังคงมีสถาณะเป็นวัดอยู่ แต่ทรุดโทรมมากลัว ไม่มีปัจจัยในการบูรณะให้สมบูรณ์ได้ เอเป็นการเชิดชูประวัติของท้าวพังพการ และระลึกถึงผู้สร้างพระปิดตาพังพการที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
ทางวัดมะม่วงขาว โดยพระปลัดนิคม ธมฺมญาโณ สมภารและคณะกรรมการ พ่อค้า ประชาชน จึงจัดสร้างพระปิดตาพังพการ เพื่อสมณาคุณแจกจ่ายแก่ผู้บริจาคสมทบทุนบูรณะวัดมะม่วงขาว ให้อยู่คู่กับชื่อเสียงของท้างพังพการตลอดไป


ข้อมูลเพิ่มเติม 5 - 02 ก.พ. 2550 - 18:42:57 น.
.


ปิดตาพังพะกาฬ.วัดมะม่วงขาว จ.นครศรีฯ พระรุ่นนี้เป็นอีกรุ่นหนึ่งของสายขุนพันธ์ที่น่าเก็บครับ เพราะเข้าพิธีปลุกเสกพร้อมกันกับเจดีย์ราย 45 และใช้มวลสารเดียวกันกับเจดีย์ราย นอกจากนี้รูปแบบการสร้างก็มีลักษณะเดียวกันกับเจดีย์รายไม่ว่า มีครั่งอุดที่ด้านหลัง นอกจากนี้ยังมีการตอกโค๊ดที่ขอบข้าง(เพียงแต่รุ่นเจดีย์ราย จะตอกโค๊ตสวัสดิกะครับ) ซึ่งวัตถุมงคลรุ่นนี้ ท่านขุนพันธ์ ซึ่งสมัยนั้นเป็นประธานฝ่ายจัดสร้าง ได้ดำริจัดสร้างไว้ก่อนแล้วเมื่อปี 45 และได้นำเข้าร่วมปลุกเสกพร้อมพิธีจตุคามรามเทพ รุ่นบูรณะเจดีย์ราย ปี 45

***13 มีนาคม 2545 ขุนพันธรักษ์ราชเดช ประธานฝ่ายจัดสร้าง เททอง ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช

***25 กันายน 2545 พิธีมหาพุทธาภิเษก วัดพระมหาธาตุมหาวรวิหาร

***21 กันยายน 2545 พุทธาภิเษกกลางทะเลปากน้ำเมืองนครศรีธรรมราช

นอกจากนี้แล้วพระปิดตาพังพกาฬวัดม่วงขาว ยังเข้าพิธีอีกหลายครั้ง เช่น เข้าพิธีปลุกเสกในโบสถ์มหาอุตต์พระสูงในวันที่ 12 สิงหาคม 2546.............พิธีพุทธาภิเษก ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช วันที่ 21 สิงหาคม 2546 และ ในวันที่ 26 สิงหาคม 2546 ปลุกเสกขอพรจากองค์ท้าวพังพกาฬ ณ วัดมะม่วงขาว ก่อนออกให้บูชา ในปลายปี 2546 ครับ

****มวลสารคร่าวๆมีดังนี้****
*ผงปูนจากพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช
*ผงและคราบปูนจากองค์จริงขององค์จตุคามรามเทพ
*ผงพระกรุท่าเรือ กรุนางตรา กรุนาสน (3กรุนี้อายุไม่ต่ำกว่า600ปี)
*ผงพระยอดขุนพล 2497 ผงพระภูทราวดี2505
*ผงมหาว่านเขาอ้อ2485(อินโดจีน) ผงว่านซึ่งกระทำพิธีลงมหากฤตยาคมมนต์ตรา โดยท่านขุนพันธ์
*ผงพระนเดมจากถ้านาสาร
*ผงพระจากกรุกำแพงเพชร กรุสุพรรณบุรี
*ดินจากเขาสัจจะพันธ์คีรี ดิน น้ำ
*ผงระฆังหินจากวัดพริบพลี
*คราบและผงทองจากองค์พระพุทธฉายที่เขางู
**ผงจากพญาไม้ตะเคียนต้นที่นำมาแกะสลักเสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช
*ผงไม้กาฝาก108ชนิด ผงสมุนไพรที่เป็นยาแก้ยากันคุณไสย
*อิฐจากบ้านของท้าวพังพะกาฬ


 
ราคาปัจจุบัน :     7,500 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    tayawat (40)

 

Copyright ©G-PRA.COM