(0)
เหรียญหล่อ หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ เนื้อทองเหลือง จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมบัตรรับรอง..เคาะเดียว..วัดใจ..







ชื่อพระเครื่องเหรียญหล่อ หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ เนื้อทองเหลือง จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมบัตรรับรอง..เคาะเดียว..วัดใจ..
รายละเอียดเหรียญหล่อ หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ เนื้อทองเหลือง จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมบัตรรับรองครับ

วัดเสาธงใหม่ มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในยุค หลวงพ่อแป้น อุตตโม ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสเนื่องจากท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่เรืองวิชาด้านไสยเวทในทุกๆ ด้านและมีเมตตาธรรมสูงมาก

ศิลปกรรมที่วัดเสาธงใหม่ คือ หน้าบันอุโบสถ ที่ปั้นเป็นภาพนูนต่ำเป็นภาพพุทธประวัติตอนปฐมเทศนา เป็นงานปั้นที่สวยงามและมีความหมาย

ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของวัดเสาธงใหม่ ที่ยังรักษาไว้ คือการใช้เรือรับบิณฑบาตของพระภิกษุ โดยจะพายเรือไปตามลำน้ำลพบุรีเพื่อรับบิณฑบาตจากญาติโยมในตอนเช้าเป็นภาพที่น่าประทับใจมาก

หลวงพ่อแป้น เป็นพระคณาจารย์ที่เชี่ยวชาญไสยเวทในระดับแนวหน้าเป็นอาจารย์ของพระคณาจารย์ชื่อดังระดับประเทศถึง ๓ รูป และฆราวาสชื่อดังอีก ๑ ท่านคือ ๑.หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ต.พระงาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ๒.หลวงพ่อมากวัดโตนด ต.นางร้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ๓.หลวงพ่ออุป วัดเทพอุปการามต.ตานิม อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา และ ๔.อาจารย์ลอย โพธิ์เงิน ฆราวาสชื่อดังผู้มีความชำนาญทางสร้าง “หุ่นพยนต์” จนเลื่องลือไปทั่วทุกวงการ

ในสมัยที่หลวงพ่อแป้น ยังมีชีวิตอยู่ท่านจะให้ความอนุเคราะห์แก่ศิษย์และชาวบ้านทั่วไปโดยไม่เลือกชั้นวรรณะชาวบ้านแถบวัดเสาธงใหม่ และพื้นที่ใกล้เคียงต่างให้ความเคารพนับถือและยกย่องหลวงพ่อแป้นเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ท่านได้รับการขนานนามว่า “เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำลพบุรีของเมืองกรุงเก่า”

หลวงพ่อแป้น มีนามเดิมว่า แป้น ศรีพา ชาตะปีมะแม พ.ศ.๒๔๐๒ เป็นชาว ต.กุดนกเปล้า อ.ปากเพรียว จ.สระบุรี เมื่ออายุครบบวช ท่านได้อุปสมบทที่วัดแคนอก ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยมีหลวงพ่อแดง เจ้าอาวาสวัดแคนอก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “อุตตโม” แปลว่า “สูงสุด”

ต่อมาได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อศึกษาภาษาบาลีมูลกัจจายน์ที่วัดสระเกศ และไปต่อที่วัดสามปลื้มที่นี่เองที่ท่านได้ฝากตัวศึกษาสมถวิปัสสนากรรมฐาน และวิชาไสยเวทกับพระพุฒาจารย์(มา) พระเถราจารย์ชื่อดังในสมัยนั้นจนมีความเชี่ยวชาญในหลายๆ ด้าน

จากนั้นท่านได้มุ่งหน้าไปที่ จ.สมุทรปราการเพื่อฝากตัวเรียนวิชาไสยเวทกับหลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส (วัดบางเหี้ย) ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ แล้วจึงได้เดินธุดงค์ไปทาง จ.นครปฐมฝากตัวเรียนวิชาไสยเวทกับ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ต.มาบแค อ.เมือง จ.นครปฐม

ขณะเดียวกันหลวงพ่อทาได้แนะนำให้ท่านไปเรียนวิชาไสยเวทเพิ่มเติมกับหลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ ต.ห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม ก็ได้ความรู้มาอีกสายหนึ่ง

จึงนับได้ว่าหลวงพ่อแป้นเป็นศิษย์ผู้มีความรู้ด้านไสยเวทจากพระคณาจารย์ชื่อดังหลายท่านด้วยกัน

ต่อมาท่านได้ตั้งใจจะจาริกธุดงค์ไปทางภาคเหนือ แต่ด้วยชะตาลิขิตขณะที่ท่านได้มาปักกลดอยู่แถบ ต.เสาธง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยาชาวบ้านในย่านนี้เห็นปฏิปทาของท่านแล้วเกิดความศรัทธาเลื่อมใสจึงนิมนต์ให้ท่านไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเสาธงใหม่ซึ่งขณะนั้นเจ้าอาวาสวัดนี้มรณภาพลง หลวงพ่อแป้นจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดเสาธงใหม่
นับเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ของวัดนี้และได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ในเวลาต่อมา

อนึ่งขณะที่หลวงพ่อแป้นจาริกธุดงค์อยู่ในป่าท่านพบพระคณาจารย์ท่านใดที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทแก่กล้ากว่าท่าน

ท่านก็จะฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิชาไสยเวทจากพระคณาจารย์ท่านนั้นจนมีความเชี่ยวชาญเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีกเช่น พระอาจารย์โนรี พระภิกษุชาวเขมร ผู้แก่กล้าด้านอาคม ได้ฝากตัวเรียนวิชา “หุ่นพยนต์” และพระอาจารย์ลึกลับของท่านอีกรูปหนึ่ง โดยมีเรื่องเล่าสืบกันมาว่าครั้งหนึ่งหลวงพ่อแป้นกำลังคุมงานก่อสร้างศาสนสถานภายในวัดเสาธงใหม่ในขณะนั้นมีสามเณรรูปหนึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำต้องการจะขึ้นเรือคนพายเรือเห็นเข้าเลยสงเคราะห์ พอเรือรับสามเณรเสร็จ เริ่มออกจากท่าสามเณรก็ถามว่า “ไอ้แป้นอยู่หรือเปล่า” คนพายเรือฟังแล้วก็รู้สึกไม่พอใจ คิดไปว่าเณรองค์นี้พูดจาไม่ดีเรียกหลวงพ่อแป้นซึ่งเป็นพระเถระว่า “ไอ้” ได้อย่างไรถ้าไม่เห็นแก่สามเณรที่อยู่ในผ้าเหลืองคงโดนเตะตกน้ำเป็นแน่

พอเรือพายมาถึงกลางแม่น้ำ สามเณรถามขึ้นอีกครั้งว่า “ไอ้แป้นเป็นอย่างไรบ้าง” คนพายเรือรู้สึกโมโหเลยหันมาจะต่อว่าเณร

พอหันมาก็ต้องตกใจเนื่องจากเณรที่รับมาตอนนี้เป็นพระภิกษุหนุ่มเลยไม่มั่นใจตนเองว่าตอนรับมาตาฝาดหรือเปล่าพอพายไปอีกเล็กน้อยหันมามองใหม่ให้ชัดๆ อีกครั้ง คราวนี้แปลกใจกว่าเดิมเนื่องจากพระภิกษุหนุ่มที่เห็นเมื่อครู่กลับแก่ชราลงคล้ายคนอายุ ๗๐ ปีพอจะถึงฝั่งหันไปดูอีกครั้งกลับแก่หง่อมลงไปกว่าเดิมเมื่อถึงฝั่งปรากฏว่าหน้าตาของสามเณรที่รับมากลับกลายเป็นพระภิกษุชราอายุร่วม ๑๐๐ปี รูปร่างสูงใหญ่มาก พระภิกษุชรารูปนี้สั่งว่า ให้เรียกหลวงพ่อแป้นมาหาท่านหน่อย

ศิษย์หลวงพ่อแป้นรีบไปรายงานพร้อมทั้งเล่าพฤติกรรมอันน่าแปลกประหลาดมหัศจรรย์ให้หลวงพ่อแป้นทราบหลวงพ่อแป้นรีบมาทันที พอเห็นหน้าพระภิกษุผู้เฒ่าก็รีบเข้าไปกราบด้วยความเคารพและแนะนำศิษย์ของท่านว่า นี่คืออาจารย์ของท่านเอง เมื่อสนทนากันสักครู่พระภิกษุลึกลับถามขึ้นว่า “สวดอิติปิโสจบหรือยัง” พวกศิษย์ของหลวงพ่อแป้นฟังแล้วก็พากันหัวเราะเนื่องจากถามมาได้อย่างไรว่า สวดอิติปิโสจบไหม ใครๆ ก็สวดได้

หลวงพ่อแป้นเป็นพระเถระ สวดอิติปิโสอยู่เป็นประจำแต่คำตอบของหลวงพ่อแป้นทำให้ทุกคนต้องมึนงง เนื่องจากหลวงพ่อแป้นตอบไปว่า “ยังสวดไม่จบครับ” พระภิกษุลึกลับจึงบอกกลับไปว่า “ให้พยายามต่อไป”

เรื่องนี้มีนัยในการถามของพระภิกษุผู้เฒ่า คือ การถามว่าสวดอิติปิโสจบหรือยัง น่าจะมีความหมายว่าบำเพ็ญบารมีทางโพธิญาณเต็มหรือยัง ถ้าเต็มก็แปลว่าสวดจบถ้ายังไม่เต็มแม้สวดอิติปิโสได้ก็ไม่ถือว่าสวดจบ เนื่องจากแค่จำได้ท่องได้แต่ปากนั่นเอง

จากนั้นพระภิกษุนิรนามก็บอกว่า ตนเองมีฉันเพลที่ลพบุรี จะต้องรีบไปแล้วตัวท่านก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนฟ้าจนลับหายไป

ต่อมาภายหลังพระภิกษุชราท่านนี้ได้กลับมาหาหลวงพ่อแป้นที่วัดเสาธงใหม่อีกครั้งและถามด้วยคำถามเดิมว่า “สวดอิติปิโสจบหรือยัง” คราวนี้หลวงพ่อแป้นตอบว่า “สวดจบแล้วครับ” ท่านจึงบอกแสดงให้ท่านดูหน่อยหลวงพ่อแป้นจึงได้แสดงฤทธิ์โดยการเดินขึ้นลงไปตามเสาและเพดานของศาลาการเปรียญอย่างคล่องแคล่ว พระภิกษุชราเห็นเช่นนั้นจึงบอกว่า “เออดี เอ็งสวดจบแล้ว” จากนั้นก็ขอตัวลากลับไป

นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับอาจารย์ลึกลับของหลวงพ่อแป้นที่ครูอาจารย์หลายท่านกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า พระภิกษุลึกลับท่านนี้ คือ “พระเทพโลกอุดร” พระอมตเถราจารย์ผู้อยู่เหนือกาลเวลานั่นเอง

หลวงพ่อแป้นเป็นพระคณาจารย์ที่มุ่งเน้นการปฏิบัติสมถวิปัสสนากรรมฐาน มีพลังจิตที่แก่กล้าเชื่อกันว่าท่านได้สำเร็จอภิญญาสมาบัติ สามารถแสดงฤทธิ์ต่างๆให้เป็นที่ประจักษ์ได้ เช่น วาจาสิทธิ์ ล่องหน กำบังกาย ร่นระยะทางเดินข้ามแม่น้ำได้ เป็นต้น

นอกจากนี้ หลวงพ่อแป้นยังเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยท่านทั้งสองมีการแลกเปลี่ยนวิชาไสยเวทและไปมาหาสู่กันเป็นประจำ

พระคณาจารย์อีกรูปหนึ่งที่เป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อแป้น คือหลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดบ้านสวน จ.สุโขทัย ผู้เป็นศิษย์สายตรงของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) วัดระฆัง เป็นผู้สำเร็จวิชาเล่นแร่แปรธาตุ และท่านยังเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว อีกด้วย

ในด้านวัตถุมงคล หลวงพ่อแป้นได้จัดสร้างไว้หลายประเภทแต่มีจำนวนไม่มากนัก เช่น เหรียญหล่อรูปเหมือน หลังยันต์ อุ-มะ, เหรียญหล่อรูปพระพุทธ หลังยันต์อุ-มิ และหลังรูปแพะ (ท่านเกิดปีมะแม)

เหรียญหล่อรูปพระพุทธ มีลักษณะคล้ายกับเหรียญหล่อรูปพระพุทธ รุ่น ๒ ของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ผู้เป็นอาจารย์ของท่าน

นอกจากนี้ยังมีรูปถ่ายอัดกระจกล็อกเกตพระปิดตาเนื้อเมฆพัด พระปิดตาเนื้อผงจุ่มรัก และเครื่องรางในรูปแบบต่างๆ เช่น
แหวนหล่อรูปแพะ ผ้าประเจียด ตะกรุด เขี้ยวเสือแกะ หุ่นพยนต์ เป็นต้น

วัตถุมงคลของหลวงพ่อแป้น มีพุทธคุณเด่นทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรีและสามารถคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

หลวงพ่อแป้น มรณภาพเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๑ รวมสิริอายุได้ ๘๙ ปี ต่อมาทางวัดได้จัดสร้างรูปหล่อเท่าองค์จริงของท่านขึ้นไว้ในมณฑปภายในวัด มีพุทธศาสนิกชนต่างมากราบสักการะขอพรกันเป็นประจำสิ่งของที่มักจะมีผู้นำมาถวายและแก้บนกัน คือ แกงขี้เหล็ก

ภายในมณฑปยังมี “หุ่นพยนต์” ตัวครูของท่าน (๒ ตัว) สถิตอยู่เพื่อให้สักการบูชา
ราคาเปิดประมูล3,000 บาท
ราคาปัจจุบัน3,050 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 27 ก.ย. 2566 - 18:47:42 น.
วันปิดประมูล - 01 ต.ค. 2566 - 05:23:32 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลmaximum9 (2.7K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 27 ก.ย. 2566 - 18:48:20 น.



.


 
ราคาปัจจุบัน :     3,050 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    suravach8899 (687)

 

Copyright ©G-PRA.COM