ชื่อพระเครื่อง | เต่าเรือนเลี่ยมเก่า ครูบาวงศ์ |
รายละเอียด | เต่าเรือนเก่าเลี่ยมเดิม พุทธคุณเมตตา คุ้มครองเยี่ยม
พญาเต่าเลือน (พญาเต่าเรือน) ดีทางเมตตามหานิยม โชคลาภ
เมื่อพูดถึงเครื่องรางที่คนไทยเรารู้จักกันมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายาย ซึ่งมีหลายประเภท บางอย่างก็มีมานานแล้วแต่บางอย่างก็เพิ่งจะเกิดขึ้นตามสถานที่ต่าง ๆ จะสังเกตได้ว่าเมื่อมีสิ่งแปลกประหลาดผิดจากธรรมชาติปรากฎขึ้นที่ใด จะมีผู้คนหลั่งไหลไปกราบไว้บูขาขอโชคขอลาภกันอย่างงมงาย ไม่ว่าสถานที่นั้นจะใกล้หรือไกลแค่ไหนก็จะดั้นด้น ไปจนถึงไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นต้นไม้หรือก้อนหินกระทั่งสัตว์ คนเราก็กราบไหว้เพราะอะไรหรือ ก็เพราะมันเป็นสิ่งที่พึ่งอันสุดท้าย
เครื่องรางของขลัง ที่เรียกกันว่า พญาเต่าเลือน แห่งโชคลาภ ดังนั้นคนไทยจึงนิยมนับถือสัตว์หลายชนิด ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์สมัยเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์เสวยชาติต่าง ๆ เช่น ช้าง (พญาฉัททันต์) นกคุ่ม (ลูกนกคุ่ม) นกยูง (พญานกยูงทอง) เต่าหรือพญาเต่าเลือนอันกลายมาเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งของคนไทย แม้กระทั่งคนจีนก็ยังถือว่าเต่าเป็นสัตว์นำโชคลาภและสัตว์ที่มีอายุยืนยาวจะไม่นิยมกินเป็นอาหารเพราะถือว่าเป็นการบั่นทอนอายุของตนเอง เต่านี่เแหละครับยังถูกนำมาเป็นหมอดู เรียกกันว่า หมอดูเต่าทอง
แต่สำหรับคนไทยนั้นเชื่อกันว่าเต่าเลือน คือ พระโพธิสัตว์ผู้ช่วยมนุษย์ให้รอดจากอันตราย ซึ่งมีปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎกตอนหนึ่งว่า ครั้งนั้นสมเด็จพระทศพลเสวยพระชาติเป็นพญาเต่า มีร่ายกายอันใหญ่โตกินแต่ใบไม้และพลาหารต่าง ๆ บนยอดเขาบนเกาะร้างกลางทะเลและร่างกายของพระองค์ใหญ่เท่ากับเรือนหลังใหญ่ ๆ เรียกกันว่า เต่าเรือน ท่านเสวยสุขอยู่จนกระทั่งวันหนึ่งมีสำเภาของพ่อค้ามาอับปางลงที่หน้าเกาะ ส่วนลูกเรือและพ่อค้ารอดชีวิต จากความตายในทะเลได้แต่ก็ต้องมาผจญกับความอดยาก เพราะบนเกาะไม่มีอาหารการกินแม้แต่สัตว์ใด ๆ ก็ไม่มียกเว้นพญาเต่าเรือน จึงได้แต่นอนรอคอยความตาย บ้างก็ร่ำ ๆ จะเข้ากินกันเป็นอาหาร
ดังนั้นพระโพธิสัตว์เจ้าเห็นพ่อค้าและลูกเรือทั้งหลายจะพากันมาอดตายกันหมดก็เกิดความสลดใจและเห็นว่าตัวเราก็มีเนื้อมาก อีกทั้งอายุก็มากแล้วหากต้องตายไปตามอายุร่างกายก็จะเน่าเปื่อยหาประโยชน์ไม่ได้ ซึ่งชีวิตนั้นก็เกิดแก่เจ็บตายก็เลยอธิฐานเอาร่างกายตนเป็นทานจึงคลานมาที่หน้าผาแล้วทิ้งตัวลงไปทำให้กระดองกระแทกกับแง่หินแตกกระจาย เนื้อก็ไหลออกมากองอยู่ที่พื้นเบื้องล่าง และทำให้พ่อค้ากับลูกเรือทั้งหลายได้อาศัยเนื้อเต่ากินเป็นอาหาร จึงรอดตาย จนกระทั่งมีเรือผ่านมารับไปและจากการกระทำของพระโพธิสัตว์ในการอุทิศร่างโดยการเลื่อนลงมาจากหน้าผานั้นเลยเรียกกันว่า พญาเต่าเลือน
คำว่า เต่าเรือน จึงเป็นนามของพระโพธิสัตวืที่มีรูปร่างใหญ่และคำว่า เต่าเลื่อน จึงเป็นนามของพระโพธิสัตว์ขณะเลื่อนตัวเองลงมาจนกระดองแตกถึงแก่ความตายเพื่อเอาเนื้อเป็นทาน มิใช่เต่าเลือนที่เลอะเลือนจนมองไม่เห็นชัดเหมือนกับที่เขามั่วกันส่งเดชอยู่ในเวลานี้ ส่วนเต่าเลือนนั้นเป็นชื่อยันต์ที่ผูกขึ้นเป็นรูปเต่าเพื่อใช้ในการทำการสู้คดีความที่เป็นอยู่ให้หายไป มิใช่นามของพระโพธิสัตว์ก็หาไม่ และการทำยันต์เต่าเลือนนั้น เขาจะใช้การลบผงยันต์เต่าเรือนโดยซักยันต์คำว่า นาสังสิโม อันเป็นหัวใจเต่าเรือนแล้วลบเอาผงมาใช้ในการปั้นรูปเต่าแล้วเอาชื่อของคู่คดีที่มาให้ทำเขียนใส่กระดาษมายัดเข้าไปในอกเต่าแล้วปิดทับให้สนิท เมื่อปลุกเสกแล้วเอาไปฝังดินเอาอิฐทับ และกล่าวกันว่าคดีความนั้นฝ่ายโจทย์จะให้การขัดแย้งกันเอง จนเลอะเลือนจับต้นชนปลายไม่ถูกกับแพ้คดีไปในที่สุด การทำต้องทำให้กับผู้ที่ไม่มีความผิดแต่กลับถูกใส่ร้ายป้ายความผิดเท่านั้น หากทำให้กับฝ่ายผู้ผิดเป็นการละเมิดครูผู้ที่ทำจะวิบัติต่าง ๆ จึงไม่ค่อยมีใครกล้ากระทำให้ผู้ผิดยกเว้นจำพวกที่เป็นแก่ได้หรือมีความโลภซึ่งผลจากการกระทำก็ลงเอยด้วยคือ ความพินาศนั่นเอง
สำหรับพระเกจิอาจารย์ทั่วไปนั้นท่านได้ผูกยันต์เต่าเรือนไว้เพื่อเป็นเครื่องรางสำหรับป้องกันตัวให้แคล้วคลาดจากภัยอันตราย โดยผูกเป็นยันต์รูปเต่ามีหัวมีหางบรรจะอักขระจากหัวว่า นา แล้วมาทางไหล่ว่า สัง และมาตรงปลายกระดองหลังว่า สิ ส่วนหางเรียกว่า โม รวมเป็นสี่คำ บางท่านก็ผูกยันต์เป็นกระดองด้วยลวดลายเป็นตาตารางแล้วบรรจุลงด้วยหัวใจเต่าเรือนที่คำสลับไปมาเรียกว่า เดินหน้าถอยหลังแล้วปลุกเสกกำกับเอาติดตัวไปไหนมาไหนไม่ต้องกลัวอันตราย จะทำการค้าขายก็ใช้ได้ผลดี
ของดีตามธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งให้กับท่านผู้อ่านนั่นก็คือ เต่าคงกระพัน หรือเต่าตายซาก (ไม่ใช่เต่าที่เอาไปฆ่าแล้วฝังเหลือแต่ซากนะครับ อันนั้นมันบาปกรรมนะจะบอกให้) ผมขอเข้าเรื่องต่อนะ อันเต่านี้เวลาจะตายแล้วเนื้อหนังของมันไม่เน่ากลับจะแห้งกรอบคงรูป มันจะไปตายซุกตายซ่อนอยู่ในป่าหรือตามโพรงไม้ หากท่านผู้อ่านไปพบเห็นเข้าที่ไหน จงเอาไปเก็บไว้ที่บ้าน แต่ก่อนจะเอาไปไว้ให้พลีเสียก่อน การพลีก็ไม่มีอะไรมาก เพียงเด็ดดอกไม้อะไรก็ได้ที่อยู่แถวนั้น (อย่าเอาดอกไม้ที่ไม่พึงประสงค์ล่ะ) เอามาบูชาเต่าแล้วก็พูดเองเออเองว่า พ่อเต่าทอง แม่เต่าเงิน ขออัญเชิญไปกับตัวข้า มามะแม่มามามะพ่อมา มาอยู่กับข้าเถอะเอย แล้วก็เออเองว่า จ๊ะ! ฉันจะไปอยู่ด้วย จะทำให้รวยดังใจ
หลังจากที่ได้เต่ามาแล้วก็เอามาเช็ดล้างให้สะอาด เอาของหอมประพรมแล้วก็เอาไปให้พระเกจิอาจารย์ที่ท่าน พอมีความรู้ทางด้านคาถาอาคมให้ท่านลงอักขระหัวใจเต่าเลือนว่า นาสังสิโม ที่อกเต่า แล้วปลุกเสกกำกับและพรมน้ำมนต์แล้วเจิมให้ เมื่อเสร็จพิธีจึงนำกลับมาเข้าที่บูชา แล้วก็ให้หาภาชนะปากกว้างไม่ต้องลึกมาก เอาน้ำเติมลงไป แล้วเอาเสาหินจำลองหรือเสาที่เป็นแก้วหรือวัสดุใดก็ได้มาวางไว้ตรงกลางให้พ้นผิวน้ำแล้วค่อย ๆ บรรจงเอาเต่ามาวางไว้ข้างบนวัสดุให้มั่นคงและหมั่นบูชาด้วยดอกมะลิลอยลงไปในน้ำแล้วอย่าปล่อยให้น้ำเหม็นสกปรก เมื่อน้ำพร่องก็หมั่นเติมอย่าให้แห้งเหือดไปได้ถือกันว่า ถ้าน้ำแห้งลาภก็จะแห้งตามไปด้วยแหละครับ เท่าที่ได้เคยสอบถามผู้ที่บูชา
เต่าอย่างถูกวิธีมักจะมีผลในด้านโชคลาภ และเป็นศิริมงคลแทบจะทุกราย
มาถึงเครื่องรางของขลังที่เป็นรูปเต่ากันบ้าง โดยมากพระเกจิอาจารย์ท่านจะสร้างเครื่องรางเป็นรูปเต่า แต่เดิมมาใช้ไม้ชัยพฤกษมาแกะเป็นรูปเต่า แล้วลงอักขระที่ท้องลงรักปิดทองเรียกว่า เต่าทอง บ้างก็ทำด้วยเนื้อผงคลุกรัก บ้างก็ใช้ตะกั่วหรืองาแกะหรือสัมฤทธิ์หล่อหลอมแล้วเทลงไปแบบแม่พิมพ์เป็นรูปเต่าต่าง ๆ แล้วแต่จะสรรค์สร้าง
มาเอง ทว่าต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นการปั๊มด้วยแผ่นทองแดง, นวโลหะเป็นเหรียญเต่าก็ใช้ได้ดุจเดียวกัน
แต่ที่นครนายกนั้นมาแปลกกว่าที่อื่น ๆ กล่าวคือหลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย จังหวัดนครนายก ท่านสร้างเต่าของท่านด้วยหินโดยใช้ให้ช่างแกะเป็นรูปเต่าอย่างสวยงามมีหลายขนาด มีที่บรรจุสำหรับวางเต่าและมีน้ำล้อมรอบอย่างดี และของขลังดีไม่น้อยขนาดเล็กสามารถพกติดตัวก็มี สำหรับเต่าสำนักนี้หลวงพ่อท่านสำเร็จวิชาในด้านนี้มา
จากเขมรโน่น ขอผ่านมาถึงหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเต่า ท่านก็เคยสร้างเต่าถวายสมเด็จเตี่ย (พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์) และยังมีอีกหลายสำนักที่สร้างเต่าในรูปแบบแตกต่างกันออกไป
ถ้าพูดถึงในยุคปัจจุบันก็มีวัดสนามแย้เรียกว่า เหรียญเต่า หรือ เหรียญเต่าหลวงปู่เลี้ยง วัดบ้านหมี่และหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรียกว่า พญาเต่าเลือน เป็นต้น
เต่าเรือนหรือเต่าเลือนนั้นเป็นของขลังอีกอย่างหนึ่งที่ใช้ได้ครบทุกทางสมควรแก่การสะสม หากท่านผู้อ่านไปเห็นแต่โลหะอื่น เช่น เหรียญเต่า เต่าผล เต่าหิน เต่าตายซาก หรือแม้แต่เต่าหับก็จงบูชาเถิดครับ ซึ่งถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง และตามะรรมเนียมขอมอบคาถาพญาเต่าเรือนหรือเต่าเลื่อนให้ไว้กราบไว้บูชา เพราะใช้ทางเมตตา ทางแคล้วคลาดและค้าขายได้ดี
วิธีอาราธนาให้พร้อมคาถาภาวนาหนุนพญาเต่าเรือนทุกชนิด โดยการตั้งนะโมสามจบและสวดบูชาระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ และเจ้าของพญาเต่าเรือนขอบารมีมาช่วยอำนวยพรให้ แคล้วคลาดจากอันตรายจากนั้นมีภาวนาว่า
นาสังสิโม สิโมนาสัง โมนาสังสิ สังสิโมนา
เมื่อจะเข้าหาเจ้านายหรือจะให้มีเมตตาลืมความโกรธไปชั่วขณะ ก็ให้อารธนาพญาเต่าเรือน ที่ติดตัวแล้วภาวนาในใจทุกขณะจิต เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่จะติดต่อด้วยให้เพียงหัวใจกลับหน้ากลับหลังว่าดังนี้
นาสังสิโม สิโมนาสัง ภะคะวาจิตตัง นาสังสิโม |
ราคาเปิดประมูล | 290 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 300 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 10 บาท |
วันเปิดประมูล | - 27 ม.ค. 2561 - 21:28:57 น. |
วันปิดประมูล | - 07 ก.พ. 2561 - 15:13:34 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | พญาวัน (504)
|