(0)
เหรียญปั้ม-พิมพ์ราหูอมจันทร์-เล็ก ((เนื้อตะกั่ว-หนามาก)) วัดสุทัศน์เทพวราราม เสาชิงช้า กทม. ออก 24 ตค. 2538 รุ่นเทวราหูช่วยน้ำท่วม ((พร้อมกล่องเดิมๆ-สภาพใหม่กริ๊ป-สวยสมบูรณ์))








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเหรียญปั้ม-พิมพ์ราหูอมจันทร์-เล็ก ((เนื้อตะกั่ว-หนามาก)) วัดสุทัศน์เทพวราราม เสาชิงช้า กทม. ออก 24 ตค. 2538 รุ่นเทวราหูช่วยน้ำท่วม ((พร้อมกล่องเดิมๆ-สภาพใหม่กริ๊ป-สวยสมบูรณ์))
รายละเอียด---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

........((ขอบอก))......เนื้อตะกั่ว....จัดสร้างน้อยกว่าเนื้อทองแดง และเนื้อทองเหลือง.........

........((ขอบอก))......เนื้อตะกั่ว....จัดสร้างน้อยกว่าเนื้อทองแดง และเนื้อทองเหลือง.........

........((ขอบอก))......เนื้อตะกั่ว....จัดสร้างน้อยกว่าเนื้อทองแดง และเนื้อทองเหลือง.........

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

......................((เคาะแรก.....แดงเลยครับ)).......................
......................((เคาะแรก.....แดงเลยครับ)).......................
......................((เคาะแรก.....แดงเลยครับ))......................

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

.............เป็นเหรียญปั้ม-พิมพ์ราหูอมจันทร์-ใหญ่ ((เนื้อตะกั่ว)) วัดสุทัศน์เทพวราราม เสาชิงช้า กทม. ออก 24 ตค. 2538 รุ่นเทวราหูช่วยน้ำท่วม ((พร้อมกล่องเดิมๆ-สภาพใหม่กริ๊ป-สวยสมบูรณ์)) องค์ใหม่...เก็บไว้เก่าเดิมๆ......ไม่ผ่านการใช้.....สวยตามรูป.....................

..............ชมแล้วชอบ...ก็เชิญท่านว่ากันต่อเลยครับ................

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

...................รับประกันความแท้ให้ท่านแบบไม่จำกัดเวลาเลยครับ........

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ราคาเปิดประมูล358 บาท
ราคาปัจจุบัน378 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 25 ส.ค. 2564 - 22:27:20 น.
วันปิดประมูล - 28 ส.ค. 2564 - 13:22:07 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลราษีเมถุน (3.6K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 25 ส.ค. 2564 - 22:29:52 น.



------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

……….((ขอบอก)).... ภาพนี้เป็นภาพขณะที่ ญาณที่ 10 (ปางค์/ภาคสุดท้าย) ขององค์เทพอาจารย์ปู่ พระอรหันต์เจ้าสารีบุตรเถระ นามปู่พรพระพรหม..และ ญาณที่ 10 (ปางค์/ภาคสุดท้าย) ขององค์เทพอาจารย์ปู่ พระอรหันต์เจ้าโมคคัลลานะเถระ นามปู่พันธุรัตน์....ประทับยังร่างของอาจารย์ฆราวาส สายทอง อยู่สุข เจ้าสำนักปฏิบัติธรรม พรพระเทพ แล้ว ท่าน..ประทับยังร่างของอาจารย์ฆราวาส สายทอง อยู่สุข เจ้าสำนักปฏิบัติธรรม พรพระเทพ แล้ว ท่านกำลังเสกประจุพลังพุทธคุณลงยังเหรียญเทพราหู เหรียญนี้ พร้อมวัตถุมงคลชิ้นอื่นๆ ครับ......

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

....((ขอบอก)).......วัตถุมงคลชิ้นนี้....ผมได้นำติดรถไปพร้อมๆกับชิ้นอื่นๆอีกหลายกล่องขนาดบรรจุกระดาษขาว A4 ครั้งละหลายๆกล่องและนำไปซ้ำๆกันหลายๆครั้ง....ทุกๆครั้งที่ได้เดินทางไปฝึกปฏิบัติสมาธิ ณ สำนักปฏิบัติธรรมพรพระเทพ ที่ อ.บ้านนา จ.นครนายก.....

.......หลังจากศิษย์ทุกคนถอนจิตออกจากสมาธิทุกครั้ง....พวกเรามักจะขอให้อาจารย์ สายทอง อยู่สุข อาจารย์เจ้าสำนัก ผู้ชี้แนะกำกับในการฝึกได้เมตตา อัญเชิญญาณขององค์เทพอาจารย์ปู่ที่ละสังขารจากพระเกจิมาแล้ว มาสนทนาธรรมเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆในมิติที่เราพบจากการนั่งสมาธิ และอัญเชิญญาณพระประธานโบสถ์ที่มีชื่อเสียง เช่น ล.พ.พระใส / ล.พ.องค์ตื้อ / อมิตตพุทธเจ้า วัดจีน หรือองค์เทพที่มีหน้าที่ดูแลประจำโลกองค์อื่นๆ เช่น องค์เทพอาจารย์ปู่ ท่านท้าวพญาครุฑ / องค์เทพอาจารย์ปู่ท่านท้าวเวสุวรรณ / องค์เทพอาจารย์ปู่ท่านท้าวพิฆเณศวร์ ฯ ลงประทับร่างท่าน เพื่อสนทนาธรรม และปิดท้ายด้วยการขอความเมตตาต่อองค์เทพทุกๆองค์ให้ญาณขององค์เทพอาจารย์ปู่ทุกๆญาณท่านได้สร้างบุญบารมีต่อเพิ่มกับมนุษย์....

...... (ก) เสกหนุนพลังพุทธคุณที่มีอยู่เดิมให้เข้มขลังเต็มพิกัด…………….((องค์เทพอาจารย์ปู่ (4)-(5) ท่านบอก)).......
.......(ข) เสกเสริมพลังพุทธคุณที่ยังขาด/ยังไม่มีประจุเพิ่มเติมลงไปให้อีกหลายๆบท
...... (ค) เสกล๊อกพลังพุทธคุณทั้งหมดไม่ให้ผู้มีวิชาดูดซับเอาพลังพุทธคุณที่มีอยู่ในแต่ละชิ้นไปไ……….((องค์เทพอาจารย์ปู่ (4)-(5) ท่านบอก)).......

......ญาณที่ได้อัญเชิญลงประทับได้แก่...

......(1) ญาณ ล.พ.พระใส วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย (เฉพาะญาณนี้ ท่านเมตตา เสด็จลงมาประทับแซกเองโดยยังไม่ได้อัญเชิญท่าน วันนั้นผมเอาพระบูชา ล.พ.พระใส ชุด 3 บารมี ขนาด 9-5-3 นิ้วไปเพื่อเบิกเนตรด้วย คิดว่าท่านแซกลงเพราะเหตุนี้)
......(2) ญาณ ล.พ.องค์ตื้อ วัดศรีชมภูองค์ตื้อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย....(ญาณท่านมีเมตตาต่อศิษย์ของสำนักฯมากๆ เพราะท่านว่าเหล่าศิษย์ส่วนมากฝึกจนเข้าถึงซึ่งสมาธิจนติดต่อสื่อสารกันกับอีกมิติได้
......(3) ญาณ อมิตตพุทธเจ้า พระประธานโบสถ์ วัดโพธิ์แมน เขตยานนาวา กทม. (นี่ก็ญานท่านเสด้จมาลงประทับแซกเอง โดยยังไม่ได้อัญเชิญท่าน วันนั้นศิษย์นั่งคุยกันถึงพระพุทธรูปพิมพ์หน้าจีน-และพระกริ่งจีนธิเบต เข้าใจว่าท่านแซกลงประทับเพราะเหตุนี้)....
......(4) ญาณที่ 10 (ปางค์/ภาคสุดท้าย)ขององค์เทพอาจารย์ปู่ พระอรหันต์เจ้าสารีบุตรเถระ ....นามปู่พรพระพรหม…..((ปู่บอกว่า ท่านลงมาอยู่ที่แห่งนี้ที่เดียวในโลก))
......(5) ญาณที่ 10 (ปางค์/ภาคสุดท้าย)ขององค์เทพอาจารย์ปู่ พระอรหันต์เจ้าโมคคัลลานะเถระ ....นามปู่พันธุรัตน์.…..((ปู่บอกว่า ท่านลงมาอยู่ที่แห่งนี้ที่เดียวในโลก))
......(6) ญาณของ ล.ป.ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี....
......(7) ญาณของ ล.ป.โต พรมรังษี วัดระฆัง กทม.
......(8) ญาณของ ล.ป.หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกศ
......(9) ญาณของ ล.ป.แสน ปสันโน วัดบ้านหนองจิก จ.ศรีสะเกศ....

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 25 ส.ค. 2564 - 22:35:09 น.



-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

.............................................((เกร็ดความรู้ที่ประมวลได้จากการฝึกสมาธิมาช้านาน))..............................................

......................................เรื่องการอัญเชิญ ญาณองค์เทพทุกๆพระองค์ลงประทับยัง ร่างมนุษย์..................................

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

…………..……….…เหตุ/ทำไม องค์เทพท่านถึงต้องลงมาประทับ /สิง /ทรง ยังร่างมนุษย์ ก็ด้วยเหตุผล 2 อย่างคือ...........

........................(ก) ลงมาคุ้มครอง ยังร่างมนุษย์คนนั้นๆ ที่เคยมีความผูกพันต่อกันมาแต่ภพชาติก่อน คือเขาตามมาดูแลช่วยเหลือกันต่อ ((กรณีนี้ไม่ต้องมีตำหนักองค์เทพ)) เพียงฝึกสมาธิ-ภาวนา-รักษาศีล.........
........................(ข) ลงมาโปรดสัตว์ คือตั้งใจจะลงมาสร้างบารมีร่วมกันกับมนุษย์บางคน ((เพราะเทพท่านมีแต่กายทิพย์ ไม่สามารถที่จะทำบุญ เช่นมนุษย์-ได้แต่ทำสมาธิภาวนาเพื่อสร้างบุญบารมี)) ที่ท่านเลือก/เห็นว่าสามารถที่จะไปด้วยกันได้ /เป็นคนดี ((กรณีนี้ต้องมีตำหนักองค์เทพ)) ร่างต้องฝีกสมาธิ-ภาวนา-รักษาศีล-และช่วยเหลือมนุษย์ โดยมนุษย์ต้องเป็นร่างทรงให้ และที่เป็นร่างก็ต้องลงประทับองค์ช่วยเหลือมนุษย์ให้เขา....

........................ทั้ง (ก)-(ข) หากเราไม่ยินยอมที่จะรับอาเขามาอยู่ด้วย.....ก็จะโดนเขาแกล้ง/โดนบีบให้ชีวิตเราเป็นไปต่างๆนาๆ.....ถึงขั้นเป็นคนบ้า ติ้งต๊องเดินตามถนนหนทางดังที่เราเห็นนั่นแหละแทบทั้งนั้น น่าเวทนาสงสาร-เพราะเขาและญาติจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา........ถ้าเป็นถึงขั้นนี้แล้วก็จะหาทางแก้ได้ยาก ต้องหาอาจารย์ที่เก่งดูรู้มาช่วยแก้ไขให้…...
…………………….((เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมเคยต่อว่าองค์เทพอาจารย์แม่และอาจารย์ปู่ว่า ทำไมองค์เทพถึงใจร้ายทำกับมนุษย์ที่เขาไม่รู้เรื่องได้แบบนี้ ทำให้ชีวิตเขาพังพินาศหมดตลอดชาตินี้.....องค์เทพอาจารย์ ท่านตอบกลับว่า ก็มนุษย์บางคนดื้อรั้นไม่เชื่อฟังเอง....ผมเลยว่า ทำไมไม่หาวิธีที่ทำให้เขาเข้าใจเห็นดีเห็นชอบด้วยสมัครใจที่จะรับองค์เทพกันละ.....ท่านก็ตัดพ้อผมว่าเราก็อย่าต่อว่าองค์เทพมากนักเลย...ฯลฯ.))).....

………….กรณีทั้ง (ก)-(ข) หากองค์เทพเขาหมายมั่นปั้นมือจะเอาร่างของเราเป็นแม่นมั่นแล้ว.....เราจะรับรู้ได้ 2 ทางคือ.............(1) เจ้าตัวจะรับรู้ได้โดย เกิดมีความผิดปกติในชีวิต การงาน-การเงิน-การดำรงชีพ-ความเป็นอยู่ส่วนตัว/ครอบครัวของเรา....จะมีเหตุไม่คาดคิดต่างๆ ทั้งทางบวก/ทางลบ เกิดขึ้นกับเรา จนเราต้องเกิดความสังหรณ์ใจ วิ่งหาพระสงฆ์องค์เจ้าให้ตรวจดูดวงชะตา/ หรือไม่ก็วิ่งหาพ่อมดหมอผี ทางไสศาสตร์อื่นๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา....ทำไมตัวเราถึงเกิดปัญหา คิดหรือทำอะไรก็ติดๆขัดๆไม่สำเร็จตามหวังทั้งๆที่คิดว่าไม่พลาดแน่
............หากไปเจออาจารย์ที่ดีมีคุณธรรม ของจริงไม่หลอกลวงช่วยแก้ไขแนะนำให้ได้จริงก็นับว่าเราโชคดีไป......เพียงเรายอมรับเขาตามที่เขาบอก.....แต่เราก็ต้องฉลาดที่จะถือโอกาสนี้แลกเปลี่ยนต่อรองผลประโยชน์กับเขาได้ เช่น ถ้าจะมาอยู่กับเราก็จงช่วยให้เราได้สำเร็จสมหวังในการปราถนาทุกประการ เช่นให้มีโชคร่ำรวย/ค้าขายดี/ประกอบกิจการเจริญก้าวหน้านะ......
............(2)เจ้าตัวจะรับรู้จาก การฝัน / นิมิต ตามที่เขามาบอกเราในฝัน.....หากเราละเลย/ เพิกเฉยต่อความฝัน คราวนี้แหละโดนเขาทำอย่างที่บอก....
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

.............................การที่ญาณขององค์เทพท่านจะลงประทับร่าง/กายหยาบ ของมนุษย์นั้น......................................
จะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ.....คือ การลงมา....1) ลักษณะบุญฤทธิ์.....และ 2) ลักษณะอิทธิฤทธิ์ ครับ......

...........การลงมาลักษณะ ที่ 1) บุญฤทธิ์ ท่านจะลงมาแบบนิ่มนวลไม่โฉ่งฉ่าง-จะเงียบ.....เช่นนี้มักเกิดจากญาณขององค์เทพที่ใหญ่/องค์เทพที่เคยลงมาบ่อยๆแล้ว.......
……......การลงมาลักษณะ ที่ 2) อิทธิฤทธิ์ ก็จะโฉ่งฉ่าง-เสียงดัง-ตัวสั่นแรงแบบที่ท่านเห็นทั่วไปและเรียกว่าผีเข้านั่นแหละ ซึ่งก็จะเห็นกันอยู่ทั่วไป....ทั้งที่เป็นของจริง และของล้อเลียน.......เช่นนี้มักจะเกิดกับการมาขององค์เทพเล็กๆ/ที่เพิ่งลงมาใหม่......ยังไม่สามารถควบคุมญาณของตนกับร่าง/กายหยาบของมนุษย์ให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวร่วมกันได้-ดั่งเช่นเราหัดขับรถยนต์ใหม่ๆ-ก็จะใช้สมอง-มือ-เท้า-ในการสั่งการในการขับยังไม่ค่อยชำนาญนั่นแหละครับ.......

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

...........................................การประทับร่าง /การประทับทรง /การสิงร่าง มีอยู่ 2 แบบ คือ……………………………………

.........................(ค) แบบเต็ม 100% (คือญาณขององค์เทพลงประทับ/สิงครองร่างมนุษย์เป็นเทพเต็มที่)
.........................(ง) แบบแฝง คือ ญาณขององค์เทพลงประทับ /สิง ครองร่างมนุษย์ได้แค่ประมาณ 10 / 20% (ผมคิดประมาณสัดส่วนเอาเองนะ) จึงเรียกว่ามนุษย์กึ่งเทพ.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

........................(ค)-1.แบบเต็ม 100% ผู้ที่เป็นเจ้าของร่างที่จะอัญเชิญ/ยินยอมให้ญาณขององค์เทพต่างๆลงประทับ /เข้าสู่ตัวเราได้เต็ม 100% จริงๆนั้น....
..............................................................ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติดังนี้ก่อน..................................................................
................................. (1) ต้องเป็นผู้ที่ฝึกสมาธิจนเข้าถึงซึ่งสมาธิได้ไปถึงขั้นแยกจิตออกจากกายตนเองได้ เป็นคนละส่วนกัน ดังที่เรียกกันว่าจิตเห็นกาย – กายเห็นจิต.....
...................................(2) ผู้ที่สามารถฝึกสมาธิได้ถึงขั้นนี้ ส่วนใหญ่จะมีองค์เทพท่านมาขออยู่/มาขออาศัยใช้ร่าง/กายหยาบของเราด้วย เราสามารถเลือกว่าจะให้/ไม่ให้อยู่ ……..หรือจะอัญเชิญญาณเทพองค์ไหนลงประทับร่างเราหรือไม่ก็ได้....
.....................................((เพราะเมื่อตอนจะอัญเชิญให้ญาณขององค์เทพลงประทับยังตัวเรา จิตเราต้องถอยออก /หลีกจากร่างของเราเปิดทางให้ญาณองค์เทพลงแทนจิตเราแบบเต็ม 100%)).........
..........................(ค)-2 การลงประทับร่างมนุษย์ขององค์เทพได้เต็ม100% จะเห็นร่างเป็นดังนี้....
.....................................1-หูบอด-ตาบอด หมายถึงหูของร่างมนุษย์ที่ถูกองค์เทพลงประทับเต็ม 100% จะไม่ได้ยินที่เขาสนทนากัน และตาก็จะไม่เห็นว่ามีใครเป็นใครบ้างในระหว่างที่เขาสนทนากันกับญาณองค์เทพ....
.....................................2-ใช้เข็มเหยาะ/แทงเบาๆ ร่างจะไม่สะดุ้งสะเทือนเจ็บ/ตกใจเพราะเจ็บ....
.....................................3-ญาณขององค์เทพขณะประทับร่าง ท่านจะไม่สบตากับมนุษย์ เพราะไม่มีแววตา..
....................................4-ปากพูดเสียงเป็นภาษาเทพ-เพราะเทพเขาใช้ปากของร่างเราพูดซึ่งภาษาเทพที่ใช้สื่อสารกัน จะมีหลากหลายแบบ/หลายภาษาแตกต่างกัน ((เรื่องนี้ต้องขอเวลาศึกษาให้ละเอียดอีกทีก่อน-แต่เมื่อแปลออกมาเป็นภาษาไทยก็จะมีความหมายเหมือนกัน-ประมาณว่าคนเหนือ-คนอีสาน-คนใต้-คนภาคกลาง พูดภาษาถิ่นตน แต่ทุกๆคนพูด/สื่อสารออกมาในสิ่งเดียวกันทั้งหมด....ซึ่งผมยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าใด ถึงต้องใช้เวลาเดินทางไปฝึกสมาธิศึกษาต่อไปอีก))...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

.........................(ง)-1.แบบแฝง ผู้ที่เป็นเจ้าของร่างที่จะอัญเชิญมีทั้งที่ยินยอม...และที่ถูกฝืนใจบังคับให้จนจำยอมรับให้ญาณขององค์เทพต่างๆลงประทับแฝง /เข้าแฝงสู่ตัวเราได้นั้น....
........................................................................ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติดังนี้.............................................................
....................................... (1) ต้องเป็นผู้ที่ฝึกสมาธิขั้นต้นๆทำจิตนิ่ง/ว่างได้ธรรมดา แต่ยังไม่ถึงขั้นแยกจิตออกจากกายได้
……………………………….....(2) ภาวนา-รักษาศีล-ทำบุญปกติ
..........................(ง)-2 การลงประทับแฝงร่างมนุษย์ขององค์เทพได้เราจะเห็นจะเป็นดังนี้....
......................................1-หูไม่บอด-ตาไม่บอด หมายถึงหูของร่างมนุษย์ที่ถูกองค์เทพลงประทับแฝง จะได้ยินที่เขาสนทนากัน และตาก็จะเห็นว่ามีใครเป็นใครบ้างในระหว่างที่เขาสนทนากันกับญาณองค์เทพ...ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นส่วนสำคัญที่เขาเอาความเห็น-ความรู้สึกเดิม/สัญชาตญาณเดิมของตน เข้าไปใช้ประมวลผลออกมาในรูปแบบที่กล่าวอ้างว่าเป็นขององค์เทพ ซึ่งไม่ถูกต้องเลย.เป็นช่องทางให้ /หาประโยชน์จากมนุษย์ผู้ไม่รู้ไม่เข้าใจได้ง่ายๆ ถ้าหลงเชื่อ
......................................2-ใช้เข็มเหยาะ/แทงเบาๆ ร่างจะสะดุ้งสะเทือนเจ็บ/ตกใจเพราะเจ็บจิต เขายังเป็นของเจ้าของร่างอยู่เช่นเดิม....
......................................3-ญาณขององค์เทพขณะประทับร่าง ท่านจะสบตากับมนุษย์ เพราะส่วนใหญ่แววตายังคงเป็นของร่างเขาอยู่..
......................................4-ปากพูดเสียงเป็นภาษาเทพ-ซึ่งภาษาเทพที่ใช้สื่อสารกัน จะมีหลากหลายแบบ/หลายภาษาแตกต่างกัน ((เรื่องนี้เหมือนกันกับแบบ ข้อ 4 (ค)-2))...เท่าที่ผมดูในยูทูป บางรายเทพแฝงพูดออกมา ผมแปลได้เข้าใจ....แต่บางราย ต้องเอาไปเปิดให้อาจารย์ท่านดูและช่วยแปลให้ ท่านบอกว่าใช่ภาษาเทพจริงมันมีอีกแบบ คล้ายๆกับคนไทยแต่ละภาคพูดภาษาถิ่นตนแต่มีความหมายเดียวกันแหละ..........

…………….((ความหมายของการที่องค์เทพลงแฝง คือ)).......ร่างมนุษย์คนนั้นยังฝึกทำได้แค่สมาธิขั้นต้นๆแต่ยังไม่สามารถแยกจิตออกจากร่างได้ องค์เทพจะเข้าสู่ร่าง / เบียดเข้าไปกินเนื้อที่ในตัวตนเองได้แค่เป็นการแฝง ซึ่งอาจจะแฝง/เบียดเข้ามาในกายได้แค่ไม่กี่% ผมประมาณเองนะว่า อาจแค่ 10/20 %ไม่น่าจะเกินนี้....ถ้าลงได้แค่นี้ แบบนี้เรียกว่า ((มนุษย์กึ่งเทพ))....และต้องเรียกว่าองค์เทพลงแฝง แบบนี้ท่านสมาชิกจะเข้าไปหาดูได้มีเยอะแยะในยูทูป.....พวกเทพลงแฝง จะมีความรู้สึก-นึกคิด-ของมนุษย์มาพูดมากกว่าเป็นคำพูดขององค์เทพ ตามอัตราส่วนการเข้าแฝงในร่างมากน้อย หู-ตา เขาจะยังเป็นของมนุษย์ที่มองเห็น-ได้ยิน เป็นปกติแบบมนุษย์เรานี่แหละ...ส่วนเทพก็จะอาศัยปากก็พูดภาษาเทพแซกปนกับภาษามนุษย์ตามที่ร่างเขาจะพูดเพื่อให้ตนดูว่าเป็นเทพพูด หรือพูดหวังประโยชน์อื่นๆ เพราะเขายังมีจิตสำนึกความเป็นมนุษย์มากกว่าเทพ..แต่หากองค์เทพลงประทับร่างเต็ม 100% หุ-ตาจะถูกปิด และแทนที่ด้วยญาณขององค์เทพ จะสังเกตุได้ว่าการลงองค์เต็ม 100% จริงนั้น ท่านจะไม่สบสายตาเรา หรือหากเอาเข็มเหยาะลงที่ร่างขณะนั้นจะไม่มีอาการสะดุ้งเจ็บแต่อย่างใด

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

………………....…….มนุษย์เราแยกออกเป็น 2 ช่วงเวลา คือ (ก) เมื่อมีชีวิต (ข) เมื่อหลังหมดชีวิต/ตาย…………………………

..................(ก) เมื่อมีชีวิตอยู่ กายเราจะแยกออกจากจิตได้ชัดเจนเป็นคนละส่วนกันได้แก่ 1-ส่วนที่เป็นกาย และ 2-ส่วนที่เป็นจิต ซึ่ง 2 ส่วนนี้จะแยกออกจากกันได้ก็ต่อเมื่อ เราฝึกสมาธิจนถึงขั้นเข้าถึงซึ่งสมาธิได้จริงๆจนไปถึงการแยกจิตออกจากกายได้เอง ซึ่งเราต้องฝึกฝืนธรรมชาติเอาเอง
1-ส่วนกาย=เมื่อมีชีวิตอยู่ เราจะเรียกว่า ร่างกาย / ตัวตน / สังขาร ฯ /กายหยาบ / ธาตุทั้ง 4
2-ส่วนจิต=เมื่อมีชีวิตอยู่เราจะเรียกว่า จิต / ดวงจิต / ดวงใจ / หัวใจ
...................(ข) เมื่อหลังหมดชีวิต/ตาย ครั้นมนุษย์ตายลงไป จิตเราจะแยกออกจากกายโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องฝึกเป็นสมาธิมาก่อนก็ได้ ซึ่งก็เป็นไปตามธรรมชาติของเขา จิตจะแยกออกจากกายได้ชัดเจนเป็นคนละส่วนกันได้แก่ 1-ส่วนที่เป็นกาย และ 2-ส่วนที่เป็นจิต
1-ส่วนกาย=เมื่อหมดชีวิต/ตาย เราจะเรียกว่า ศพ / สังขาร / ขอน / ซาก
2-ส่วนจิต=เมื่อหมดชีวิต/ตาย เราจะเรียกว่า ดวงจิต / ดวงวิญญาณ / วิญญาณ / ญาณ / กายทิพย์ / ผี

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

……............ด้วยเหตุนี้ ท่านสมาชิก ท่านอย่าเพิ่งคิดว่าสิ่งที่ท่านยังไม่รู้ยังไม่เห็นตามที่ผมบอกมา เพราะขาดการฝึกฝน ว่าจะไม่มีในโลกนี้นะครับ.......ผมถึงได้เพียรหมั่นบอกกล่าวไหนๆพวกเราก็มีจิตโน้มนำมาทางด้านนี้กันแล้ว จงเป็นชาวพุทธจริงๆ เดินตามทางที่พุทธองค์ค้นหาจนเจอและชี้แนะทางนั้นให้แก่เราแล้ว....โดยให้ท่านหมั่นฝึกนั่งสมาธิก่อนนอนทุกๆวัน เมื่อถึงเวลาหนึ่งแล้ว ท่านจะรู้จริงว่า ยังมีอีกมิติหนึ่งคู่กันมากับโลกเราช้านาน คือ โลกแห่งจิตวิญญาณ......ปัจจัดตังเวทิตัพโพ ครับ.........ขออวยพรให้ทุกๆท่านได้ประสบความสมหวังเช่นกันนะครับ....ไม่ยากเกินความตั้งใจครับ........

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

…………………ผมอยากให้ท่านสมาชิกสนใจที่จะเริ่มฝึกสมาธิ....ให้ท่านไปหาหนังมาดูด้วยความตั้งใจ คือเรื่อง....พระพุทธเจ้าศาสดาโลก ....ซึ่ง ทีวีเคยเอามาฉายแล้ว.........ดูเฉพาะช่วง สิทธถะเริ่มออกจากวัง นุ่งห่มชุดนักบวช ไปพบฤษี/ดาบส ดูไปเรื่อยๆ ท่านจะได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องทำสมาธิ จนถึงแยกจิตออกจากกาย ตอนที่สิทธถะแยกจิตขึ้นไปพบอาจารย์ อาดารดาบส ท่านถอดจิตไปภาวนาอยู่บนชั้นฟ้าจริงๆ...ซึ่งผมคิดว่า คนเขียนบท/เจ้าของผู้สร้าง เขาน่าจะมีความรู้ขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการทำสมาธิจนขั้นแยกจิตออกจากกายได้เช่นกัน

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


 
ราคาปัจจุบัน :     378 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    cha_1976 (99)

 

Copyright ©G-PRA.COM