(0)
หลวงพ่อเขียน ธัมมรักขิโต พระหล่อโบราณ พิมพ์หน้าลิงใหญ่








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องหลวงพ่อเขียน ธัมมรักขิโต พระหล่อโบราณ พิมพ์หน้าลิงใหญ่
รายละเอียดประวัติความเป็นมา ประวัติหลวงพ่อเขียน ธมฺมรกฺขิโต วัดวังตะกู ต.วังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร
หลวงพ่อเขียนเมื่อเป็นฆราวาส มีชื่อเรียกกันว่า “เสถียร” เกิดเมื่อวันเสาร์เดือน ๔ ปีขาล พ.ศ. ๒๓๙๙ หลวงพ่อเกิดที่บ้านตลิ่งชัน ตำบลชอนไพร อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์

บิดาชื่อทอง มารดาชื่อปลิด ภายหลังใช้นามสกุลว่า จันทร์แสง บ้านอยู่ติดกับวัดทุ่งเรไร หลวงพ่อเขียนมีพี่น้องร่วมสายโลหิตทั้งหมด ๕ คน เป็นชาย ๓ คน เป็นหญิง ๒ คน ดังนี้

คนที่ ๑ ชื่อ อินทร์ (ชาย)

คนที่ ๒ ชื่อ ทองใบ (หญิง)

คนที่ ๓ ชื่อ เสถียร (ชาย)

คนที่ ๔ ชื่อ แสง (ชาย)

คนที่ ๕ ชื่อ ระทวย (หญิง)

บิดา – มารดา ของหลวงพ่อเขียน มีอาชีพหลัก คือการทำนาและทำไร่ นอกจากอาชีพนี้แล้ว บิดาของหลวงพ่อเขียน ยังเป็นคนทรงประจำหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านเหล่านั้นมักเรียกกันว่า “สมุนเจ้าบ้าน”

เมื่อยังเด็กหลวงพ่อเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายและเฉลียวฉลาดเมื่ออายุได้ ๑๒ ปี หลวงพ่อได้ขออนุญาตจากบิดา – มารดา ขอบวชเป็นสามเณร (พ.ศ. ๒๔๑๑) อยู่วัดทุ่งเรไร ในขณะที่บวชเป็นสามเณรนั้นได้ศึกษาอักษรสมัย ตามควรแก่การ จากท่านอาจารย์วัด พออ่านออกเขียนได้นอกจากนี้ยังได้ศึกษาภาษาขอม ควบคู่ไปกับภาษาไทย อันเนื่องมาจากขยันเล่าเรียนเขียนอ่าน อาจารย์ผู้สอนจึงได้เปลี่ยนชื่อจากเสถียรเป็น “เขียน” สามเณรเขียนได้บวชเรียนเป็นสามเณรตลอดมาโดยไม่สึกเลยจนกระทั่งอายุใกล้จะอุปสมบทได้ จึงได้สึกออกมาเป็นฆราวาส เมื่อครบอายุบวช บิดา – มารดา ตลอดจนพี่น้องได้ปรึกษาหารือกันในเรื่องจะบวช นายเขียน ซึ่งนายเขียนนั่งร่วมวงอยู่ด้วย และนั่งติดกับพี่สาวชื่อทองใบ ขณะนั้นแต่งงานมีบุตรแล้ว นายเขียนได้พูดปรารภกับพี่สาวว่า “นมผู้หญิงเป็นอย่างไรน่อ ไหนๆฉันจะบวชแล้ว อยากจะขอจับสักครั้งได้ไหม” เมื่อพี่สาวได้ยินดังนั้นก็อนุญาตให้จับนม เมื่อนายเขียน จับนมของพี่แล้ว ก็ลองจับน่องของตนบ้าง พร้อมกับพูดว่ามันคล้ายๆกับน่องของฉันไม่เข้าท่าเลย ดังนั้นใน พ.ศ. ๒๔๒๐ นายเขียนอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ จึงได้อุปสมบท ณ วัดภูเขาดิน(บางคนเรียกว่า วัดภูกระดึง) ซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำป่าสัก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีอาจารย์ประดิษฐ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีพระอาจารย์สอนกับพระอาจารย์ทองมี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลังจากหลวงพ่อเขียนได้อุปสมบทได้ ๑ พรรษา บิดา – มารดา ได้รบเร้าให้หลวงพ่อ สึกจากสมณเพศเพื่อจะได้มาแต่งงานกับหญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่บ้านใกล้กัน หลวงพ่อไม่ยอมสึก จึงได้ลาญาติ โยมบิดา – มารดา ไปเยี่ยมญาติชื่อนางบุญมา บุญต้อ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านแต่งงานกับนายอินทร์ บุญต้อ และพามาอยู่ที่บ้านวังตะกู อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร

เมื่อหลวงพ่อมาเยี่ยมญาติที่บ้านวังตะกู ก็มีกำนันขุนพล(มาด สุขขำ) กำนันตำบลวังตะกู กับนายอินทร์ บุญต้อ ได้นิมนต์ให้หลวงพ่อจำพรรษาอยู่ที่วัดวังตะกู หลวงพ่อก็ไม่ขัดนิมนต์จึงได้จำพรรษาอยู่วัดนี้ ๑ พรรษา หลังจากนั้นท่านได้ออกจากวัดวังตะกูไปศึกษาปริยัติธรรมอยู่ที่วัดเสาธงทอง จังหวัดลพบุรี โดยมีพระอาจารย์ทองเป็นอาจารย์ผู้สอน เมื่อได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่วัดนี้เป็นเวลานานถึง ๙ พรรษา หลวงพ่อก็ลาอาจารย์ทองเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปศึกษาปริยัติธรรมต่อและได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดรังษี ซึ่งมีเจ้าคุณธรรมกิตติเป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระอยู่วัดรังษีนานถึง ๑๖ พรรษา ก็พอดีขณะนั้นวัดรังษีจะโอนจากวัดมหานิกายเข้าเป็นวัดธรรมยุตตินิกาย แต่หลวงพ่อไม่ยอมเปลี่ยนหลวงพ่อจึงต้องออกจากวัดรังษี ตั้งแต่นั้นมาและได้เดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเสาธงทอง จังหวัดลพบุรีอีกครั้งหนึ่ง ขณะนั้นท่านเจ้าคุณสังฆภาเป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อได้จำพรรษาอยู่วัดนี้อีก ๙ พรรษา

ในปี พ.ศ. ๒๔๔๒ กำนันขุนพลพร้อมด้วยนายอินทร์ บุญต้อ ได้พากันเดินทางจากวัดวังตะกูไปนิมนต์หลวงพ่อให้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดวังตะกู หลวงพ่อก็รับนิมนต์และได้ออกเดินทางมาพร้อมกับกำนันขุนพลและนายอินทร์ มาจำพรรษาอยู่ที่วัดวังตะกูตั้งแต่นั้นมา

ในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อยังจำพรรษาอยู่ที่วัดวังตะกู ผู้ใหญ่พลาย บ้านห้วยเรียงใต้ได้นำม้าตัวเมียมาถวายหลวงพ่อ ๑ ตัว และนายทอง บ้านวังอีแร้งได้นำม้าตัวผู้มาถวายอีก ๑ ตัวในช่วงระยะเวลาประมาณ ๒๐ ปีม้าทั้งสองได้ขยายพันธุ์ออกมาเป็นม้า ๗๐ ตัวนับว่าเป็นม้าที่มาก ฝูงหนึ่งในวัดของหลวงพ่อนอกจากจะมีม้าแล้วยังมีผู้นำ ลิง ชะนี เก้ง กวาง วัวแดง จระเข้ (ขณะนี้จระเข้ตัวที่ชื่อสี อยู่ที่วัดเมืองเก่า อำเภอเมืองพิจิตร โดยสร้างเป็นอ่างใหญ่โบกปูนซีเมนต์ให้อยู่ตรงปากถ้ำชาละวัน)เป็นสิ่งที่น่าสังเกต ว่าวัดนี้มีสัตว์เป็นจำนวนมาก คล้ายวัดหลวงพ่อเงิน บางคลาน

พ.ศ. ๒๔๘๔ ได้มีอาจารย์วัดองค์หนึ่งชื่อใหญ่ สนิทบุรุษ มาจากจังหวัดนครราชสีมาได้มาขอพำนักอยู่ที่วัดวังตะกู ครั้นอยู่มานานๆเข้ามีประชาชนนับถือมาก เลยถือโอกาสตั้งตัวเป็นเจ้าอาวาสเสียเอง ทั้งนี้เนื่องจากมีทายกบางคนให้ความสนับสนุนจึงได้รื้อกุฏิปลูกใหม่ให้เข้าแถวเป็นระเบียบเป็นการขับไล่หลวงพ่อทางอ้อม เว้นกุฏิหลวงพ่อไว้ให้อยู่โดดเดี่ยวองค์เดียว นอกจากนี้ยังให้สร้างเชิงตะกอนเผาศพไว้ด้านตะวันออกใกล้ๆกุฏิหลวงพ่อเวลาเผาศพลมจะพัดควันและกลิ่นเข้ากุฏิหลวงพ่อ เรื่องนี้หลวงพ่อได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะการเผาศพกว่าจะไหม้หมดก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ถึงแม้หลวงพ่อจะได้รับความทุกข์ทนทรมานอย่างใด หลวงพ่อก็ทนอยู่ได้ไม่ยอมหนีไปไหนท่านชอบอยู่อย่างไม่จองเวร-จองกรรม หลวงพ่อท่านระงับความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นด้วยขันติธรรม ในขณะนั้นหลวงพ่อหมดที่พึ่งเนื่องจากทายกเก่าตายเกือบหมด

พ.ศ. ๒๔๙๑ กำนันเถาว์ ทิพย์ประเสริฐ บ้านสำนักขุนเณร ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นกำนันตำบลวังงิ้ว ซึ่งเป็นผู้มองเห็นการณ์ไกลกำนันพร้อมคณะทายก จึงได้พากันมานิมนต์หลวงพ่อให้ไปจำพรรษาอยู่วัดสำนักขุนเณร ซึ่งอยู่ห่างจากวัดวังตะกูไปทางตะวันออกระยะทางจากวัดวังตะกูถึงวัดสำนักขุนเณรประมาณ ๕ กม. และคณะที่ไปนิมนต์ได้รับปากบอกหลวงพ่อว่าจะช่วยกันสร้างกุฏิให้เพียงพอกับพระภิกษุสงฆ์ที่พำนักอยู่ที่วัดสำนักขุนเณรอย่างเพียงพอ นอกจากนี้จะสร้างคอกม้าให้อย่างกว้างขวาง หลวงพ่อได้มองเห็นเจตนาดีและความอ้อนวอน หลวงพ่อจึงรับนิมนต์ไปอยู่วัดสำนักขุนเณร ถึงแม้ว่าหลวงพ่อจะไปอยู่วัดสำนักขุนเณรแล้วก็ตาม หลวงพ่อก็ยังเทียวไป-มาระหว่างวัดสำนักขุนเณรและวัดวังตะกูมิได้ขาด

พ.ศ. ๒๔๙๓ หลวงพ่อพ่อได้ติดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะจำพรรษาอยู่วัดสำนักขุนเณร ด้วยความอาลัยอาวรณ์วัดวังตะกู หลวงพ่อได้กราบ ไหว้ต้นไม้ใหญ่ๆทุกต้นในบริเวณวัดวังตะกู ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าท่านเคยจำพรรษาอยู่วัดวังตะกูนานถึง ๔๙ พรรษาก็อาจเป็นได้ เมื่อหลวงพ่อไปอยู่วัดสำนักขุนเณรแล้ว คณะทายกวัดวังตะกู ก็พากันไปนิมนต์หลวงพ่อให้มาจำพรรษาอยู่วัดวังตะกู หลวงพ่อก็รับนิมนต์มาอยู่วัดวังตะกูตามเดิม ครั้นหลวงพ่อมาอยู่ได้ ๑ อาทิตย์หลวงพ่อก็ขอตัวกลับไปอยู่สำนักขุนเณรอีก ด้วยความอาลัยรักวัดทั้งสอง หลวงพ่อจึงเทียวไป เทียวมา มิได้ขาด
ราคาเปิดประมูล999 บาท
ราคาปัจจุบัน1,099 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 13 ก.พ. 2562 - 09:59:43 น.
วันปิดประมูล - 14 ก.พ. 2562 - 11:53:54 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลnattakom2525 (712)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     1,099 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    พรหลวงปู่ทิม (2.6K)

 

Copyright ©G-PRA.COM