(0)
เหรียญอาร์ม หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เนื้อทองแดง






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเหรียญอาร์ม หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เนื้อทองแดง
รายละเอียดเหรียญอาร์ม หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เนื้อทองแดง พุทธคุณเดิม ครอบจักรวาล

เปิดบันทึกตำนานหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม

และอัตตะโน ประวัติ หลวงพ่อพูล

สุดยอดพระเกจิอาจารย์ ของประเทศไทย



หากเอ่ยถึงนามพระอมตะเถราจารย์ของเมืองไทย คงไม่มีใครปฏิเสธพระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณพระมงคลสิทธิการ หลวงพ่อพูล อัตตะรักโข แห่งวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม



สุดยอดพระอริยะสงฆ์ ผู้เปี่ยมไปด้วยความงดงามในจริยวัตร เคร่งครัดในพระธรรมวินัย สมถะ สงบเยือกเย็น มากล้นด้วยเมตตาบุญญาบารมี ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจ สมาธิ สติปัญญา ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากทุกชั้นวรรณะ สมเป็นเนื้อนาบุญอันไพศาลอย่างแท้จริง



หลวงพ่อพูล ถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน ปีพุทธศักราช 2455 เป็นบุตรชายคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้องชายหญิง 10 คน ของโยมพ่อจู และโยมแม่สำเนียง แห่งสกุลปิ่นทอง



หลวงพ่อพูล เกิดในสกุลแห่งชนชั้น ชาวนา ชาวไร่ ผู้ยากไร้ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ทั้งพ่อจูและแม่สำเนียงต่างเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูเอาใจใส่สั่งสอน ให้ลูกคนดีเป็นคนดี รู้จักบาปบุญคุณโทษ อยู่ในศีลในธรรมสม่ำเสมอ มิได้ขาด



ประกอบกับอุปนิสัยส่วนตัว โดดเด่นเหนือกว่าใครในรุ่นราวคราวเดียวกัน ท่านเป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความจริงใจเสมอต้นเสมอปลาย ชอบช่วยเหลือผู้คน และอุปนิสัยที่เห็นเด่นชัดคือ เป็นเด็กเงียบขรึม สุภาพอ่อนโยน มีสัมมาคารวะ พูดน้อย หรือบางครั้งก็ไม่พูดเลยในแต่ละวัน



ถึงแม้จะเป็นเด็กร่างเล็ก แต่ก็มีความแข็งแกร่ง ขยันขันแข็ง มีความอดทน มุมานะช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว ช่วยพ่อแม่ทำนา ทำไร่ เลี้ยงวัว ควาย อย่างเอาใจใส่ ตั้งใจจริง โดยไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง



เมื่อถึงเกณฑ์เล่าเรียนท่านได้เข้าศึกษาระดับชั้นประถมที่โรงเรียนวัดห้วยจระเข้ ด้วยความอุตสาหะมุ่งมั่น สามารถอ่านออกเขียนได้ อย่างแตกฉาน จนกระทั่งสำเร็จชั้นประถมปีที่ 4 เมื่อปีพุทธศักราช 2471 จากนั้นจำต้องออกจากโรงเรียน เพื่อมาช่วยงานพ่อแม่ อันเนื่องเพราะความยากจนเป็นแรงผลักดัน



กระทั่งหัวหน้าคณะลิเก คณะหนึ่งเห็นว่าเด็กชายพูล มีหน่วยก้าน และหน้าตาดี มีแววเป็นพระเอกลิเกได้ ถ้าหากฝึกฝนอย่างจริงจัง จึงได้ติดต่อผ่านทางพ่อจู ขอไปฝึกเล่นลิเก จนมีทักษะสามารถร้องรำลิเกได้เป็นอย่างดี จำได้ทั้งบทร้องและรำ ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่ด้วยใจที่ไม่รักและไม่ปรารถนาจะเป็นพระเอกลิเกอาชีพ ดังนั้นในเวลาต่อมาจึงได้เลิกราไปอย่างสิ้นเชิง



เมื่อย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม แม้ว่าจะเป็นคนนิ่งสงบ แต่ท่านก็ใส่ใจในการศึกษาค้นคว้าเรียนรู้ ไม่เคยปล่อยเวลาให้สูญเปล่า ยามว่างก็จะฝึกเรียนเขียนอ่านอักขระขอม และวิชาแพทย์แผนโบราณ จากปู่แย้ม ปิ่นทอง ผู้เป็นปู่แท้แท้ จนมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี



กระทั่งอายุครบเกณฑ์ทหาร ท่านก็ได้ทำหน้าที่รับใช้ชาติ โดยเข้ารับราชการเป็นทหารม้ารักษาพระองค์ เมื่อปีพุทธศักราช 2477 ประจำการกองบัญชาการเดิม ที่สะพานมัฆวาฬรังสรรค์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และได้ปลดประจำการ หลังจากครบกำหนด 1 ปี 6 เดือน โดยได้รับยศเป็นนายสิบตรี



เมื่อออกจากการเป็นทหาร ก็เข้าอุปสมบท เป็นพระภิกษุ เพื่อทดแทนคุณบิดรมารดา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พุทธศักราช 2480 ตรงกับวันขึ้น 12 ค่ำ ปีฉลู ณ พัทธสีมา วัดพระงาม โดยมีพระครูอุตรการบดี หรือหลวงปู่สุข เจ้าอาวาสวัดห้วยจระเข้ เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายา อัตตะรักโข ซึ่งมีความหมายว่า ผู้รักษาตน



เมื่อบวชแล้ว ได้มาจำวัดอยู่ที่วัดพระงาม ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย จนสอบไล่ได้นักธรรมตรี เมื่อปีพุทธศักราช 2482 ในระหว่างนี้เอง ท่านเริ่มให้ความสนใจศึกษาด้านการเจริญสมาธิจิต ฝึกฝนวิปัสสนากรรมฐานอย่างคร่ำเคร่ง โดยฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อพร้อม วัดพระงาม และฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม



เมื่อพากเพียรเรียนสรรพวิชาจนแก่กล้าแล้ว ท่านจึงออกเดินธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร ฝึกสมาธิจิตเพียงลำพัง มุ่งหน้าไปทางภาคเหนือ ปักหลักปลีกวิเวกจำพรรษาอยู่นานหลายปี แล้วจึงกลับมาอยู่ที่วัดพระงาม จวบจนปีพุทธศักราช 2486 วัดไผ่ล้อมขาดเจ้าอาวาสปกครอง ชาวบ้านจึงนำเรียนหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมได้ทราบ



หลวงพ่อเงิน ท่านจึงบอกชาวบ้านเหล่านั้นไปว่า มีพระสงฆ์รูปหนึ่ง วัตรปฏิบัติหมดจดงดงาม จำพรรษาอยู่ที่วัดพระงาม นามว่า พระพูล อัตตะรักโข



ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันไป อาราธนาพระพูล ให้ย้ายมาจำพรรษาประจำที่วัดไผ่ล้อม



โดยเข้าดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส เมื่อท่านได้เข้ามาปกครองดูแลวัดไผ่ล้อมแล้วท่านก็ได้บริหารรังสรรค์ สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้วัดไผ่ล้อมอย่างมากมาย รวมทั้งสงเคราะห์ชาวบ้านทุกระดับชั้น ไม่ว่ายากดีมีจน สามารถเข้าพบนมัสการท่านได้ตลอดเวลา



พระอาจารย์พูล สร้างศรัทธาแก่สาธุชนทุกหมู่เหล่า เป็นศูนย์รวมแห่งความรัก ความศรัทธา มีลูกศิษย์ลูกหาทั่วฟ้าเมืองไทย



ท่านเป็นพระอริยะสงฆ์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม



บุญญาบารมีของท่านแผ่ขจรขจาย ครอบคลุมไปยังชุมชนต่างๆ ที่อยู่รอบๆวัด ท่านได้บริจาคทุนอุดหนุนการสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ให้ทุนการศึกษา ตลอดจนสถานที่ราชการต่างๆอีกมากมาย



ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พุทธศาสนิกชน จากทั่วสารทิศ หลั่งไหลมาวัดไผ่ล้อมไม่ขาดสายกลายเป็นวัดที่มีชื่อเสียง มีผู้ศรัทธาทั่วประเทศ



แม้หลวงพ่อพูล จะตรากตรำทำงานหนัก จนบางครั้งแทบไม่มีเวลาพักผ่อน สังขารร่วงโรย แต่ไม่มีใครเคยได้ยินท่านบ่นเลยสักครั้งเดียว



หลวงพ่อเคยทำงานหนัก จนถึงกับต้องนำส่งโรงพยาบาลหลายต่อหลายครั้ง เพื่อรักษาระบบลิ้นหัวใจรั่ว และน้ำท่วมปอด ตลอดจนต้องทำการฟอกไต เพื่อให้ระบบอวัยวะต่างๆกลับมาทำงานเหมือนเดิม



ถึงเจ็บป่วยมากน้อยเพียงใด หลวงพ่อ ท่านก็ถึงพร้อมด้วยสติสมบูรณ์ เจริญพุทธมนต์กำหนดจิตสร้างสมาธิเพื่อระงับความเจ็บปวด ดังนั้นจึงไม่มีใครได้ยินท่านบ่น ถึงความเจ็บปวด กว่า 4 เดือน ที่หลวงพ่อ นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยโดยไม่มีวี่แววว่าอาการจะดีขึ้น



มีเพียงพระเดชพระคุณ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ทายาทศิษย์เอกของท่าน เพียงรูปเดียวเท่านั้น ที่คอยปรนนิบัติดูแล ด้วยความกตัญญูกตเวที ถวายความดีเคียงคู่หลวงพ่อเสมอมา



ด้วยสภาพสังขารที่ชราภาพ อาการของท่านจึงมีแต่โทรมกับทรุด แม้แพทย์ที่รักษาก็ยังไม่มั่นใจว่าจะยื้อยืดอายุของท่านต่อไปได้ อีกหรือไม่



แต่หลวงพ่อ ท่านนิ่งสงบ กำหนดจิตภาวนา จนสามารถผ่านพ้นขีดอันตรายไปได้ทุกครั้ง ด้วยปณิธานที่ตั้งไว้ คือ ต้องการสร้างฌาปนสถานปลอดมลพิษ พร้อมศาลาบำเพ็ญกุศล เพื่อสงเคราะห์ประชาชนทั่วไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น



และแล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น วันที่ 15 พฤษภาคม พุทธศักราช 2548 เพราะอาการหลวงพ่อ กระเตื้องดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา คณะแพทย์ที่ดูแลยังแปลกใจอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลกลับวัดไผ่ล้อมได้



จวบจนวันที่ 17 พฤษภาคม หลวงพ่อเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกพระพิมพ์ขุนแผน กุมารทองสมบัติ ตามที่ได้สัญญาไว้กับสานุศิษย์ทั้งหลาย



ถึงแม้ต้องนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ทางวัดไผ่ล้อมโดยพระเดชพระคุณ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ทายาทศิษย์เอกที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดได้สร้างห้อง ICU พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ทันสมัยไว้ในกุฏิเป็นการเฉพาะ และทำการโยงสายสิญจน์จากประรำพิธีที่อยู่กลางแจ้งหน้าอุโบสถ ส่งต่อไปยังกุฏิหลวงพ่ออธิษฐานจิตจนเสร็จพิธีในตอนเช้าวันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พุทธศักราช 2548 ก่อนหน้าพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ 1 วัน



และแล้วก็ปรากฏว่าอาการของท่านกลับทรุดหนักลงอีกครั้ง ต้องนำส่งโรงพยาบาลกระทันหัน



แพทย์พบว่ามีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ไม่สามารถผ่าตัดได้ อาจละสังขารได้ในวันเดียวกันนี้ แต่แล้วปาฏิหาริย์ครั้งที่สองก็เกิดขึ้น



อาการหลวงพ่อกระเตื้องขึ้นมาอีกครั้ง



เช้าวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2548 พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลสู่วัดไผ่ล้อม เพื่อทำบุญตักบาตร เนื่องในวันวิสาขบูชาและเป็นวันที่วัดจัดพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ประจำปี



เหล่าศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง เดินทางมาร่วมพิธี โดยมีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เป็นผู้ประกอบพิธีไหว้ครูครอบครู



ขณะเดียวกันที่โรงพยาบาลหลวงพ่อกำหนดจิตเจริญสมาธิ ภาวนา อยู่บนเตียงผู้ป่วย ด้วยอาการสงบ กระทั่งเสร็จพิธีในช่วงบ่าย คณะสานุศิษย์จึงได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลว่าอาการหลวงพ่อทรุดหนักเกินกว่าแพทย์จะเยียวยาได้



เวลา 14 นาฬิกา 55 นาที หลวงพ่อพูลละสังขารจากไปอย่างสงบในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม ปีพุทธศักราช 2548 ในวันดังกล่าวนี้ เกิดปรากฏการณ์ 3 มงคล คือตรงกับวันวิสาขบูชารำลึก พิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ และหลวงพ่อพูล ท่านละสังขารในวันเดียวกัน



หลวงพ่อ ทิ้งไว้เพียงเสียงธรรมคำสอน และคุณงามความดีที่สั่งสมมาโดยตลอด 93 ปี แห่งอายุขัย ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ เจริญรอยตามแนวทางพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้อย่างหมดจดงดงาม



คณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์อัญเชิญสังขารหลวงพ่อ ตั้งบำเพ็ญกุศล ณ วัดไผ่ล้อม ในวันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2548 และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้า โปรดกระหม่อม ประทานน้ำหลวงสรงศพ และหีบทองทิพย์ โดยมีเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานในพิธี



มหาชนหลั่งไหลมาสู่วัดไผ่ล้อมจากทั่วสารทิศ หลังจากทราบข่าวหลวงพ่อพูลละสังขาร



พิธีธรรมทางพระพุทธศาสนา ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ โดยพระเดชพระคุณ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ทายาทศิษย์เอก ถวายความกตัญญูครบ 100 วัน



เหตุปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เมื่อเปิดโลงหีบทอง ภาพที่ศิษยานุศิษย์เห็นคือ ร่างของหลวงพ่อ อยู่ในสภาพสมบูรณ์ สังขารไม่เน่าเปื่อย ใบหน้า ผิวพรรณ ทุกส่วนของร่างกาย เหมือนคนปกติที่มีชีวิต สร้างความอัศจรรย์ใจ แก่ศิษย์ทุกคนที่เห็นเวลานั้น



พระเดชพระคุณหลวงพี่น้ำฝนจึงอัญเชิญสังขารของท่านบรรจุไว้ในโลงแก้ว นำมาประดิษฐานที่กุฏิของท่าน เพื่อให้ญาติโยมได้กราบสักการะบูชาเป็นเนื้อนาบุญสืบต่อไป



สังขารที่สะสมบุญญาบารมีแห่งธรรม ถูกบรรจุไว้ในโลงแก้ว ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางกุฏิของท่าน ด้วยสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยสมบูรณ์ครบถ้วน บริสุทธิ์ ผุดผ่อง สมเป็นพระอริยสงฆ์อย่างแท้จริง



โดยแต่ละวัน มีผู้คนจากทั่วสารทิศ เดินทางมาวัดไผ่ล้อม เพื่อกราบสังขารหลวงพ่อพูล ส่งผลให้ชื่อเสียงและกิตติศัพท์ ขจรไกล ยิ่งนานวัน พลังศรัทธาก็ยิ่งมากขึ้นทวีคูณ



พระเดชพระคุณ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ทายาทศิษย์เอกหลวงพ่อพูล เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ประธานมูลนิธิหลวงพ่อพูล ถวายความกตัญญูเชิดชูหลวงพ่อ ประพฤติปฏิบัติรังสรรค์วัดไผ่ล้อม ตามนิมิตที่หลวงพ่อมีคำสั่งมายังท่าน ให้พัฒนาวัดไผ่ล้อม พัฒนาพุทธศาสนา สานต่ออนุรักษ์คุณงามความดี ทำวัดให้เจริญเพียบพร้อม สมกับเป็นแหล่งสร้างขวัญกำลังใจ ให้ปัญญา ให้แสงสว่าง แก่ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก อย่างไม่เลือกชั้นวรรณะ สอนคนให้เจริญทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ อย่างต่อเนื่องสืบไป



โดยไม่ละทิ้งพิธีกรรมตามแบบโบราณ โดยเฉพาะกิจกรรมวันสำคัญในทางพระพุทธศาสนา คือ วิสาขบูชารำลึก พระเดชพระคุณ หลวงพี่น้ำฝน จัดให้มีพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ เป็นประจำทุกปี เป็นการระลึกถึงพระคุณครูบาอาจารย์ คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล อัตตะรักโขซึ่งจัดประจำทุกปี และที่สำคัญท่านละสังขารวันวิสาขบูชา โดยที่ผ่านมาได้ทำพิธีครอบเศียร พระพิฆเณศ ครอบเศียรบรมครูปู่ฤาษีพ่อแก่ ครอบครูเศียรหนุมานวายุบุตร เพื่อเสริมพลังบารมี เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตศิษย์ทุกคนตลอดไป



รวมถึงการสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อพูล ในวาระสำคัญต่างๆ หลายรุ่น ที่ได้จัดสร้างขึ้นเพื่อมอบเป็นที่ระลึก เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ มิใช่สร้างให้หลงใหล งมงาย อิทธิ ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากจิตศรัทธาของทุกท่าน ที่มีต่อหลวงพ่อพูล อย่างถ่องแท้แน่นอน ส่งผลให้วัตถุมงคลที่สร้างขึ้นมาทุกรุ่นทุกพิมพ์ เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มีค่านิยมสูงขึ้นตลอดเวลา



สังขารของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล อัตตะรักโข สุดยอดพระอมตะเถราจารย์ ประดิษฐานอยู่ที่กุฏิเก่าดั้งเดิม จากวันนั้นถึงวันนี้ นานถึง 6 ปีบริบูรณ์ คือตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2548 เป็นต้นมา บัดนี้คับแคบถนัดตา ไม่สามารถรองรับญาติโยมศิษยานุศิษย์ ที่ต่างแห่แหนหลั่งไหลมาอย่างมากมายในแต่ละวัน นับพัน นับหมื่นคน อีกทั้งกาลเวลา ทำให้กุฏิหลังนี้ชำรุดทรุดโทรม จนไม่สามารถจะเยียวยาได้



พระเดชพระคุณหลวงพี่น้ำฝน ท่านจึงดำริสร้างวิหารหลวงพ่อพูล ด้วยมูลค่างบประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อถวายแด่ท่าน จากนั้นจึงได้ทำพิธีย้ายสังขาร นำขึ้นประดิษฐาน เป็นการชั่วคราวบนศาลาการเปรียญ เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มกราคม ปีพุทธศักราช 2554 ทำพิธีถวายเครื่องสักการะสังเวยเทพยดา ผู้คุ้มครองสรีระหลวงพ่อพูล พระสงฆ์วัดไผ่ล้อม สวดเจริญพระพุทธมนต์ธรรมนิยามสูตร ประกอบพิธีเปลี่ยนผ้าครองสังขารหลวงพ่อพูล เปิดโอกาสให้ญาติโยมกราบสังขาร ลงกระหม่อมก้มกราบ นำศีรษะจรดที่ปลายเท้าหลวงพ่อ เพื่อความเป็นสิริมงคล กับครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้สัมผัสพระอริยะสงฆ์เฉกเช่นหลวงพ่อพูล เรียกพิธีนี้ว่า ลงกระหม่อม พร้อมทั้งถวายมหาสังฆทาน อุทิศถวายเทวดาทั้ง 8 ทิศ



จากนั้นได้ถวายเครื่องสักการะสังขาร กล่าวคำขอขมา ขอย้ายสังขาร ขึ้นไปประดิษฐานบนศาลาการเปรียญ เป็นการชั่วคราว พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เป็นอันเสร็จพิธี



ล่วงเลยมาจนถึงวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ ปีพุทธศักราช 2554 หลวงพี่น้ำฝนทำพิธีรื้อกุฏิหลวงพ่อพูลอย่างเป็นทางการ เริ่มตั้งแต่เวลา 9 นาฬิกา 9 นาที ขณะที่ทำการรื้อกุฏิ และทุบไปยังบริเวณใต้ฐานพระประธานเก่าหลวงพ่อพูล ณ ห้วงนั้นปรากฏพบพระเก่า จำนวนมากมาย ที่หลวงพ่อได้บรรจุไว้ เสมือนหนึ่งมรดกหลวงพ่อ ที่มอบไว้เป็นทุนก้อนแรกในการเริ่มสร้างวิหารถวายท่าน นับเป็นมรดกก้อนแรก ที่มอบให้เหล่าศิษยานุศิษย์ ได้ร่วมทำบุญบูชาพระเก่า เพื่อระดมทุนทำบุญสานต่อให้วิหารหลังนี้ ได้สำเร็จลุล่วงแล้วเสร็จในโอกาสต่อไป เฉกเช่นคำนิยมของหลวงพ่อที่ให้ไว้ว่า “ความดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง”



หลวงพ่อพูล ท่านละสังขาร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม ปีพุทธศักราช 2548 ตรงกับวันวิสาขบูชา และในโอกาสสำคัญเวียนมาบรรจบ ในปีพุทธศักราช 2554 ครบรอบ 6 ปี หลวงพ่อพูลละสังขาร วิสาขบูชารำลึก ตรงกับวันอังคารที่ 17 พฤษภาคม ปีพุทธศักราช 2554 พระเดชพระคุณพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ทายาทศิษย์เอกหลวงพ่อพูล ได้จัดพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ ครอบครูเศียรหนุมานวายุบุตร สุดยอดแห่งความกตัญญูอย่างแท้จริง เพื่อให้เป็นสิริมงคล และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ญาติโยมทั้งหลายที่มาเข้าร่วมพิธีดังกล่าวสืบต่อไป
ราคาเปิดประมูล40 บาท
ราคาปัจจุบัน-- ยังไม่มีผู้เสนอราคา -- (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 01 ธ.ค. 2563 - 22:54:55 น.
วันปิดประมูล - 11 ธ.ค. 2563 - 22:54:55 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลcunchit (3.4K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     40 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!


 

Copyright ©G-PRA.COM