(0)
ตะกรุดหลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส (บางเหี้ย) จ.สมุทรปราการ ขนาด ๔.๕ นิ้ว







ชื่อพระเครื่องตะกรุดหลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส (บางเหี้ย) จ.สมุทรปราการ ขนาด ๔.๕ นิ้ว
รายละเอียดตะกรุดหลวงพ่อปาน บางเหี้ย เนื้อตะกั่วถักเชือกลงรัก ประมาณพุทธศักราช ๒๔๒๐-๒๔๕๓ ดอกนี้สมบูรณ์ เชือกไม่มีขาด ยาวสะใจ ๔.๕ นิ้ว ปัจจุบันเลี่ยมพลาสติกเพื่อรักษาสภาพไว้แล้ว
ตะกรุดโทน หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย หรือปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดมงคลโคธาวาส" อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ นับเป็นตะกรุดที่หาได้ยากยิ่ง มักจะสืบทอดจากวงศ์ตระกูล ขนาดที่ว่า พ่อมีตะกรุดอยู่ดอกเดียว แต่มีลูกชายสองคน ถึงกับต้องหักครึ่งแบ่งให้ลูกสองคน คนละครึ่งเลยทีเดียว

ลักษณะของตะกรุดหลวงพ่อปาน เท่าที่พบเห็นส่วนใหญ่ จะเป็น "ตะกรุดเนื้อตะกั่ว" ชนิดตะกั่วเคี่ยว หรือตะกั่วทุบ เนื้อตะกั่วจะนิ่มกว่าตะกั่วของพระเกจิทั่วไป สภาพเดิมๆ จะต้องมีการถักเชือก โดยขึ้นเชือกถักลายหนึ่ง แบบเดียวกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค แต่ต้องพิจารณาถึงอายุ เอกลักษณ์ วิถี กลิ่นไอ เรียกว่า ต้องมีประสบการณ์ตรงในการเช่าหาตะกรุดเก่าๆ จึงจะแยกแยะได้ออก

ตติคุณของหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ยนั้น เก่งขนาดไหน? ก็ต้องขอคัดลอกบทความบันทึก ในนิราศของสมเด็จพระปิยะมหาราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มาให้อ่านกัน ดังนี้

ทรงมีรับสั่งกับพระปานว่า “ได้ยินชื่อเสียง และกิตติคุณมานาน เพิ่งเห็นตัววันนี้” แล้วรับสั่งถามต่อไปว่า “ที่แจกเครื่องรางเป็นรูปเสือมีความหมายอย่างไร ?”

หลวงพ่อปานทูลตอบว่า “ได้ไปรุกขมูลธุดงค์ในป่า พบเสือใหญ่หลายครั้ง ได้สังเกตดูเห็นว่า “เสือ” เป็นสัตว์ปราดเปรียว ฉลาด ว่องไว เฉียบขาด มีตบะ และอำนาจ สามารถที่จะใช้ตาสะกดสัตว์อื่นให้อยู่ในอำนาจได้ คนทั่วไปเรียกผู้ร้ายใจฉกรรจ์ว่า “ไอ้เสือ” ก็คือเอาความเก่งกาจของเสือมานั่นเอง การที่ทำเครื่องรางรูปเสือ มิใช่จะสนับสนุนให้คนกลายเป็น "อ้ายเสือ" เพียงแต่ต้องการเอาลักษณะของเสือจริงในป่า ที่ปราดเปรียว ว่องไว เฉลียวฉลาด เฉียบขาดมาเป็นตัวอย่างเท่านั้น”

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงพอพระทัยในคำตอบของพระปานยิ่งนัก (ด้วยท่านมิได้ โอ้อวดว่า เครื่องรางของท่านดีเด่น แต่ประการใด) ท่านทรงพระราชทานผ้าไตร และผ้ากราบ (ต่อมาได้พระราชทานสมณศักดิ์ เป็น “พระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ”)


พระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง "เสด็จประพาส มณฑลปราจิณ" ได้เล่าถึงพระปานไว้ว่า

“พระครูปานมาหาด้วย พระครูปานรูปนี้นิยมกันในทางวิปัสสนา และธุดงควัตร มีพระสงฆ์วัดต่างๆ ไปธุดงค์ด้วยสองร้อยสามร้อย แรกลงไปประชุมที่วัดบางเหี้ย มีสัปบุรุษที่ศรัทธาเลื่อมใสช่วยกันเลี้ยง กินน้ำจืดที่มีไว้เกือบจะหมดแล้วก็ออกเดิน ทางที่เดินนั้น ลงไปบางปลาสร้อย แล้วจึงเวียนกลับขึ้นไปปราจิณ นครนายก ไปพระบาท แล้วเดินลงมาทางสระบุรี ถ้ามาตามทางรถไฟ แต่ไม่ขึ้นรถไฟ เว้นแต่พระที่เมื่อยล้าเจ็บไข้ ผ่านกรุงเทพฯ กลับลงไปบางเหี้ย ออกเดินทางอยู่ในแรมเดือนยี่ กลับไปวัดอยู่ในราวเดือนห้าเดือนหก ประพฤติเป็นอาจิณวัตรเช่นนี้มา ๔๐ ปีแล้ว

คุณวิเศษที่คนเลื่อมใสคือ “ให้ลงตะกรุด” ด้ายผูกข้อมือ รดน้ำมนต์ ที่นิยมกันมากคือ เขี้ยวเสือแกะเป็นรูปเสือ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ข่าวที่ร่ำลือกันว่า เสือนั้นเวลาจะปลุกเสก ต้องใช้หมู ปลุกเสกเป่าไปข้อไร"

ไม่ได้พิมพ์ผิด แต่เป็นคำจากตำนานในพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร คือ "ต้องใช้หมู ปลุกเสกเป่าไปข้อไร เสือนั้นกระโดดลงไปในเนื้อหมูได้ "น่าจะหมายความว่า พอปลุกเสกได้ที่ เสือจะกระโดดกัดเนื้อหมู เป็นอันใช้ได้" ตัวพระครูเองเห็นจะได้ความลำบาก เหน็ดเหนื่อยในการที่ใครๆ กวนให้ลงโน่นลงนี่ เขาว่าบางทีก็หนีไปอยู่ในป่าช้า ที่พระบาทฯ (สระบุรี) ก็หนีไปอยู่บนเขาโพธิ์ลังกา คนก็ยังตามไปกวนไม่เป็นอันหลับอันนอน แต่บริวารเห็นจะได้ผลประโยชน์ ในการทำอะไรๆ ขาย เวลาแย่งชิงก็ขึ้นไปถึง ๓ บาท ว่า ๖ บาทก็มี ได้รูปเสือนั้นแล้วจึงไปให้พระครูปลุกเสก สังเกตดูอัธยาศัยเป็นคนแก่ใจดี มีกิริยาเรียบร้อย อายุ ๗๐ แล้วยังไม่แก่มาก รูปร่างล่ำสันใหญ่โต เป็นคนพูดน้อย มีคนมาช่วยพูด"

จะเห็นว่า ในพระราชนิพนธ์ “เสด็จประพาสเมืองปราจิณ” ได้เล่าถึง “พระปาน” อย่างละเอียด สิ่งสำคัญยิ่งก็คือ เครื่องรางเขี้ยวเสือที่ทำเป็นรูปเสือ ในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ ราคาเช่าซื้อตัวละ ๑ บาทบ้าง ๓ บาทบ้าง ๖ บาทบ้าง ซึ่งเป็นราคาที่สูงมาก (ในสมัยนั้น กาแฟถ้วยละ ๑ สตางค์ ก๋วยเตี๋ยวชามละ ๓ สตางค์ ข้าวผัดจานละ ๕ สตางค์) หลังจากเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจ ก่อนที่ท่านจะเสด็จกลับเมืองหลวง พระองค์มีรับสั่งกับหลวงพ่อปานว่า “ฟ้าไปก่อน แล้วให้พระท่านไปทีหลัง”

พระราชดำรัสนี้ทำให้ทุกคนพิศวง เพราะไม่เข้าใจความหมาย (ยกเว้นหลวงพ่อฯ) แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี พระองค์ท่านก็เสด็จสวรรคต และต่อจากนั้นไม่ถึงปี หลวงพ่อปานก็มรณภาพลงเช่นกัน จึงสันนิษฐานว่า พระองค์อาจจะรู้ด้วยญาณ ว่าท่านและหลวงพ่อปาน อีกไม่กี่ปีก็คงจะถึงเวลาที่จะละสังขารแล้ว และในเวลาที่ไม่ห่างกัน

นอกจากท่านเจ้าคุณเฒ่า วัดหนัง ที่พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงให้ความสำคัญ มีการบันทึกถึงไว้ในตอนเสด็จประพาส เมืองฝรั่งเศส และท่านให้ความเคารพ กราบไหว้ บูชาแล้ว ก็ยังมีหลวงพ่อปาน แห่งวัดคลองด่านนี้อีกหนึ่งองค์ ที่เสด็จพ่อ รัชกาลที่ ๕ ให้ความสำคัญ ถึงขนาดมีการบันทึกถึงไว้ในพระราชนิพนธ์อีกเช่นกัน เป็นความรู้ที่ควรค่าต่อการศึกษา และจดจำ

ครับ เขี้ยวเสือของท่านที่ว่า "หายาก" แล้ว ตะกรุดโทนของท่านนั้น "หายากกว่า"


-----------------------------------------------------------------------------------------


เรื่องเล่าเสือหรั่งบางบ่อกับตะกรุดหลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย

เสือหรั่ง เป็นชาวบ้านระกาศ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นคนเรียบร้อย หน้าตาดี
ต่อมาเมียมีชู้เลยยิงทั้งชู้ ทั้งเมียตาย แล้วถูกตำรววจตามล่า ยิงตำรวจตายอีก
เลยเป็นโจร ปล้นคนรวยมาช่วยคนจน แถวบางพลี บางบ่อ บางปะกง แปดริ้ว
โดยจะเลือกเอาคนรวยที่คดโกง จึงมีคนเป็นหูเป็นตาเยอะ แม้เจ้าหน้าที่จะระดมกำลังจับตาย
ก็ไม่สามารถได้ตัวมาดำเนินคดี
มีคนเลื่องลือกันว่า เสือหรั่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย คลองด่าน
มีตะกรุดโทนที่หลวงพ่อปานทำไว้ให้ ป้องกันตัว ทำให้เสือหรั่งแคล้วคลาดได้อย่างอัศจรรย์
จนเสื่อหรั่งออกจะกำเริบ ปักป้ายประกาศก่อนไว้เลยว่าจะปล้นที่ไหน เมื่อไร
เมื่อมีข่าวว่าเสือหรั่งจะปล้นบ้านวัดโบสถ์ ฉะเชิงเทรา
ผู้คนต่างแตกตื่นขนข้าวของเงินทองย้ายไปอยู่กับญาติที่อื่นกันมาก

มีเพียงนายผูก เศรษฐีบ้านวัดโบนถ์ที่ไม่ได้ย้ายเพราะสมบุญ ลูกสาวไม่ยอมไป
จะอยู่กับบริวารสู้กับโจร จนวันหนึ่งมีชายโพกผ้า 3 คนบุกบ้านนายผูกยามค่ำคืนร้องว่า
เสือหรั่งปล้น แล้วจับนายผูกกับลูกสาว แต่ลูกสาวดิ้นรนต่อสู้ จนผ้าโพกหน้าหลุด เห็นหน้าโจร
ปรากฏว่าเป็น ไอ้ทรัพย์ลูกหนี้นายผูกที่เพิ่งถูกนายผูกยึดที่นา มาปลอมเป็นเสือหรั่ง
เมื่อเห็นหน้ากันแล้ว ไอ้ทรัพย์สั่งลูกน้องให้ฆ่าสมบุญทิ้งซะ แต่ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น
ลูกน้องไอ้ทรัพย์ล้มสิ้นใจตายต่อหน้า ต่อตา
แล้วปรากฏร่างเสือหรั่งพร้อมพรรคพวก ขึ้นบ้านมา ไอ้ทรัพย์ตกใจ ทรุดฮวบ ที่เจอเสือหรั่งตัวจริง
“ข้าแอบดูอยู่พักใหญ่แล้วว่าใครกันที่อ้างชื่อข้ามาปล้น” เสือหรั่งพูด
แล้วจับไอ้ทรัพย์กับลูกน้องมัด แล้วบอกกับสมบุญกับนายผูกว่า
อีกซักครู้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองกับกำนันจะมา
สมบุญเห็นหน้าเสือหรั่งประกอบกับกิริยาเรียบร้อย
ทำให้พึงพอใจในตัวเสือหรั่งมาก พูดกับเสือหรั่งว่า
“ ต้องกล้าหาญเช่นนี้สิ ถึ่งจะเป็นลูกผู้ชาย”
เสือหรั่งเห็นสมบุญมีกิริยาเช่นนั้น จึงพูดว่า
“ข้าก็ชอบหญิงที่กล้าหาญเช่นกัน หญิงแบบนี้แหละที่จะรักเดียวใจเดียวกับสามี
ไม่เป็นอื่น แต่ข้าคงพาเจ้าไปลำบากด้วยไม่ได้ ด้วยทางโจรย่อมอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง
เราเดินคนละทางกัน” แล้วจากไป
ไม่นานเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็มาถึงบ้าน ไอ้ทรัพย์ต้องติดคุกและป่วยตายในคุก

แต่นั้นมา สมบุญก็เฝ้าตามข่าวเสือหรั่งจนพ่อไม่พอใจ แต่ไม่สามารถขัดใจลูกสาวได้
ต่อมามีข่าวเสือหรั่งเข้ามอบตัวกับทางการ เพื่อสู้คดีที่ฆ่าเมียและชายชู้ แต่คดีปล้น
ไม่มีใครเข้าร้องทุกข์
ศาลตัดสินจำคุก ๒๐ ปี สมบุญก็เพียรเข้าเยี่ยมเสือหรั่ง
และทราบเหตุผลที่มอบตัวเพื่อกลับตัวมาแต่งงานกับสมบุญ
ติดคุกได้เพียง ๕ ปีเสือหรั่งก็ได้รับการปล่อยตัว
เพราะได้ร่วมกับลูกน้องในคุกและเจ้าหน้าที่ สกัดการแหกคุกของเสือน้อย
และได้ช่วยชีวิตผู้คุมที่ถูกจับเป็นตัวประกันได้อีก
เมื่อออกจากคุกเสือหรั่งได้ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอสมบุญ
แม้นายผูกจะคัดค้านสมบุญเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นผล
สมบุญต้องการเพียงการแต่งงานเงียบๆ ตามประเพณีเท่านั้น
แล้วนายหรั่งก็ย้ายมาอยู่บ้านวัดโบสถ์ ขยันขันแข็งทำงาน เรือกสวนไร่นา อย่างดี
หลังแต่งงานมาอยู่บ้านวัดโบสถ์ ไอ้หอม พี่ชายไอ้ทรัพย์ คิดแก้แค้นนายหรั่ง
ตามมาหาเรื่องหลายครั้ง แต่นายหรั่งก็ไม่ตอบโต้

จนวันหนึ่งหลังจากนายหรั่งกับสมบุญทำธุระที่แปดริ้วเสร้จแล้วมาขึ้นเรื่อที่วัดโบสถ์
ไอ้หอมพร้อมลูกน้องมาดักที่ท่าเรือ แล้วใช้ปืนจ้องมา
ร้องท้านายหรั่ง จะแก้แค้นให้น้องชาย พร้อมพูดจาดูถูกว่า
เสือหรั่งสิ้นลาย เกาะเมียกินไปวันๆ

นายหรั่งสุดจะทนแล้วในคราวนี้พุ่งปราดเดียวถึงตัวไอ้หอม
เตะมือไอ้หอมปืนกระเด็น แล้วถีบจนหงายท้องใช้เท้ายันหน้าอกไว้
ลูกน้องไอ้หอมจะเข้ามาช่วยลูกพี่แต่ สมบุญร้องห้ามแล้วชักปืนพกเล็กออกมา
แล้วหรั่งก็ชักมีดเหน็บออกมา ร้องว่า
“ กูทนมึงมานานแล้ว ลูกผู้ชายทนได้ทนไป แต่ความอดทนมันก็มีจำกัด วันนี้มึงได้ตายสมใจแน่” จังหวะที่จะจ้วงแทงนั้นเอง เสียงหลวงพ่อทองก็ดังมาข้างหลัง
“หยุดก่อนนายหรั่ง อาตมาขอชีวิตมันไว้เถิด
ในเมื่อโยมหรั่งกลับตัวเป็นคนดีแล้ว ก็อย่าให้มือเปื้อนเลือดอีกเลย “

“ เจ้าหอม เจ้าประพฤติตัวเป็นนักเลงหัวไม้ มีแต่คนเกลียด
อย่าเห็นว่าคนยอมให้แล้วจะได้ใจ ถ้าเขาหมดความอดทนแล้วละก็
ชีวิตเจ้าก็จะรักษาไว้ไม่ได้
ถ้ายังทำตัวอย่างนี้ก็จงออกไปจากบ้านวัดโบสถ์นี้ซะ”
แล้วทุกคนก็เลิกรากลับบ้านกันไป ไม่มีใครกล้ามาระรานเนายหรั่งอีกเลย

ตะกรุด เนื้อตะกั่ว ยาว ๔.๕นิ้ว หลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส (บางเหี้ย) ดอกนี้ หายากมากครับ มาพร้อมบัตรรับประกันของสถาบันการันตีพระ
ราคาเปิดประมูล19,900 บาท
ราคาปัจจุบัน28,100 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 09 ก.ค. 2563 - 22:56:40 น.
วันปิดประมูล - 11 ก.ค. 2563 - 07:49:14 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลBerm_07 (862)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 09 ก.ค. 2563 - 22:58:15 น.

Cr.เจ้าของภาพเดิมนะครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 09 ก.ค. 2563 - 22:59:14 น.



ภาพ Close up


 
ราคาปัจจุบัน :     28,100 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    payungsak (273)

 

Copyright ©G-PRA.COM