(0)
* 5 สิ่ง* ที่เจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตร*แนะให้บูชาและปฎิบัติในช่วงที่ดาวมฤตยูทับดวงเมือง(ปี59-67)หนึ่งในนั้นคือการบูชา*หนังเสือ*(ดูคลิปด้านใน) *วัดใจเคาะเดียวแดง* ตะกรุด(หนังเสือ+ไม้แหย่แย้) No18 เชิญค่ะ








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง* 5 สิ่ง* ที่เจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตร*แนะให้บูชาและปฎิบัติในช่วงที่ดาวมฤตยูทับดวงเมือง(ปี59-67)หนึ่งในนั้นคือการบูชา*หนังเสือ*(ดูคลิปด้านใน) *วัดใจเคาะเดียวแดง* ตะกรุด(หนังเสือ+ไม้แหย่แย้) No18 เชิญค่ะ
รายละเอียด* 5 สิ่ง* ที่เจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตร*(เจ้าของผ็ายันต์เลสเตอร์ - ผู้ทำให้ทีมเลสเตอร์ซิตี้ ทีมรองบ่อนจากฟุตบอลดิวิชั่นหนึ่งของอังกฤษ กลายเป็นแชมป์ฟรีเมียร์หลีกได้ในที่สุด) แนะให้บูชาและปฎิบัติในช่วงที่ดาวมฤตยูทับดวงเมือง(ปี59-67)หนึ่งในนั้นคือการบูชา*หนังเสือ*(ดูคลิปด้านใน) *วัดใจเคาะเดียวแดง* ตะกรุด(หนังเสือ+ไม้แหย่แย้) No18 เชิญค่ะ
@ คลิปเจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตร แนะนำวิธีปฏิบัติในช่วงดาวมฤตยูทับ

ดวงเมือง(ไทย) ช่วง 6 มีนาคม 2559 ถึง 6 มีนคาม 2567

https://www.youtube.com/watch?v=Hi011IdU7Bk


*******************************

@ 5สิ่ง ที่เจ้าคุณธงชัยแนะนำให้บูชาและปฏิบัติมีดังนี้คือ :-

1.บูชาพระพุทธรูปปางเปิดโลก(ปางที่พระพุทธองค์เสด็จลงจากสวรรค

ชั้นดาวดึงส์หลังจากการโปรดพระพุทธมารดา) เช่น พระุทธรูปปางลีลา

รุ่น 25 พุทธศตวรรต


2.สวดมนต์พระคาถา "อนัตตลักขณสูตร" (พระพุทธเจ้าเทศให้พระอัญ

ญาโกณฑัญญะฟังจนสำเร็จพระอรหันต์) เป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์มากที่

ทำให้มนุษย์เข้าสู่วิมมุติหลุดพ้นจากวัฏสงสาร

3.บูชาเทพ "พระอิศวร" เพราะที่หน้าผากของพระอิศวรมีสัญลักษณ์

คล้ายสัญลักษณ์ดาวมฤตยู

4.เครื่องรางของขลังที่ควรบูชาได้แก่ หนังเสือ เพราะหนังเสือเป็นสิ่งที่

พระอิศวรใช้เป็นอาสนะปูนั่ง รวมไปจนถึงเขี้ยวเสือ และหนังหน้าผาก

เสือเป็นต้น

5.เครื่องรางที่เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระอิศวร เช่นพระอิศวรมีสร้อย

สังวาลเป็นงู ชื่อ "พญาวาสุกรีนาคราช" ดังนั้นเครื่อง

รางของขลังที่เกียวข้องกับงู เช่น "เดือยงูเหลือม" "เหล็กไหลธารา

นาคราช" เป็นต้น (ข้อนี้ขยายความจากคำอธิบายในคลิปที่เจ้าคุณธง

ชัย ผู้ทำให้สโมสร *เลสเตอร์ซิตี้* ทีมรองบ่อน กลายเป็นแชมป์

ฟุตบอล ฟรีเมียร์หลีก กล่าวไว้ในคลิปดังกล่าวนั่นเอง)

*************

@ตำนานพระอิศวร :-

พระศิวะ (คนไทยเรียกว่า พระอิศวร) เป็นบิดาของ พระพิฆเนศ มีชายาคือ พระแม่อุมาเทวี พระศิวะทรงเป็นมหาเทพผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล หนึ่งใน ตรีมูรติ หรือ 3 มหาเทพสูงสุดแห่งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู (พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ)

พระองค์ทรงประทานพรวิเศษให้แก่ผู้หมั่นกระทำความดี และยึดมั่นในศีลธรรม หากผู้ใดประพฤติเพื่ออุทิศถวายแก่พระองค์แล้วปรารถนาสิ่งวิเศษใดๆ พระองค์ก็จะประทานพรนั้นๆให้ แต่เมื่อได้พรสมปรารถนาแล้ว วันหน้าหากกระทำผิดไปจากความดีงาม ผู้นั้นจะเกิดวิบัติในชีวิต พระศิวะเทพจะเป็นผู้ทำลายทันที!!

มีความเชื่อกันว่าพระศิวะนั้น สามารถช่วยปัดเป่ารักษาเยียวยาอากาศเจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆ ได้อย่างมหัศจรรย์นัก!! หากผู้ใดที่เจ็บป่วยหรือต้องการขอพรให้คนในครอบครัวหายเจ็บไข้ได้ป่วย
ถ้ากระทำการบวงสรวงบูชาและขอพรจากพระศิวะ ก็มักปรากฏว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นถูกปัดเป่าให้หายไปได้โดยสิ้นในเร็ววัน

พระองค์เป็นเทพที่จะคอยขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ห่างไกล และทำให้เกิดความดีงามเป็นศิริมงคลเกิดขึ้น ผู้ที่มีความทุกข์ไม่ว่าจะเป็นในทางใด หากบวงสรวงบูชา ขอพรให้พ้นทุกข์ พระศิวะก็จะประทานพรให้ผู้นั้นได้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ด้วยเช่นกัน

พระศิวะ นั้นเป็นเทพที่จะอำนวยพรประทานความ
อุดมสมบูรณ์ให้แก่ผู้ที่มีอาชีพเลี้ยงวัว เลี้ยงม้า หรือเลี้ยงแกะ และอาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตรทั้งปวง ก็จะมีความสำเร็จและมีความสมบูรณ์พูนสุข หากบวงสรวงบชาพระศิวะ...

นอกจากบทบาทความสำคัญโดยรวมที่กล่าวมาแล้วนั้น อีกบทบาทหนึ่งที่เด่นชัดแยกออกไป จากบทบาทของการเป็นมหาเทพ ผู้ทรงมีพระมหากรุณา ประทานพรแก่มวลมนุึ์ษย์นั้น พระศิวะยังทรงเป็นเทพแห่งคีตา คือเป็นเทพเจ้าแห่งการดนตรี และการร่ายรำ ระบำฟ้อนอีกด้วย

พระศิวะ ผู้เป็นพระเป็นเจ้าแห่งการทำลายล้าง พระองค์เปี่ยมไปด้วยอำนาจ พระพักตร์ของพระองค์แสดงให้เห็นว่าเป็นทั้งชาย เป็นทั้งหญิง เป็นทั้งผู้ใจดี เป็นทั้งผู้ดุร้าย จากชิ้นฝุ่นธุลี ไปจนถึงภูเขาหิมาลัย จากมดตัวเล็กๆ ไปจนถึงช้างตัวใหญ่ จากมนุษย์ไปจนถึงพระเป็นเจ้า อะไรก็ตามที่เราสามารถเห็นได้นั้น เป็นรูปแบบของพระศิวะทั้งหมด

ใน คัมภีร์อุปนิษัท ของฮินดู การท่องคำในพระคัมภีร์ส่วนมากมีคำว่า "ศิโวมฺสวหะ" (ข้าคือศิวะ) หมายความว่า บุคคลผู้มีสติปัญญาทุกๆคน ควรพิจารณาถึงตัวเอง และสิ่งทั้งหลายของสากลโลกเป็นรูปแบบของพระศิวะทั้งสิ้น เมื่อคิดระลึกได้อย่างนี้แล้ว ผู้นั้นก็จะเข้าถึงความสุขความสงบ

@ การบูชาพระศิวะ :-

โต๊ะ หรือแท่นบูชา สามารถประดิษฐานร่วมกับเทพองค์อื่นๆได้ เช่น พระพรหม พระวิษณุ ศิวลึงค์ หรือครอบครัวของพระองค์ คือ พระแม่อุมา พระแม่กาลี พระแม่ทุรคา พระพิฆเนศ พระขันทกุมาร

ควรปูโต๊ะหรือแท่นบูชาด้วย ผ้าสีขาว สีแดง สีเงิน โดยเฉพาะ ผ้าพิมพ์ลายหนังเสือ (หนังเสือเทียม) ท่านจะโปรดมาก แท่นหรือโต๊ะควรเป็นลายไม้ธรรมชาติ หรือทาสีด้วย สีดำสนิท สีแดง สีเงิน โดยไม่มีลายสีทอง (พระองค์ไม่โปรดสัญลักษณ์ที่สื่อถึงทองคำ เนื่องจากพระองค์ปฏิบัติโยคะอย่างสูงสุด มีความสมถะ เรียบง่าย)

@ เครื่องสังเวย ของถวาย :-

น้ำดื่ม นมสด (จืดหรือหวาน ไม่ปรุงแต่งกลิ่นหรือสี)
ดอกไม้ สามารถใช้ดอกดาวเรือง ดอกบัว ดอกกุหลาบ ดอกไม้ป่าต่างๆ ทุกสี ทุกพันธุ์
กำยาน กลิ่นจันทน์ กลิ่นดอกบัว กลิ่นสมุนไพรและพรรณไม้ต่างๆ
ผลไม้ ควรถวายผลไม้ที่มีกลิ่นหอมโชยอ่อนๆ รสชาติอ่อนๆ ไม่เปรี้ยวจัด ไม่หวานจัด หรือขมจัดเกินไป ผลไม้ไม่ควรปอกเป็นคำๆ ควรถวายทั้งเปลือก หรือเป็นลูกๆ เช่น กล้วยทั้งหวี (แต่มะพร้าวจะต้องผ่าหรือเทใส่แก้ว)
ขนม เช่นเดียวกับเทพทุกองค์ คือ ถวายขนมรสหวาน มีกลิ่นหอม ห้ามถวายอาหารคาวและเนื้อสัตว์
ธัญพืช เช่น งา ลูกเดือย ข้าวตอก ใบมะตูม หญ้าคา เผือก มัน ถั่วฝัก เมล็ดถั่ว เมล็ดข้าว เมล็ดบัว พริกไทย เครื่องเทศต่างๆ

@คาถา บทสวดมนต์บูชาพระศิวะ:-

อย่าลืม : ก่อนการสวดบูชาพระศิวะนั้น จะต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ

บทสวดมนต์พระศิวะมีอยู่มากมาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้ (เลือกสวดบทใดบทหนึ่งหรือหลายๆบท)

1. โอม นะมัส ศิวาย

2. โอม นะมัส ศิวายะ

3. โอม นะมัส ศิวายะ นะมะฮา

- บทอัญเชิญ
4. โอม อิศราเม ศิวะเทวัญจะ ภะวันตุเม
ทุติยัมปิ อิศราเม ศิวะเทวัญจะ ภะวันตุเม
ตะติยัมปิ อิศราเม ศิวะเทวัญจะ ภะวันตุเม

5. โอม กรรมปูระเคารัม กรุณาวะตารัม
สัมสาระสารัม ถุชะเคนทะระหารัม
สะทะวะสันตัม หฤทะยาระวินเท
ภะวัมภะวานี สาหิตัม นะมามิ

- บทสรรเสริญ
6. โอม นะมัส ศิวายะ
จำเป นะเคารา นะสีระกายายะ
กัตตะปูระณะ กาวะนะสี จะกายอ
นะมัสสิ วายะยายะ จะนะมัสสิ วายะยอ
กัตุกรี คิกากัง คะมะติวัตติตายายะ
มะมิกุณธะลายอ นะมัสสิวายายะ จะนะมัสสิวายา
อะระคัม สัมปุญญัม สีวิรุส
ตะไรยยะเก กาเม จะมะเหยะเต

ข้อมูลอ้างอิง : http://www.siamganesh.com/shiva.ht

**********************

@ ความหมายของพระศิวะ :-

พระศิวะ แปลว่า ผู้ปี่ยมความกรุณาในการชุบชีวิตต่างๆ ให้บริสุทธิ์ พระองค์คือมหาโยคี จอมราชาของเหล่าทวยเทพและมุนีทั้งปวง
อันประกอบไปด้วยบรรดาฤาษี โยคี มุนี ดาบส ฯลฯ

ตำนานระบุว่า พระศิวะเกิดจากพระเวทและพระธรรมที่ช่วยกันเนรมิตพระองค์ขึ้นมาเพื่อสร้างโลกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่โลกได้ละลายกลายเป็นอากาศมาช้านาน โดยมอบฤทธิ์ อำนาจ ให้พระศิวะ มีอิทธิฤทธิ์สูงสุด สามารถประทานพรให้กับบุคคลใดก็ได้ โดยไม่มีเลือกที่รักมักที่ชัง มีความกรุณาต่อทุกชีวิตในไตรโลก ไม่ว่า อินทร์ พรหม ยมยักษ์ อสูร เทวดา พญานาค นางอัปสร หรือ คนธรรพ์ ฯลฯ ผู้ที่รับพรนั้นๆ ไป ก็มีฤทธิ์เป็นไปตามพรของพระศิวะทุกประการ

พระศิวะทรงมีเอกอัครมเหสีคู่พระทัยคือ พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี หรือ พระอุมาเทวี หรือชาวฮินดูนิยมเรียกกันว่า พระนางปาราวตี ซึ่งเป็นอิตถีเทพ ที่งดงามเป็นยิ่งนัก และยังเป็นเทพเทวีที่มีผู้คนนิยมบวงสรวงบูชามากมายว่าเทพนารีองค์อื่นองค์ใด พระแม่อุมามหาเทวีปรากฏอยู่ในทุกคัมภีร์ทุกตำรา ด้วยเพราะพระศิวะนั้นไม่ปรากฏว่าจะมีพระชายาอีกมากมายดังมหาเทพองคือื่น ๆ

พระศิวะทรงเป็นพระบิดาของพระพิฆเนศวรและพระขันธกุมาร พระโอรส ๒ พระองค์นี้ประสูติจากพระแม่อุมา อัครมเหสีคู่บารมี

พระศิวะมียังพระชายาคู่บารมีอีก ๒ พระนาง คือ พระคงคาและพระนางสนธยา พระแม่คงคาซึ่งเป็นพระพี่นางของพระแม่อุมามหาเทวี อัครมเหสีของพระศิวะนั้น แต่เดิมก็เป็นพระชายาองค์รองๆ ของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ ซึ่งเมื่อได้มีเรื่องมีราวขัดแย้งบาดหมางกันระหว่างบรรดาพระชายาพระวิษณุ จนก่อเหตุให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญใจ พระวิษณุจึงได้นำพระแม่คงคามาถวายให้เป็นพระชายาของพระศิวะ

ส่วนพระนางสนธยานั้นเป็นธิดาของพระพรหม มหาเทพอีกพระองค์หนึ่ง ซึ่งมีความผิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จนเป็นเหตุให้พระพรหมผู้เป็นบิดาทรงกริ้วนัก และปรารถนาที่จะลงโทษพระธิดาสนธยาอย่างหนัก ซึ่งพระธิดาก็เกรงกลัวที่จะถูกลงโทษทัณฑ์ จึงได้แปลงกายเป็นนางเนื้อหลบลี้หนีพระบิดาไปเสีย
พระพรหมเองก็ไม่ยอมลดละ ด้วยความกริ้วถึงกับนิรมิตองค์เป็นกวางตามนางเนื้อไปในทันที พระศิวะได้ทรงบังเอิญมาพบเห็นเข้า ก็จึงได้มีความเห็นใจพระธิดาสนธยา ครั้นจะห้ามปรามพระพรหมผู้เป็นบิดาของพระนางสนธยาก็ดูจะกระไรอยู่ จึงได้ยับยั้งความกริ้วของพระพรหมในครั้งนั้นด้วยการแผลงศรไปถูกเศียรกวางขาดกระเด็น
เมื่อพระพรหมกลับคืนมาสู่ร่างเดิม ก็จึงได้คลายความโกรธ และพระศิวะก็ได้พูดคุยกับพระพรหมให้ยกโทษให้กับพระธิดา และการขออภัยโทษแก่พระนางสนธยานั้นคงจะไม่เป็นการสำเร็จโดยง่าย พระศิวะจึงได้ใช้วิธีทูลขอพระนางสนธยามาเป็นพระชายา ด้วยความเกรงอกเกรงใจกัน พระพรหมจึงได้ยินดียกพระธิดาให้ไปเป็นพระชายาของพระศิวะ ด้วยเหตุนี้เองที่พระธิดาสนธยาจึงไม่ต้องถูกพระบิดาลงโทษ

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าการที่มีพระชายาเพิ่มขึ้นมานั้นไม่ได้เป็นเพราะพระศิวะออกไปแสวงหาด้วยความมากรักหลายใจแต่อย่างใด

พระศิวะ ไว้ผมยาวสลวยแบบฮิปปี้ แลดูคล้ายจิตรกร นักดนตรีร็อคหรือศิลปินมีพระพักตร์หล่อเหลาคมคายมากกว่าเทพองค์ใด สังเกตจากภาพเขียนของอินเดีย จะให้ความสำคัญกับพระองค์ค่อนข้างมากในเรื่องนี้ ทรงแต่งพระองค์แบบปอนๆ (สูงสุดคืนสู่สามัญ) จึงได้รับความนิยมจากศิลปินแห่งโลกตะวันตก รวมทั้งศิลปินไทย เช่น นักดนตรีในยุคซิกส์ตี้-เซเว่นตี้ โดยเฉพาะพวกบุปผาชนที่แอนตี้สงครามและใฝ่หาเสรีภาพต่างศรัทธาและบูชาพระองค์เป็นเสมือนฮีโร่ในดวงใจ

ทรงฉลองพระองค์ง่ายๆ สบายๆ แบบกันเองเหมือนไม่ทรงถือตัว เช่น นุ่งผ้าเตี่ยว ห่มหนังเสือหรือหนังกวางเพียงผืนเดียว ห้อยลูกประคำที่ทำจากเม็ดรุทรากษะ มีพญางูพันพระศอ และสร้อยสังวาลเป็นรูปหัวกะโหลก ช่วยเพิ่มความขลังให้น่าเกรงขามยิ่งขึ้นไปอีก

พระองค์มีดวงเนตรที่สาม จะลืมพระเนตรขึ้นก็ต่อเมื่อมีเหตุอันสำคัญเกิดขึ้นที่พระองค์จะต้องลงมือปราบปรามหรือแก้ไขปัญหาต่างๆให้ลุล่วง ตรีเนตรหรือดวงเนตรที่สามนี้ สามารถเผาผลาญทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าให้แหลกเป็นผุยผงไปได้ เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ พระศิวะประลองฤทธิ์กับพระนารายณ์ ไม่มีใครแพ้ชนะอย่างเด็ดขาด พระพรหมเห็นดังนั้น จึงเดินเข้าไปต่อว่าพระศิวะ หาว่าพระองค์ไม่สามารถปราบได้แม้กระทั่งมหาเทพที่พระองค์สร้างขึ้นมาเอง
พระศิวะทรงพระพิโรธที่ถูกหยามหมิ่น จึงเผลอลืมเนตรที่สามขึ้น ทำให้เศียรข้างหนึ่งของพระพรหมมอดไหม้มลายไป มิอาจกลับคืนมาได้อีกเลยนับตั้งแต่นั้น จากเดิมที่พระพรหมมี ๕ เศียร จึงเหลืออยู่เพียง ๔ เศียร อย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน

พระศิวะทรงเป็นเทพเจ้าแห่งพร ๑๐๘ ประการ จะประทานให้กับผู้อื่นที่ทำความดีเท่านั้น พวกมิจฉาชีพอย่าไปขอพรท่านเข้าล่ะ ดีไม่ดี ท่านอาจให้โทษได้ ถ้าสืบทราบมาว่าเป็นคนชั่วช้าเลวทราม ก็พระองค์คือเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างโลกที่โสมมนัสให้สะอาดแล้วสถาปนาขึ้นมาใหม่เป็นมาอย่างนี้ชั่วกัปชั่วกัลป์

หากพระองค์ไม่ทรงลงมือเอง ก็ต้องมีพระนารายณ์ลงมาปราบ ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ หรือไม่ก็พระแม่ทุรคา พระแม่กาลี พระชายาของพระองค์เองมาทำการปราบ

ส่วนใครที่มีทุกข์ร้อนในเรื่องใดๆ ก็สามารถขอพรจากท่านให้พ้นทุกข์ได้ แต่ต้องปฏิบัติตนให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีเป็นพื้นฐาน หรือผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยอยากจะอาการทุเลาอาการลง

นอกจากนี้ พระศิวะยังทรงเป็นบรมครูทางด้านนาฏยศาสตร์หรือนาฏศิลป์อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย ท่าร่ายรำ ๑๐๘ ท่าของพระองค์ มีพระฤาษีภารตะมุนีเป็นผู้บันทึกไว้แล้ว ถ่ายทอดแก่ชาวโลก เรียกว่า “นากยัม” นับเป็นต้นแบบการร่าบรำของชมพูทวีปที่ถ่ายทอดไปสู่ดินแดนอื่นๆ

หากคุณนึกถึงการร่ายรำเมื่อใด ต้องนึกถึงระบำแขกก่อน สาเหตุก็เพราะการร่ายรำของอินเดียมีลีลาที่เร้าใจ ได้อารมณ์สุนทรีย์ ในเรื่องของท่าทาง การส่ายเอว ส่ายสะโพก เพราะว่าพวกเค้า สืบสานตำนานนาฏยศิลป์มาจากองค์พระศิวะ ดังที่มีคำนิยามว่า “พระผู้เขย่าจักรวาลด้วยการร่ายรำ”

พระนามเด่นของพระศิวะ
1. พระอิศวร หมายถึง เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
2. ภูเตศวร หมายถึง มีภูตผีเป็นบริวาร
3. มหารุทรเทพ หมายถึง เทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง
4. มหากาลไภรวะ พระไภราพ หรือ พระพิราพ
5. มหาเทวะ หมายถึง มหาเทพผู้ที่มีความยิ่งใหญ่และเป็นใหญ่เหนือเทพอื่นใด

วิมานสถิต
ป่าหิมพานต์ เขาไกรลาศ

สัญลักษณ์
ศิวลึงค์ พระจันทร์เสี้ยว

เอกลักษณ์
วรรณะสีขาว แดง หรือดำ เส้นพระเกศายาวมุ่นอย่างฤาษี มีพระจันทร์นเสี้ยวอยู่บนพระเกศ มีตรีเนตร (ดวงตาที่สาม) บนพระนลาฏ มีงูพันพระศอซึ่งป็นสีดำ ห้อยประคำทรงอาวุธตรีศูล ที่คล้องไว้ด้วยกลองบัณเฑาะว์

เศียรครู (ศรีษะโขน)
ทรงมงกุฏชัย

พาหนะบริวาร
โคนนทิราช หรือ โคอุศุภราช เป็นเทวดาองค์หนึ่ง

วันประจำพระองค์
วันจันทร์

สัญลักษณ์แห่งธาตุ
ธาตุดินภูเขา (ตามลักษณะแห่งความยิ่งใหญ่ประดุจยอดเขาหิมาลัย)

จุดประสงค์ในการบูชา
ขอพร ๑๐๘ ประการ ทรงเป็นเทพเจ้าแห่งพร เทพเจ้าแห่งพิธีบวงสรวง เทพเจ้าแห่ง เสียงเพลงและการร่ายรำ ผู้บำบัดอาการไข้และความทุกข์ ทรงมีมหากรุณายิ่งกว่าเทพทั้งหลาย

บุคคลที่ควรบูชา
- ผู้เรียนโยคะหรือบำเพ็ญตบะแบบฤาษี
- ผู้ที่ต้องการขอพร ต่าง ๆ
- ผู้ที่ต้องการอำนาจพิเศษ
- ผู้ที่กำลังเจ็บไข้ได้ป่วย
- บุคคลทั่วไปที่ศรัทธา

เทศกาลบูชา

นิตยศิวาราตรี บูชาในวันจันทร์ข้างขึ้น ตลอดทั้งปี
มาสศิวาราตรี บูชาในวันจันทร์ดับ (วันแรม ๑๕ ค่ำของทุกๆเดือน) ตลอดทั้งปี

มาฆะศิวาราตรี บูชาในวันแรม ๑๔ ค่ำ ของเดือนมาฆะ (ก.พ. - มี.ค.)

มหาศิวาราตรี บูชาในวันจันทร์เพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนมาฆะ (ก.พ. - มี.ค.)

การบวงสรวง

เครื่องบวงสรวง ดอกดาวเรือง ธูปกำยาน นม เนย ใบพลู
คาถาบูชาแบบย่อ “โอม นะมัส ศิวายะ”
คาถาบูชา “โอม นะมะ ศิวายะ ศิวายะ นะมะ โอม ศิวายะ นะมะ โอม ศิวายะ ศิวะ ศิวะ ศิวะ ศิวายะ นะมะ โอม ฮาระ ฮาระ ฮาระ ฮาระ ฮารายะ นะมะ โอม”


ที่มา : https://sites.google.com/site/thai019ssru/ramkeiyrti-txn-kaneid-na-ngmntho/bth-thi-2-tanan-phra-siwa/tanan-phra-siwa
ราคาเปิดประมูล400 บาท
ราคาปัจจุบัน490 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ90 บาท
วันเปิดประมูล - 14 เม.ย. 2562 - 15:40:55 น.
วันปิดประมูล - 15 เม.ย. 2562 - 15:59:04 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลมงคลวัตถุ์ (514)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 14 เม.ย. 2562 - 15:41:31 น.



.


 
ราคาปัจจุบัน :     490 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     90 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    khansak (958)(1)

 

Copyright ©G-PRA.COM