(0)
สีผึ้งเขียวพร้อมนางกวัก หลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ในตลับไม้แกะมือ แบบโบราณ เก่า คลาสสิค มีมนต์ขลัง ไม่ต้องถามครับว่าหายากแค่ไหน








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องสีผึ้งเขียวพร้อมนางกวัก หลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ในตลับไม้แกะมือ แบบโบราณ เก่า คลาสสิค มีมนต์ขลัง ไม่ต้องถามครับว่าหายากแค่ไหน
รายละเอียดสีผึ้งเขียวหลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ในตลับไม้แกะมือ แบบโบราณ เก่า คลาสสิค มีมนต์ขลัง พิเศษ ภายในบรรจุนางกวัก กวักเงิน กวักทอง กวักโชค กวักลาภของหลวงปู่อยู่ด้วย ไม่ต้องถามครับว่าหายากแค่ไหน

สีผึ้งสุดยอดแห่งเมตตามหานิยมอันดับหนึ่งของเมืองไทย ได้แก่ สีผึ้งหลวงปู่ทาบ ของดีที่ยังไม่แพงเท่าวัตถุมงคลอื่นๆ ซึ่งน่าแปลกใจมากเหมือนกัน เพราะคุณค่าของสีผึ้งท่านนั้นมีมหาศาลมากกว่ามูลค่าหลายหมื่นหลายแสนเท่า แต่คงเป็นเพราะความเมตตาของท่าน ที่อยากจะให้ลูกหลานได้มีโอกาสแบ่งปันกันใช้ (แต่ในอนาคตไม่แน่ ของก็หมดไปเรื่อยๆ เปลี่ยนมือน้อยลง อาจแพงกว่าทอง)

เท่าที่ทราบสีผึ้งของหลวงปู่ทาบ มี 3 ยุค ยุกแรกเป็นสีเขียวมรกต ยุคที่สองสีเขียวออกฟ้าคราม ยุคสามสีนำตาลไหม้ๆ แต่ที่พิเศษไม่เหมือนใคร คือ "กลิ่น" ซึ่งมีกลิ่นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว หอมนวลๆ อ่อนๆ สัมผัสเห็นความดี ความงาม เข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังมีกลิ่นสาบเล็กๆ เหมาะควรกับอายุที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน

ประวัติการทำสีผึ้งของหลวงปู่ทาบ ท่านใช้เวลารวบรวมมงคลวัตถุต่าง ๆ เป็นเวลานานถึง 4 ปีเศษ เมื่ออายุล่วงเข้า 80 พรรษาเศษแล้ว(ประมาณปี 2500) สีผึ้งของท่านสร้างขึ้นตามตำราของครูภู่ ชาวอุบล แรก ๆ ก็เป็นสีผึ้งธรรมดา ไม่มีสีเขียว ต่อมาท่านจึงได้นำใบว่านชนิดหนึ่งผสมลงไปด้วย สีผึ้งก็เลยมีสีเขียว จนภายหลังเรียกกันว่า “สีผึ้งเขียว”

สีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบนั้น ท่านทำเสร็จแล้ว จะใส่ไว้ในโถโบราณมีฝาครอบ ปรากฏอภินิหารคือ สีผึ้งเขียวของท่านจะงอก หรือเพิ่มปริมาณได้ตามความแรงของกำลังวัน บางครั้งสีผึ้งจะฟูขึ้นจนติดฝาครอบโถเกาะกันเป็นวงคล้ายๆ กับดอกของใบพลู ซึ่งเป็นรูปคล้ายดอกใบพลูนี้แหละขลังนัก ศิษย์วัดกระบกขึ้นผึ้งเมื่อเปิดฝาโถเห็นเข้าก็จะเอาใบจาก ซึ่งใช้สำหรับมวนบุหรี่สูบมาม้วนเป็นกรวยตักไป ใช้ได้ผลชะงัดนัก รายไหนรายนั้น มักหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามคนป้ายไป และไม่เคยมีพลาดเลยสักรายเดียว ถามว่าต้องใช้ป้ายกี่ครั้งจึงจะสำเร็จ โดยมากครั้งเดียวก็สำเร็จ แต่ถ้าผู้หญิงบางคนดวงแข็งมีของดีคุ้ม หรืออำนาจดวงคุ้มครอง ก็ต้องใช้หลายหนหน่อย แต่สำเร็จทุกราย สีผึ้งของหลวงพ่อทาบนั้น มีเคล็ดวิธีการใช้ดุจเดียวกับหลวงปู่ทิม คือใช้ตามคำสั่งความสำคัญของนิ้วมือทั้ง 5 นิ้ว นับแต่หัวแม่โป้งเรื่อยมาจนถึงนิ้วก้อยซึ่งเล็กที่สุด และวิธีจะใช้ป้ายแตะที่ตัวผู้หญิงซึ่งหมายปอง อย่าป้ายให้ต่ำกว่าบั้นเอวลงไป และป้ายแตะให้ถูกต้องเนื้อ อย่าให้ถูกผ้า เพราะจะได้ผลช้า

หากใช้สีผึ้งเขียวอาราธนาติดตัว ให้ตั้งนะโม 3 จบ หลับตาระลึกถึงหลวงพ่อทาบ และหญิงสาวที่หมายปอง แล้วภาวนาคาถาว่า "อุกาสะ สัมปะติ จิตติ มิตติ อรหัง" สามจบ ขออาราธนาสีผึ้งเขียวเกี้ยวสาวหลวงพ่อทาบ จงมาประสิทธิเมแก่ข้าฯ สวะหะ นะโมพุทธายะ

หากใช้สีผึ้งเขียวป้ายแตะที่ริมฝีปากเรา หรือป้ายแตะตัวผู้หญิง ให้ตั้งนะโม 3 จบ หลับตาระลึกถึงหลวงพ่อทาบ แล้วภาวนาคาถาว่า "จิตติ มิตติ อรระหัง ปิยังมะมะ" สามจบ ขออาราธนาสีผึ้งเขียวเกี้ยวสาวหลวงพ่อทาบ จงมาประสิทธิเมแก่ข้าฯ สวะหะ นะโมพุทธายะ

การใช้นิ้วมือแตะสีผึ้งทาปากนั้น ให้ใช้ดังนี้
1.เมื่อจะไปหาผู้ใหญ่ หรือผู้มียศ ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือแตะสีผึ้งทาปาก
2.เมื่อจะไปหาคนรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือคนรับใช้ ให้ใช้นิ้วชี้แตะสีผึ้งทาปาก
3.เมื่อจะไปหาผู้สูงอายุ หรือแม่หม้าย ให้ใช้นิ้วกลางแตะสีผึ้งทาปาก 4.เมื่อจะไปหาสาวๆหนุ่มๆ ให้ใช้นิ้วนางแตะสีผึ้งทาปาก
5.เมื่อจะไปหาสาวน้อย หรือคนที่มีอายุน้อยกว่า ให้ใช้นิ้วก้อยแตะสีผึ้งทางปาก
6.กรณีใช้สีผึ้งป้ายแตะตัวผู้หญิงที่เราหมายปอง จะต้องให้ถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิง


มีตำนานที่คนระยองรุ่นใหญ่ต่างรู้ดี เมื่อปี พ.ศ.2503 จ.ระยอง ได้จัดให้มีการประกวดนางสาวระยองขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อคัดคนส่งไปประกวดนางสาวไทยที่กรุงเทพฯ ในงานรัฐธรรมนูญที่วังสราญรมย์ อ. บ้านค่าย ก็สรรหาสาวงามส่งเข้าชิงชัยตำแหน่งนางสาวระยอง เหมือนกับอำเภออื่น ๆ เช่นกัน เมื่อได้สาวงามชาวอำเภอบ้านค่ายแล้ว ทางอำเภอก็นำสาวงามผู้นั้นมาขัดสีฉวีวรรณแล้วสอนกิริยามารยาทจนเป็นที่เรียบร้อย พอใกล้วันประกวดนางงามระยอง เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น สาวงามซึ่งจะเป็นตัวแทนสาวบ้านค่ายขึ้นเวทีประกวด เกิดสิวเห่อขึ้นเต็มหน้า เป็นที่ตกอกตกใจของคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายไปตามๆ กัน จะหาคนใหม่ก็ไม่ทัน ทุกคนต่างก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไรก็ต้องส่งสาวผู้นี้เข้าประกวดอยู่ดี เพราะเตรียมการไว้แล้ว แต่โอกาสที่สาวบ้านค่ายจะเป็นนางงามระยองคงหมดหวังแน่ ก่อนถึงวันประกวดคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายทนเสียงอ้อนวอนของผู้ปกครองเด็กไม่ได้ จึงยอมให้ผู้ปกครองเด็กสาวคนนั้นนำไปหาหลวงพ่อทาบ หลวงพ่อทาบท่านทำน้ำมนต์ให้อาบ แล้วให้สีผึ้งเขียวมาหนึ่งหัวไม้ขีดไฟ และยังปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้อีกหนึ่งห่อ ทั้งกำชับให้เอาสีผึ้งติดตัวขึ้นไปบนเวทีประกวด และเวลาประกวดก็ให้ใช้แป้งที่ท่านปลุกเสกผัดหน้าขึ้นไปเดินบนเวทีทุกครั้ง ผลการตัดสินสาวงามระยองปี พ.ศ.2503 นั้น ปรากฏว่าสาวน้อย อ. บ้านค่าย ได้ตำแหน่งนางสาวระยอง ทั้งๆ ที่ใบหน้าสิวขึ้นเยอะ ท่ามกลางความดีอกดีใจของชาวบ้านค่าย และความงุนงงของชาวอำเภออื่น ๆ และในปีต่อ ๆ มาอีก ๒-๓ ปี ชาวอำเภอบ้านค่ายก็ได้นางสาวระยองติดต่อกัน และนางงามบ้านค่ายทุกคนต่างไปขอให้หลวงพ่อทาบรดน้ำมนต์ปิดนะหน้าทอง ได้สีผึ้งเขียวติดตัวและปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้เช่นกัน

อาจารย์ปถม อาจสาคร เล่าว่า แป้งผัดหน้านั้น หลวงปู่ทาบท่านลงนะนวลจันทร์ และตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงในด้านเมตตามหานิยมของหลวงปู่ก็ยิ่งโด่งดังขึ้น จนคนระยองถึงกับผูกวลียกย่องไว้ว่า “อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่ง เมตตามหานิยมหลวงพ่อทาบ อาคมหลวงพ่อทิม”

แม้จะผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน แต่ราคาสีผึ้งเมื่อเทียบกับคุณค่าแล้วถูกมากมาก ผู้ที่มีโอกาสจึงควรเก็บเช่าบูชาไว้ใช้เป็นมงคลของชีวิต เก็บไว้เป็นมรดกให้ลูกหลาน ผมมีเยอะ ก็แบ่งๆกันไปใช้ครับ จะได้ช่วยเผยแพร่บารมีและสนองเจตนาของหลวงปู่ด้วย หากท่านไปใช้ในทางที่ถูก ในทางที่ดีแล้วได้ผล ผมขอแสดงความยินดีด้วยครับ

เงินจากการเช่าบูชา 1% หักรวบรวมทำบุญให้พระภิกษุอาพาธ ณ โรงพยาบาลสงฆ์ เพื่อเป็นการถวายความน้อมสักการะ กตเวทิตารำลึก แด่ปูชนียาจารย์หลวงปู่ทาบครับ

ขอบคุณครับ
ต้อยติ่ง (เก้า กระบกขึ้นผึ้ง)

หมายเหตุ ผมอยู่ต่างประเทศ ถ้าการซื้อขายจบภายใน 30 พ.ย.57 ผมสามารถส่งของให้ได้ระหว่างวันที่ 1-4 ธค.57 นะครับ
ราคาเปิดประมูล180 บาท
ราคาปัจจุบัน3,520 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 27 พ.ย. 2557 - 00:01:44 น.
วันปิดประมูล - 30 พ.ย. 2557 - 05:40:42 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลต้อยติ่ง (174)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 27 พ.ย. 2557 - 00:02:36 น.



ภาพเพิ่มเติมครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 27 พ.ย. 2557 - 00:03:10 น.



มรดกที่ท่านหลวงปู่ทาบมอบไว้ให้ลูกหลานแบ่งกันใช้


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 27 พ.ย. 2557 - 00:05:53 น.

หลวงปู่ทาบ พระดีที่ไม่ควรถูกลืม
เรียบเรียงโดย เก้า กระบกขึ้นผึ้ง
ฉบับแก้ไข วันอาทิตย์ ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๗

หนึ่งในเกจิสำคัญแห่งยุค:
พระครูอรรถโกศล หลวงปู่ทาบ นครปุญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดกระบกขึ้นผึ้ง ตำบลบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง มีอายุอยู่ระหว่างปี พ.ศ.๒๔๒๐-๒๕๐๙ รวมสิริอายุได้ ๘๙ ปี ท่านเป็นพระสำคัญแห่งยุคสมัย สังเกตได้จากการ ได้รับนิมนต์ให้ร่วมพิธีปลุกเสกพระเครื่องสำคัญๆต่างๆ ในยุคสมัยของท่านมากมาย อาทิ เป็นหนึ่งในพันกว่าพระเกจิอาจารย์แห่งยุค ที่ได้รับนิมนต์ ให้ร่วมจารแผ่นโลหะหล่อหลอมสร้าง พระเครื่องหลวงพ่อโต ที่วัดกัลยา เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๙-๒๕๐๐

หากพูดถึงชื่อเสียงของพระอาจารย์ในจังหวัดระยองยุคเก่า ๆ แล้ว มีเยอะแยะมากมาย ที่โด่งดังมาก ก็อาทิ หลวงปู่วงศ์ วัดบ้านค่าย หลวงปู่หันต์ วัดปากน้ำพังราด หลวงปู่ปั้น วัดทะเลน้อย ขนาดรูปภาพของท่าน เคยมีคนไปถ่ายภาพบ่อยๆ แต่ไม่ติด หลวงปู่อ่ำ วัดหนองกระบอก ซึ่งท่านผู้อ่านทั้งหลายคงจะพอได้ยินชื่อเสียงของท่านกันมาบ้างแล้วนะครับ

สำหรับพระอาจารย์ในยุคของหลวงปู่ทาบนั้น ก็มีหลวงปู่รัตน์ วัดหนองระบอก หลวงปู่ดิ่ง วัดบ้านค่าย หลวงปู่นิด วัดทับมา หลวงปู่หอม วัดชากหมาก หลวงปู่โต วัดชากกระโดน หลวงปู่ทัด วัดห้วงหิน และหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ซึ่งสนิทสนมกับหลวงปู่นิด วัดทับมา และหลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้งอย่างมาก

ใจบุญตั้งแต่เด็ก:
หลวงปู่ทาบ เกิดที่หมู่บ้านนาตาขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เมื่อปีฉลู พ.ศ. ๒๔๒๐ คุณพ่อท่านชื่อ ฉุน คุณแม่ท่านชื่อ ฉิม พ่อแม่ของท่านประกอบอาชีพในการทำนา ทำสวน เมื่อท่านเกิดมานั้นเป็น ที่แปลกกว่าเด็กทั่ว ๆ ไป ผิวพรรณของท่านผ่องใสมีสง่าราศรี พอเติบโตขึ้นมาก็ว่านอนสอนง่าย และเป็นเด็ก ที่ใจบุญอย่างมาก เมื่อพ่อแม่ของท่านไปหาปลามาขังไว้ ถ้าท่านรู้ว่าขังตรงไหน มักจะไปปล่อยจนหมด ถึงจะถูกทำโทษ ท่านก็ไม่เคยที่จะแค้น หรือร้องไห้อะไรมากมาย ยิ่งให้ทำปลาเพื่อเอาไปปรุงอาหารด้วยแล้ว ท่านไม่อยากจะทำเลย จนพ่อแม่ของท่านรู้ดีว่า หากขืนได้ปลามาขังไว้ทำอาหารก็ต้องซ่อนไว้ในที่ไกล และไม่ให้ลูกชายรู้ เมื่อจะทำอาหารก็รีบจัดการทำ

บางคราวเคยดัดนิสัย เหมือนจงใจแกล้งลูกชายของตนเองว่าจะเป็นอย่างไร ทำกับข้าวแต่พวกผักต้ม แกงหัวปลี รับประทานกับพวกน้ำพริก น้ำพริกเผา ลูกชายก็ไม่เคยบ่นว่าไร มีอย่างไรก็รับประทานอย่างนั้น งานอะไรใช้ให้ทำ ท่านทำได้ จะทำทันที ขยันช่วยเหลืออย่างดี แต่ว่าถ้าใช้ให้ฆ่าปลา ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแล้ว ท่านไม่ทำ เมื่อเล่าเรียนเขียนอ่านจบแล้วก็ช่วยพ่อแม่ประกอบอาชีพทำนา ทำไร่ หาเงินมาใช้จ่ายเป็นของตนเอง และช่วยเหลือครอบครัวด้วย เป็นผู้ที่มีใจโอบอ้อม อารี เปี่ยมด้วยเมตตา ผู้ใดที่ทำอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อส่วนรวม ทำถนน ก่อสร้างสะพาน หากท่านรู้ ก็จะ ไปช่วยทุกครั้ง ท่านจะติดตามพ่อแม่เข้าวัดทุกวันพระ ทุกเช้าถ้าไม่ได้ไปไถน าหรือไปเกี่ยวข้าว หรือทำสวน ท่านจะใส่บาตรเสมอ ๆ และบางคราวก็จะไปช่วยเหลือพระในวัดต้มน้ำร้อนชงชา หรืองานก่อสร้างต่าง ๆ พอท่านมีอายุได้ ๑๙ ปี ก็ไปเกณฑ์ทหาร ท่านจับได้ใบแดง จึงต้องไปเป็นทหารเรือ รับใช้ชาติ ๔ ปี

บวชตลอดชีวิต:
หลังจากที่ ปลดประจำการแล้ว ท่านก็เดินทางกลับบ้าน และเป็นที่ยินดีของพ่อแม่ พร้อมทั้งญาติ พี่น้อง ที่จะได้ทำการบวชท่าน ณ วัดนาตาขวัญ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๒ โดยมีครูสมุทรสมานคุณ (หลวงพ่อแหยว) วัดป่าประดู่ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อมาก วัดนาตาขวัญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์รวย วัดบ้านแลง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ภายหลังอุปสมบท ท่านได้ รับฉายาว่า "นครปุญโญ" และได้จำพรรษาที่วัดนาตาขวัญ ศึกษาหาความรู้ด้านธรรมะตามแบบฉบับของพระสงฆ์ที่บวช ใหม่ ท่องบทสวดมนต์จนคล่องทั้งศึกษาข้อธรรมะ ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในพระวินัย ไม่เคยขาดเรื่องการทำวัตรเช้า และวัตรเย็นแต่อย่างใด นอกจากจะอาพาธ หรือมีกิจธุระ กลับมาไม่ทัน ท่านสอบนักธรรมตรีและนักธรรมโทได้ ได้ช่วยเหลืองานพระศาสนา การที่ท่านบวชเข้ามาเป็นพระสงฆ์ได้ศึกษาหาความรู้และปฏิบัติธรรม ทำให้จิตใจของท่านสงบ ท่านจึงตัดสินใจไม่ยอมลาสึก เมื่อพ่อแม่ของท่านทราบ ทั้งสองจึงมีความปลาบปลื้ม อย่างยิ่ง ที่บุตรชายของท่านได้เดินทางที่ถูก เดินทางไปสู่ความสงบ

พระอาจารย์ที่สนิทสนม เคารพนับถือกัน:
พระอาจารย์ที่สนิทสนมกับท่าน และมักจะนิมนต์ให้ท่านไปร่วมงานด้วยเสมอ ไม่ใช่เพราะว่าท่านจะเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ หรือมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลแต่ย่างใด หาก แต่ท่านเหล่านั้นมีความเคารพนับถือกันเป็นการส่วนตัว เลื่อมใสซึ่งกันและกัน พระอาจารย์ที่สนิทสนม เคารพนับถือกันกับท่าน ได้แก่
๑. หลวงพ่อนิด วัดทับมา
๒. หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
๓. หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก ท่านนี้นับถือกันมาก เคยเดินธุดงค์ร่วมกันหลายคราว
๔. หลวงพ่อดิ่ง วัดบ้านค่าย ท่านนี้ก็นับถือกันมาก ( หลวงพ่อดิ่งอายุน้อย และสร้างพระเครื่องน้อย ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของท่านจะดังไม่น้อย)
๕. หลวงพ่อเฮี้ยง และ ๖. หลวงพ่อศรี วัดอ่างศิลา ท่านสนิทสนมกันอย่างมาก ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ๆ

โดนลองของ:
พระสงฆ์ที่พาพระเณรออกเดินธุดงค์ไปทางวัดกระบกขึ้นผึ้ง มักจะพากันเข้าไปทำวัตร และพักอย่างน้อยหนึ่งคืน พวกกระเหรี่ยง พวกชาวลาวที่ไปขายผ้า ขายของป่าตามที่ต่าง ๆ แต่พอเวลาใกล้ค่ำ ก็มาขอพักที่วัด ถึงจะออกเดินทางต่อ หลวงปู่ทาบ มักจะโดนทดลองวิชาจากพระธุดงค์ หรือคนพวกนี้ หลวงปู่ทาบ รู้ดีว่าคนพวกนี้ บางคนนิสัยดี เคารพในสถานที่ บางคนก็อวดเก่ง ชอบลองดีดูว่ าเจ้าอาวาสจะเก่งไหม ผู้ที่ชอบลองของกับท่านนั้น บางรายโดนท่านดัดนิสัย เสียจนไม่ต้องนอนกันทั้งคืน พอเช้าก็ต้องเข้าไปกราบขอขมาท่าน แล้วก็รีบเผ่นจากวัดไปทันที

เมตตาสูง :
พระอาจารย์ต่าง ๆ ที่เล่าเรียนวิชาจากพระอาจารย์นั้น มีความถนัดความชอบต่างๆ กันไป บางรูปชอบทางคงกระพันชาตรี บางรูปชอบทางรักษาโรค บางรูปเก่งทางลงหมึก ลงน้ำมัน บางรูปเก่งทางแก้อาถรรพณ์ หลวงปู่ทาบเองมีครบครัน แต่ท่านมุ่งไปทางเมตตามหานิยม ทางเจริญทรัพย์ ทางค้าขายมากกว่า เพราะใคร ๆ ก็ต้องการ ผู้คนที่มีของดีของท่าน ไปไหนก็จะรอดพ้นอันตราย มีเสน่ห์ ของๆ ท่าน จึงเป็นที่นิยม กันมาก โดยเฉพาะพวกหนุ่ม ๆ

สีผึ้งยอดขลัง:
สีผึ้งของท่านเป็นสีผึ้งที่มีสีแปลกอย่างมาก ผิดจากสีผึ้งของพระอาจารย์อื่น ๆ เช่น

ของหลวงพ่อหอมนั้น ท่านจะปลุกเสกตั้งแต่เช้าไปจนถึงพระอาทิตย์ตรงศีรษะ หรือเพลพอดี เป็นอันใช้ได้ แล้ว การปลุกเสกของท่านต้องปลุกเสกที่กลางแจ้ง ทำครั้งหนึ่งมากพอสมควร มีความขลังมาก ท่านจะใช้สีผึ้งที่ซื้อมาจากร้านในตลาด บางครั้งศิษย์ก็ซื้อไปให้เยอะ

อย่างสีผึ้งเจ็ดจันทร์เจ็ดอังคาร ของหลวงปู่ลัด วัดหนองกระบอก หลวงปู่เริ่ม วัดจุกกะเฌอ นั้น ต้องครบ ๗ จันทร์ ๗ อังคาร ถึงจะขลังเด่นทางมหานิยม ค้าขาย สีของสีผึ้งจะออกเหลืองปนขาว

แต่สีผึ้งของหลวงปู่ทาบนั้น สีจะเขียว เพราะมีส่วนผสมของ ว่านบางชนิด ซึ่งมีสรรพคุณทางมหานิยม พอเอาไว้สักพักหนึ่งหลังจากที่เคี่ยวแล้วจะออกสีเขียว แต่แรกจะออกสีน้ำตาล การปลุกเสกนั้น ลงทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ แต่เด่นทางมหาเสน่ห์อย่างยิ่ง พวกหนุ่ม ๆ ต่างเดินทางไปแวะเวียนขอกันมาก เรื่องโด่งดังเรื่องหนึ่งคือ ศิษย์ของท่านคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนทำมาหากิน ขยันทำงาน แต่มีฐานะยากจน พอท่านให้สีผึ้งไปแล้วชีวิตก็ดีขึ้น มีภรรยารูปร่างหน้าตาสวยงาม ฐานะดี เหตุนี้เองจึงเป็นที่ต้องการ ของคนหนุ่ม ๆ ยิ่งนัก แต่ใช่ท่านจะให้ใครง่าย ๆ บางคนท่านให้ แต่ต้องรับสัจจะกับท่านก่อนว่า เมื่อได้ตามที่ประสงค์แล้ว ห้ามผิดสาบาน หรือสัจจะเป็นอันขาด ถ้ารับได้ ท่านถึงให้สีผึ้งนั้นเพียงแค่หัวไม้ขีดเท่านั้นเอง แต่ถ้าได้แล้ว ห้ามใช้อีกเลย การทำสีผึ้งของท่านนั้น มีสรรพคุณสูงยิ่ง แต่ว่าถ้าใช้ไม่ดี ใช้ไปในทางอกุศล จะบังเกิดโทษทันที ท่านจึงไม่ค่อยยอมให้ใครนัก

สีผึ้งเขียวของหลวงปู่ทาบนั้น เมื่อท่านทำเสร็จ จะใส่ไว้ในโถโบราณมีฝาครอบ ที่ปรากฏอภินิหาร คือ สีผึ้งเขียวของท่านจะงอก หรือเพิ่มปริมาณได้ตามความแรงของกำลังวัน บางครั้งสีผึ้งจะฟูขึ้นจนติดฝาครอบโถ เกาะกันเป็นวงคล้ายๆ กับดอกของใบพลู ซึ่งเป็นรูปคล้ายดอกใบพลูนี้แหละขลังนัก ศิษย์วัดกระบกขึ้นผึ้งเมื่อเปิดฝาโถเห็นเข้าก็จะเอาใบจาก ซึ่งใช้สำหรับมวนบุหรี่สูบมาม้วนเป็นกรวยตักไป ใช้ได้ผลชะงัดนัก รายไหนรายนั้น มักหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามคนป้ายไป และไม่เคยมีพลาดเลยสักรายเดียว ถามว่าต้องใช้ป้ายกี่ครั้งจึงจะสำเร็จ โดยมากครั้งเดียวก็สำเร็จ แต่ถ้าผู้หญิงบางคนดวงแข็งมีของดีคุ้ม หรืออำนาจดวงคุ้มครอง ก็ต้องใช้หลายหนหน่อย แต่สำเร็จทุกราย สีผึ้งของหลวงพ่อทาบนั้น มีเคล็ดวิธีการใช้ดุจเดียวกับหลวงปู่ทิม คือใช้ตามคำสั่งความสำคัญของนิ้วมือทั้ง ๕ นิ้ว นับแต่หัวแม่โป้งเรื่อยมาจนถึงนิ้วก้อยซึ่งเล็กที่สุด และวิธีจะใช้ป้ายแตะที่ตัวผู้หญิงซึ่งหมายปอง อย่าป้ายให้ต่ำกว่าบั้นเอวลงไป และป้ายแตะให้ถูกเนื้อ อย่าให้ถูกผ้า เพราะจะได้ผลช้า

พระเครื่อง:
พระเครื่องของท่านที่เป็นพระสมเด็จยุคแรกนั้น จะมีความหนาพอสมควร สมัยก่อนนั้นจะพบเห็นตามแผงพระเครื่องทั่วๆ ไปบ่อยมาก แต่ไม่มีใครที่จะรู้จักกันนัก นอกจากคนใน ท้องถิ่น เนื้อพระของท่านยุคแรกนั้นจะออกสีแดงปนเขียว บางองค์ปนน้ำตาล หากสังเกตด้านหลังให้ดีจะมีคราบของสีผึ้ง หลังจากนั้นท่านก็สร้างขึ้นอีก แต่ครั้งนี้เนื้อพระจะออกสีเขียว เพราะได้นำเอาว่านและสีผึ้ง มาผสมด้วย

ตำนานอันลือลั่น:
มีตำนานที่คนระยองรุ่นใหญ่ต่างรู้ดี เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๓ จังหวัดระยอง ได้จัดให้มีการประกวดนางสาวระยองขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อคัดคนส่งไปประกวดนางสาวไทยที่กรุงเทพฯ ในงานรัฐธรรมนูญที่วังสราญรมย์ อำเภอบ้านค่าย ก็สรรหาสาวงามส่งเข้าชิงชัยตำแหน่งนางสาวระยอง เหมือนกับอำเภออื่น ๆ เช่นกัน เมื่อได้สาวงามชาวอำเภอบ้านค่ายแล้ว ทางอำเภอก็นำสาวงามผู้นั้นมาขัดสีฉวีวรรณแล้วสอนกิริยามารยาทจนเป็นที่เรียบร้อย พอใกล้วันประกวดนางงามระยอง เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น สาวงามซึ่งจะเป็นตัวแทนสาวบ้านค่ายขึ้นเวทีประกวด เกิดสิวเห่อขึ้นเต็มหน้า เป็นที่ตกอกตกใจของคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายไปตามๆ กัน จะหาคนใหม่ก็ไม่ทัน ทุกคนต่างก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไรก็ต้องส่งสาวผู้นี้เข้าประกวดอยู่ดี เพราะเตรียมการไว้แล้ว แต่โอกาสที่สาวบ้านค่ายจะเป็นนางงามระยองคงหมดหวังแน่

ก่อนถึงวันประกวดคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายทนเสียงอ้อนวอนของผู้ปกครองเด็กไม่ได้ จึงยอมให้ผู้ปกครองเด็กสาวคนนั้นนำไปหาหลวงปู่ทาบ หลวงปู่ทาบท่านทำน้ำมนต์ให้อาบ แล้วให้สีผึ้งเขียวมาหนึ่งหัวไม้ขีดไฟ และยังปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้อีกหนึ่งห่อ ทั้งกำชับให้เอาสีผึ้งติดตัวขึ้นไปบนเวทีประกวด และเวลาประกวดก็ให้ใช้แป้งที่ท่านปลุกเสกผัดหน้าขึ้นไปเดินบนเวทีทุกครั้ง ผลการตัดสินสาวงามระยองปี พ.ศ.๒๕๐๓ นั้น ปรากฏว่าสาวน้อยอำเภอ บ้านค่าย ได้ตำแหน่งนางสาวระยอง ทั้งๆ ที่ใบหน้าสิวขึ้นเยอะ ท่ามกลางความดีอกดีใจของชาวบ้านค่าย และความงุนงงของชาวอำเภออื่น ๆ และในปีต่อ ๆ มาอีก ๒-๓ ปี ชาวอำเภอบ้านค่ายก็ได้นางสาวระยองติดต่อกัน และนางงามบ้านค่ายทุกคนต่างไปขอให้หลวงปู่ทาบรดน้ำมนต์ปิดนะหน้าทอง ได้สีผึ้งเขียวติดตัว และปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้เช่นกัน

วลีที่ไม่มีวันตาย:
อาจารย์ปถม อาจสาคร เล่าว่า คนระยองได้ผูกวลียกย่องอดีตบูรพาจารย์ เกจิอาจารย์สำคัญแห่งยุค ๓ ท่าน คือ หลวงปู่เพ่ง หลวงปู่ทาบ และหลวงปู่ทิม ไว้ว่า “อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่ง เมตตามหานิยมหลวงพ่อทาบ อาคมหลวงพ่อทิม”


ข้อมูลเพิ่มเติม 4 - 27 พ.ย. 2557 - 00:06:27 น.

หลวงปู่ทาบ พระดีที่ไม่ควรถูกลืม
เรียบเรียงโดย เก้า กระบกขึ้นผึ้ง
ฉบับแก้ไข วันอาทิตย์ ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๗

หนึ่งในเกจิสำคัญแห่งยุค:
พระครูอรรถโกศล หลวงปู่ทาบ นครปุญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดกระบกขึ้นผึ้ง ตำบลบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง มีอายุอยู่ระหว่างปี พ.ศ.๒๔๒๐-๒๕๐๙ รวมสิริอายุได้ ๘๙ ปี ท่านเป็นพระสำคัญแห่งยุคสมัย สังเกตได้จากการ ได้รับนิมนต์ให้ร่วมพิธีปลุกเสกพระเครื่องสำคัญๆต่างๆ ในยุคสมัยของท่านมากมาย อาทิ เป็นหนึ่งในพันกว่าพระเกจิอาจารย์แห่งยุค ที่ได้รับนิมนต์ ให้ร่วมจารแผ่นโลหะหล่อหลอมสร้าง พระเครื่องหลวงพ่อโต ที่วัดกัลยา เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๙-๒๕๐๐

หากพูดถึงชื่อเสียงของพระอาจารย์ในจังหวัดระยองยุคเก่า ๆ แล้ว มีเยอะแยะมากมาย ที่โด่งดังมาก ก็อาทิ หลวงปู่วงศ์ วัดบ้านค่าย หลวงปู่หันต์ วัดปากน้ำพังราด หลวงปู่ปั้น วัดทะเลน้อย ขนาดรูปภาพของท่าน เคยมีคนไปถ่ายภาพบ่อยๆ แต่ไม่ติด หลวงปู่อ่ำ วัดหนองกระบอก ซึ่งท่านผู้อ่านทั้งหลายคงจะพอได้ยินชื่อเสียงของท่านกันมาบ้างแล้วนะครับ

สำหรับพระอาจารย์ในยุคของหลวงปู่ทาบนั้น ก็มีหลวงปู่รัตน์ วัดหนองระบอก หลวงปู่ดิ่ง วัดบ้านค่าย หลวงปู่นิด วัดทับมา หลวงปู่หอม วัดชากหมาก หลวงปู่โต วัดชากกระโดน หลวงปู่ทัด วัดห้วงหิน และหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ซึ่งสนิทสนมกับหลวงปู่นิด วัดทับมา และหลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้งอย่างมาก

ใจบุญตั้งแต่เด็ก:
หลวงปู่ทาบ เกิดที่หมู่บ้านนาตาขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เมื่อปีฉลู พ.ศ. ๒๔๒๐ คุณพ่อท่านชื่อ ฉุน คุณแม่ท่านชื่อ ฉิม พ่อแม่ของท่านประกอบอาชีพในการทำนา ทำสวน เมื่อท่านเกิดมานั้นเป็น ที่แปลกกว่าเด็กทั่ว ๆ ไป ผิวพรรณของท่านผ่องใสมีสง่าราศรี พอเติบโตขึ้นมาก็ว่านอนสอนง่าย และเป็นเด็ก ที่ใจบุญอย่างมาก เมื่อพ่อแม่ของท่านไปหาปลามาขังไว้ ถ้าท่านรู้ว่าขังตรงไหน มักจะไปปล่อยจนหมด ถึงจะถูกทำโทษ ท่านก็ไม่เคยที่จะแค้น หรือร้องไห้อะไรมากมาย ยิ่งให้ทำปลาเพื่อเอาไปปรุงอาหารด้วยแล้ว ท่านไม่อยากจะทำเลย จนพ่อแม่ของท่านรู้ดีว่า หากขืนได้ปลามาขังไว้ทำอาหารก็ต้องซ่อนไว้ในที่ไกล และไม่ให้ลูกชายรู้ เมื่อจะทำอาหารก็รีบจัดการทำ

บางคราวเคยดัดนิสัย เหมือนจงใจแกล้งลูกชายของตนเองว่าจะเป็นอย่างไร ทำกับข้าวแต่พวกผักต้ม แกงหัวปลี รับประทานกับพวกน้ำพริก น้ำพริกเผา ลูกชายก็ไม่เคยบ่นว่าไร มีอย่างไรก็รับประทานอย่างนั้น งานอะไรใช้ให้ทำ ท่านทำได้ จะทำทันที ขยันช่วยเหลืออย่างดี แต่ว่าถ้าใช้ให้ฆ่าปลา ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแล้ว ท่านไม่ทำ เมื่อเล่าเรียนเขียนอ่านจบแล้วก็ช่วยพ่อแม่ประกอบอาชีพทำนา ทำไร่ หาเงินมาใช้จ่ายเป็นของตนเอง และช่วยเหลือครอบครัวด้วย เป็นผู้ที่มีใจโอบอ้อม อารี เปี่ยมด้วยเมตตา ผู้ใดที่ทำอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อส่วนรวม ทำถนน ก่อสร้างสะพาน หากท่านรู้ ก็จะ ไปช่วยทุกครั้ง ท่านจะติดตามพ่อแม่เข้าวัดทุกวันพระ ทุกเช้าถ้าไม่ได้ไปไถน าหรือไปเกี่ยวข้าว หรือทำสวน ท่านจะใส่บาตรเสมอ ๆ และบางคราวก็จะไปช่วยเหลือพระในวัดต้มน้ำร้อนชงชา หรืองานก่อสร้างต่าง ๆ พอท่านมีอายุได้ ๑๙ ปี ก็ไปเกณฑ์ทหาร ท่านจับได้ใบแดง จึงต้องไปเป็นทหารเรือ รับใช้ชาติ ๔ ปี

บวชตลอดชีวิต:
หลังจากที่ ปลดประจำการแล้ว ท่านก็เดินทางกลับบ้าน และเป็นที่ยินดีของพ่อแม่ พร้อมทั้งญาติ พี่น้อง ที่จะได้ทำการบวชท่าน ณ วัดนาตาขวัญ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๒ โดยมีครูสมุทรสมานคุณ (หลวงพ่อแหยว) วัดป่าประดู่ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อมาก วัดนาตาขวัญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์รวย วัดบ้านแลง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ภายหลังอุปสมบท ท่านได้ รับฉายาว่า "นครปุญโญ" และได้จำพรรษาที่วัดนาตาขวัญ ศึกษาหาความรู้ด้านธรรมะตามแบบฉบับของพระสงฆ์ที่บวช ใหม่ ท่องบทสวดมนต์จนคล่องทั้งศึกษาข้อธรรมะ ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในพระวินัย ไม่เคยขาดเรื่องการทำวัตรเช้า และวัตรเย็นแต่อย่างใด นอกจากจะอาพาธ หรือมีกิจธุระ กลับมาไม่ทัน ท่านสอบนักธรรมตรีและนักธรรมโทได้ ได้ช่วยเหลืองานพระศาสนา การที่ท่านบวชเข้ามาเป็นพระสงฆ์ได้ศึกษาหาความรู้และปฏิบัติธรรม ทำให้จิตใจของท่านสงบ ท่านจึงตัดสินใจไม่ยอมลาสึก เมื่อพ่อแม่ของท่านทราบ ทั้งสองจึงมีความปลาบปลื้ม อย่างยิ่ง ที่บุตรชายของท่านได้เดินทางที่ถูก เดินทางไปสู่ความสงบ

พระอาจารย์ที่สนิทสนม เคารพนับถือกัน:
พระอาจารย์ที่สนิทสนมกับท่าน และมักจะนิมนต์ให้ท่านไปร่วมงานด้วยเสมอ ไม่ใช่เพราะว่าท่านจะเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ หรือมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลแต่ย่างใด หาก แต่ท่านเหล่านั้นมีความเคารพนับถือกันเป็นการส่วนตัว เลื่อมใสซึ่งกันและกัน พระอาจารย์ที่สนิทสนม เคารพนับถือกันกับท่าน ได้แก่
๑. หลวงพ่อนิด วัดทับมา
๒. หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
๓. หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก ท่านนี้นับถือกันมาก เคยเดินธุดงค์ร่วมกันหลายคราว
๔. หลวงพ่อดิ่ง วัดบ้านค่าย ท่านนี้ก็นับถือกันมาก ( หลวงพ่อดิ่งอายุน้อย และสร้างพระเครื่องน้อย ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของท่านจะดังไม่น้อย)
๕. หลวงพ่อเฮี้ยง และ ๖. หลวงพ่อศรี วัดอ่างศิลา ท่านสนิทสนมกันอย่างมาก ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ๆ

โดนลองของ:
พระสงฆ์ที่พาพระเณรออกเดินธุดงค์ไปทางวัดกระบกขึ้นผึ้ง มักจะพากันเข้าไปทำวัตร และพักอย่างน้อยหนึ่งคืน พวกกระเหรี่ยง พวกชาวลาวที่ไปขายผ้า ขายของป่าตามที่ต่าง ๆ แต่พอเวลาใกล้ค่ำ ก็มาขอพักที่วัด ถึงจะออกเดินทางต่อ หลวงปู่ทาบ มักจะโดนทดลองวิชาจากพระธุดงค์ หรือคนพวกนี้ หลวงปู่ทาบ รู้ดีว่าคนพวกนี้ บางคนนิสัยดี เคารพในสถานที่ บางคนก็อวดเก่ง ชอบลองดีดูว่ าเจ้าอาวาสจะเก่งไหม ผู้ที่ชอบลองของกับท่านนั้น บางรายโดนท่านดัดนิสัย เสียจนไม่ต้องนอนกันทั้งคืน พอเช้าก็ต้องเข้าไปกราบขอขมาท่าน แล้วก็รีบเผ่นจากวัดไปทันที

เมตตาสูง :
พระอาจารย์ต่าง ๆ ที่เล่าเรียนวิชาจากพระอาจารย์นั้น มีความถนัดความชอบต่างๆ กันไป บางรูปชอบทางคงกระพันชาตรี บางรูปชอบทางรักษาโรค บางรูปเก่งทางลงหมึก ลงน้ำมัน บางรูปเก่งทางแก้อาถรรพณ์ หลวงปู่ทาบเองมีครบครัน แต่ท่านมุ่งไปทางเมตตามหานิยม ทางเจริญทรัพย์ ทางค้าขายมากกว่า เพราะใคร ๆ ก็ต้องการ ผู้คนที่มีของดีของท่าน ไปไหนก็จะรอดพ้นอันตราย มีเสน่ห์ ของๆ ท่าน จึงเป็นที่นิยม กันมาก โดยเฉพาะพวกหนุ่ม ๆ

สีผึ้งยอดขลัง:
สีผึ้งของท่านเป็นสีผึ้งที่มีสีแปลกอย่างมาก ผิดจากสีผึ้งของพระอาจารย์อื่น ๆ เช่น

ของหลวงพ่อหอมนั้น ท่านจะปลุกเสกตั้งแต่เช้าไปจนถึงพระอาทิตย์ตรงศีรษะ หรือเพลพอดี เป็นอันใช้ได้ แล้ว การปลุกเสกของท่านต้องปลุกเสกที่กลางแจ้ง ทำครั้งหนึ่งมากพอสมควร มีความขลังมาก ท่านจะใช้สีผึ้งที่ซื้อมาจากร้านในตลาด บางครั้งศิษย์ก็ซื้อไปให้เยอะ

อย่างสีผึ้งเจ็ดจันทร์เจ็ดอังคาร ของหลวงปู่ลัด วัดหนองกระบอก หลวงปู่เริ่ม วัดจุกกะเฌอ นั้น ต้องครบ ๗ จันทร์ ๗ อังคาร ถึงจะขลังเด่นทางมหานิยม ค้าขาย สีของสีผึ้งจะออกเหลืองปนขาว

แต่สีผึ้งของหลวงปู่ทาบนั้น สีจะเขียว เพราะมีส่วนผสมของ ว่านบางชนิด ซึ่งมีสรรพคุณทางมหานิยม พอเอาไว้สักพักหนึ่งหลังจากที่เคี่ยวแล้วจะออกสีเขียว แต่แรกจะออกสีน้ำตาล การปลุกเสกนั้น ลงทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ แต่เด่นทางมหาเสน่ห์อย่างยิ่ง พวกหนุ่ม ๆ ต่างเดินทางไปแวะเวียนขอกันมาก เรื่องโด่งดังเรื่องหนึ่งคือ ศิษย์ของท่านคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนทำมาหากิน ขยันทำงาน แต่มีฐานะยากจน พอท่านให้สีผึ้งไปแล้วชีวิตก็ดีขึ้น มีภรรยารูปร่างหน้าตาสวยงาม ฐานะดี เหตุนี้เองจึงเป็นที่ต้องการ ของคนหนุ่ม ๆ ยิ่งนัก แต่ใช่ท่านจะให้ใครง่าย ๆ บางคนท่านให้ แต่ต้องรับสัจจะกับท่านก่อนว่า เมื่อได้ตามที่ประสงค์แล้ว ห้ามผิดสาบาน หรือสัจจะเป็นอันขาด ถ้ารับได้ ท่านถึงให้สีผึ้งนั้นเพียงแค่หัวไม้ขีดเท่านั้นเอง แต่ถ้าได้แล้ว ห้ามใช้อีกเลย การทำสีผึ้งของท่านนั้น มีสรรพคุณสูงยิ่ง แต่ว่าถ้าใช้ไม่ดี ใช้ไปในทางอกุศล จะบังเกิดโทษทันที ท่านจึงไม่ค่อยยอมให้ใครนัก

สีผึ้งเขียวของหลวงปู่ทาบนั้น เมื่อท่านทำเสร็จ จะใส่ไว้ในโถโบราณมีฝาครอบ ที่ปรากฏอภินิหาร คือ สีผึ้งเขียวของท่านจะงอก หรือเพิ่มปริมาณได้ตามความแรงของกำลังวัน บางครั้งสีผึ้งจะฟูขึ้นจนติดฝาครอบโถ เกาะกันเป็นวงคล้ายๆ กับดอกของใบพลู ซึ่งเป็นรูปคล้ายดอกใบพลูนี้แหละขลังนัก ศิษย์วัดกระบกขึ้นผึ้งเมื่อเปิดฝาโถเห็นเข้าก็จะเอาใบจาก ซึ่งใช้สำหรับมวนบุหรี่สูบมาม้วนเป็นกรวยตักไป ใช้ได้ผลชะงัดนัก รายไหนรายนั้น มักหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามคนป้ายไป และไม่เคยมีพลาดเลยสักรายเดียว ถามว่าต้องใช้ป้ายกี่ครั้งจึงจะสำเร็จ โดยมากครั้งเดียวก็สำเร็จ แต่ถ้าผู้หญิงบางคนดวงแข็งมีของดีคุ้ม หรืออำนาจดวงคุ้มครอง ก็ต้องใช้หลายหนหน่อย แต่สำเร็จทุกราย สีผึ้งของหลวงพ่อทาบนั้น มีเคล็ดวิธีการใช้ดุจเดียวกับหลวงปู่ทิม คือใช้ตามคำสั่งความสำคัญของนิ้วมือทั้ง ๕ นิ้ว นับแต่หัวแม่โป้งเรื่อยมาจนถึงนิ้วก้อยซึ่งเล็กที่สุด และวิธีจะใช้ป้ายแตะที่ตัวผู้หญิงซึ่งหมายปอง อย่าป้ายให้ต่ำกว่าบั้นเอวลงไป และป้ายแตะให้ถูกเนื้อ อย่าให้ถูกผ้า เพราะจะได้ผลช้า

พระเครื่อง:
พระเครื่องของท่านที่เป็นพระสมเด็จยุคแรกนั้น จะมีความหนาพอสมควร สมัยก่อนนั้นจะพบเห็นตามแผงพระเครื่องทั่วๆ ไปบ่อยมาก แต่ไม่มีใครที่จะรู้จักกันนัก นอกจากคนใน ท้องถิ่น เนื้อพระของท่านยุคแรกนั้นจะออกสีแดงปนเขียว บางองค์ปนน้ำตาล หากสังเกตด้านหลังให้ดีจะมีคราบของสีผึ้ง หลังจากนั้นท่านก็สร้างขึ้นอีก แต่ครั้งนี้เนื้อพระจะออกสีเขียว เพราะได้นำเอาว่านและสีผึ้ง มาผสมด้วย

ตำนานอันลือลั่น:
มีตำนานที่คนระยองรุ่นใหญ่ต่างรู้ดี เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๓ จังหวัดระยอง ได้จัดให้มีการประกวดนางสาวระยองขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อคัดคนส่งไปประกวดนางสาวไทยที่กรุงเทพฯ ในงานรัฐธรรมนูญที่วังสราญรมย์ อำเภอบ้านค่าย ก็สรรหาสาวงามส่งเข้าชิงชัยตำแหน่งนางสาวระยอง เหมือนกับอำเภออื่น ๆ เช่นกัน เมื่อได้สาวงามชาวอำเภอบ้านค่ายแล้ว ทางอำเภอก็นำสาวงามผู้นั้นมาขัดสีฉวีวรรณแล้วสอนกิริยามารยาทจนเป็นที่เรียบร้อย พอใกล้วันประกวดนางงามระยอง เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น สาวงามซึ่งจะเป็นตัวแทนสาวบ้านค่ายขึ้นเวทีประกวด เกิดสิวเห่อขึ้นเต็มหน้า เป็นที่ตกอกตกใจของคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายไปตามๆ กัน จะหาคนใหม่ก็ไม่ทัน ทุกคนต่างก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไรก็ต้องส่งสาวผู้นี้เข้าประกวดอยู่ดี เพราะเตรียมการไว้แล้ว แต่โอกาสที่สาวบ้านค่ายจะเป็นนางงามระยองคงหมดหวังแน่

ก่อนถึงวันประกวดคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายทนเสียงอ้อนวอนของผู้ปกครองเด็กไม่ได้ จึงยอมให้ผู้ปกครองเด็กสาวคนนั้นนำไปหาหลวงปู่ทาบ หลวงปู่ทาบท่านทำน้ำมนต์ให้อาบ แล้วให้สีผึ้งเขียวมาหนึ่งหัวไม้ขีดไฟ และยังปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้อีกหนึ่งห่อ ทั้งกำชับให้เอาสีผึ้งติดตัวขึ้นไปบนเวทีประกวด และเวลาประกวดก็ให้ใช้แป้งที่ท่านปลุกเสกผัดหน้าขึ้นไปเดินบนเวทีทุกครั้ง ผลการตัดสินสาวงามระยองปี พ.ศ.๒๕๐๓ นั้น ปรากฏว่าสาวน้อยอำเภอ บ้านค่าย ได้ตำแหน่งนางสาวระยอง ทั้งๆ ที่ใบหน้าสิวขึ้นเยอะ ท่ามกลางความดีอกดีใจของชาวบ้านค่าย และความงุนงงของชาวอำเภออื่น ๆ และในปีต่อ ๆ มาอีก ๒-๓ ปี ชาวอำเภอบ้านค่ายก็ได้นางสาวระยองติดต่อกัน และนางงามบ้านค่ายทุกคนต่างไปขอให้หลวงปู่ทาบรดน้ำมนต์ปิดนะหน้าทอง ได้สีผึ้งเขียวติดตัว และปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้เช่นกัน

วลีที่ไม่มีวันตาย:
อาจารย์ปถม อาจสาคร เล่าว่า คนระยองได้ผูกวลียกย่องอดีตบูรพาจารย์ เกจิอาจารย์สำคัญแห่งยุค ๓ ท่าน คือ หลวงปู่เพ่ง หลวงปู่ทาบ และหลวงปู่ทิม ไว้ว่า “อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่ง เมตตามหานิยมหลวงพ่อทาบ อาคมหลวงพ่อทิม”


ข้อมูลเพิ่มเติม 5 - 27 พ.ย. 2557 - 00:06:32 น.



หลวงปู่ทาบ พระดีที่ไม่ควรถูกลืม
เรียบเรียงโดย เก้า กระบกขึ้นผึ้ง
ฉบับแก้ไข วันอาทิตย์ ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๗

หนึ่งในเกจิสำคัญแห่งยุค:
พระครูอรรถโกศล หลวงปู่ทาบ นครปุญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดกระบกขึ้นผึ้ง ตำบลบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง มีอายุอยู่ระหว่างปี พ.ศ.๒๔๒๐-๒๕๐๙ รวมสิริอายุได้ ๘๙ ปี ท่านเป็นพระสำคัญแห่งยุคสมัย สังเกตได้จากการ ได้รับนิมนต์ให้ร่วมพิธีปลุกเสกพระเครื่องสำคัญๆต่างๆ ในยุคสมัยของท่านมากมาย อาทิ เป็นหนึ่งในพันกว่าพระเกจิอาจารย์แห่งยุค ที่ได้รับนิมนต์ ให้ร่วมจารแผ่นโลหะหล่อหลอมสร้าง พระเครื่องหลวงพ่อโต ที่วัดกัลยา เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๙-๒๕๐๐

หากพูดถึงชื่อเสียงของพระอาจารย์ในจังหวัดระยองยุคเก่า ๆ แล้ว มีเยอะแยะมากมาย ที่โด่งดังมาก ก็อาทิ หลวงปู่วงศ์ วัดบ้านค่าย หลวงปู่หันต์ วัดปากน้ำพังราด หลวงปู่ปั้น วัดทะเลน้อย ขนาดรูปภาพของท่าน เคยมีคนไปถ่ายภาพบ่อยๆ แต่ไม่ติด หลวงปู่อ่ำ วัดหนองกระบอก ซึ่งท่านผู้อ่านทั้งหลายคงจะพอได้ยินชื่อเสียงของท่านกันมาบ้างแล้วนะครับ

สำหรับพระอาจารย์ในยุคของหลวงปู่ทาบนั้น ก็มีหลวงปู่รัตน์ วัดหนองระบอก หลวงปู่ดิ่ง วัดบ้านค่าย หลวงปู่นิด วัดทับมา หลวงปู่หอม วัดชากหมาก หลวงปู่โต วัดชากกระโดน หลวงปู่ทัด วัดห้วงหิน และหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ซึ่งสนิทสนมกับหลวงปู่นิด วัดทับมา และหลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้งอย่างมาก

ใจบุญตั้งแต่เด็ก:
หลวงปู่ทาบ เกิดที่หมู่บ้านนาตาขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เมื่อปีฉลู พ.ศ. ๒๔๒๐ คุณพ่อท่านชื่อ ฉุน คุณแม่ท่านชื่อ ฉิม พ่อแม่ของท่านประกอบอาชีพในการทำนา ทำสวน เมื่อท่านเกิดมานั้นเป็น ที่แปลกกว่าเด็กทั่ว ๆ ไป ผิวพรรณของท่านผ่องใสมีสง่าราศรี พอเติบโตขึ้นมาก็ว่านอนสอนง่าย และเป็นเด็ก ที่ใจบุญอย่างมาก เมื่อพ่อแม่ของท่านไปหาปลามาขังไว้ ถ้าท่านรู้ว่าขังตรงไหน มักจะไปปล่อยจนหมด ถึงจะถูกทำโทษ ท่านก็ไม่เคยที่จะแค้น หรือร้องไห้อะไรมากมาย ยิ่งให้ทำปลาเพื่อเอาไปปรุงอาหารด้วยแล้ว ท่านไม่อยากจะทำเลย จนพ่อแม่ของท่านรู้ดีว่า หากขืนได้ปลามาขังไว้ทำอาหารก็ต้องซ่อนไว้ในที่ไกล และไม่ให้ลูกชายรู้ เมื่อจะทำอาหารก็รีบจัดการทำ

บางคราวเคยดัดนิสัย เหมือนจงใจแกล้งลูกชายของตนเองว่าจะเป็นอย่างไร ทำกับข้าวแต่พวกผักต้ม แกงหัวปลี รับประทานกับพวกน้ำพริก น้ำพริกเผา ลูกชายก็ไม่เคยบ่นว่าไร มีอย่างไรก็รับประทานอย่างนั้น งานอะไรใช้ให้ทำ ท่านทำได้ จะทำทันที ขยันช่วยเหลืออย่างดี แต่ว่าถ้าใช้ให้ฆ่าปลา ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแล้ว ท่านไม่ทำ เมื่อเล่าเรียนเขียนอ่านจบแล้วก็ช่วยพ่อแม่ประกอบอาชีพทำนา ทำไร่ หาเงินมาใช้จ่ายเป็นของตนเอง และช่วยเหลือครอบครัวด้วย เป็นผู้ที่มีใจโอบอ้อม อารี เปี่ยมด้วยเมตตา ผู้ใดที่ทำอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อส่วนรวม ทำถนน ก่อสร้างสะพาน หากท่านรู้ ก็จะ ไปช่วยทุกครั้ง ท่านจะติดตามพ่อแม่เข้าวัดทุกวันพระ ทุกเช้าถ้าไม่ได้ไปไถน าหรือไปเกี่ยวข้าว หรือทำสวน ท่านจะใส่บาตรเสมอ ๆ และบางคราวก็จะไปช่วยเหลือพระในวัดต้มน้ำร้อนชงชา หรืองานก่อสร้างต่าง ๆ พอท่านมีอายุได้ ๑๙ ปี ก็ไปเกณฑ์ทหาร ท่านจับได้ใบแดง จึงต้องไปเป็นทหารเรือ รับใช้ชาติ ๔ ปี

บวชตลอดชีวิต:
หลังจากที่ ปลดประจำการแล้ว ท่านก็เดินทางกลับบ้าน และเป็นที่ยินดีของพ่อแม่ พร้อมทั้งญาติ พี่น้อง ที่จะได้ทำการบวชท่าน ณ วัดนาตาขวัญ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๒ โดยมีครูสมุทรสมานคุณ (หลวงพ่อแหยว) วัดป่าประดู่ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อมาก วัดนาตาขวัญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์รวย วัดบ้านแลง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ภายหลังอุปสมบท ท่านได้ รับฉายาว่า "นครปุญโญ" และได้จำพรรษาที่วัดนาตาขวัญ ศึกษาหาความรู้ด้านธรรมะตามแบบฉบับของพระสงฆ์ที่บวช ใหม่ ท่องบทสวดมนต์จนคล่องทั้งศึกษาข้อธรรมะ ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในพระวินัย ไม่เคยขาดเรื่องการทำวัตรเช้า และวัตรเย็นแต่อย่างใด นอกจากจะอาพาธ หรือมีกิจธุระ กลับมาไม่ทัน ท่านสอบนักธรรมตรีและนักธรรมโทได้ ได้ช่วยเหลืองานพระศาสนา การที่ท่านบวชเข้ามาเป็นพระสงฆ์ได้ศึกษาหาความรู้และปฏิบัติธรรม ทำให้จิตใจของท่านสงบ ท่านจึงตัดสินใจไม่ยอมลาสึก เมื่อพ่อแม่ของท่านทราบ ทั้งสองจึงมีความปลาบปลื้ม อย่างยิ่ง ที่บุตรชายของท่านได้เดินทางที่ถูก เดินทางไปสู่ความสงบ

พระอาจารย์ที่สนิทสนม เคารพนับถือกัน:
พระอาจารย์ที่สนิทสนมกับท่าน และมักจะนิมนต์ให้ท่านไปร่วมงานด้วยเสมอ ไม่ใช่เพราะว่าท่านจะเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ หรือมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลแต่ย่างใด หาก แต่ท่านเหล่านั้นมีความเคารพนับถือกันเป็นการส่วนตัว เลื่อมใสซึ่งกันและกัน พระอาจารย์ที่สนิทสนม เคารพนับถือกันกับท่าน ได้แก่
๑. หลวงพ่อนิด วัดทับมา
๒. หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
๓. หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก ท่านนี้นับถือกันมาก เคยเดินธุดงค์ร่วมกันหลายคราว
๔. หลวงพ่อดิ่ง วัดบ้านค่าย ท่านนี้ก็นับถือกันมาก ( หลวงพ่อดิ่งอายุน้อย และสร้างพระเครื่องน้อย ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของท่านจะดังไม่น้อย)
๕. หลวงพ่อเฮี้ยง และ ๖. หลวงพ่อศรี วัดอ่างศิลา ท่านสนิทสนมกันอย่างมาก ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ๆ

โดนลองของ:
พระสงฆ์ที่พาพระเณรออกเดินธุดงค์ไปทางวัดกระบกขึ้นผึ้ง มักจะพากันเข้าไปทำวัตร และพักอย่างน้อยหนึ่งคืน พวกกระเหรี่ยง พวกชาวลาวที่ไปขายผ้า ขายของป่าตามที่ต่าง ๆ แต่พอเวลาใกล้ค่ำ ก็มาขอพักที่วัด ถึงจะออกเดินทางต่อ หลวงปู่ทาบ มักจะโดนทดลองวิชาจากพระธุดงค์ หรือคนพวกนี้ หลวงปู่ทาบ รู้ดีว่าคนพวกนี้ บางคนนิสัยดี เคารพในสถานที่ บางคนก็อวดเก่ง ชอบลองดีดูว่ าเจ้าอาวาสจะเก่งไหม ผู้ที่ชอบลองของกับท่านนั้น บางรายโดนท่านดัดนิสัย เสียจนไม่ต้องนอนกันทั้งคืน พอเช้าก็ต้องเข้าไปกราบขอขมาท่าน แล้วก็รีบเผ่นจากวัดไปทันที

เมตตาสูง :
พระอาจารย์ต่าง ๆ ที่เล่าเรียนวิชาจากพระอาจารย์นั้น มีความถนัดความชอบต่างๆ กันไป บางรูปชอบทางคงกระพันชาตรี บางรูปชอบทางรักษาโรค บางรูปเก่งทางลงหมึก ลงน้ำมัน บางรูปเก่งทางแก้อาถรรพณ์ หลวงปู่ทาบเองมีครบครัน แต่ท่านมุ่งไปทางเมตตามหานิยม ทางเจริญทรัพย์ ทางค้าขายมากกว่า เพราะใคร ๆ ก็ต้องการ ผู้คนที่มีของดีของท่าน ไปไหนก็จะรอดพ้นอันตราย มีเสน่ห์ ของๆ ท่าน จึงเป็นที่นิยม กันมาก โดยเฉพาะพวกหนุ่ม ๆ

สีผึ้งยอดขลัง:
สีผึ้งของท่านเป็นสีผึ้งที่มีสีแปลกอย่างมาก ผิดจากสีผึ้งของพระอาจารย์อื่น ๆ เช่น

ของหลวงพ่อหอมนั้น ท่านจะปลุกเสกตั้งแต่เช้าไปจนถึงพระอาทิตย์ตรงศีรษะ หรือเพลพอดี เป็นอันใช้ได้ แล้ว การปลุกเสกของท่านต้องปลุกเสกที่กลางแจ้ง ทำครั้งหนึ่งมากพอสมควร มีความขลังมาก ท่านจะใช้สีผึ้งที่ซื้อมาจากร้านในตลาด บางครั้งศิษย์ก็ซื้อไปให้เยอะ

อย่างสีผึ้งเจ็ดจันทร์เจ็ดอังคาร ของหลวงปู่ลัด วัดหนองกระบอก หลวงปู่เริ่ม วัดจุกกะเฌอ นั้น ต้องครบ ๗ จันทร์ ๗ อังคาร ถึงจะขลังเด่นทางมหานิยม ค้าขาย สีของสีผึ้งจะออกเหลืองปนขาว

แต่สีผึ้งของหลวงปู่ทาบนั้น สีจะเขียว เพราะมีส่วนผสมของ ว่านบางชนิด ซึ่งมีสรรพคุณทางมหานิยม พอเอาไว้สักพักหนึ่งหลังจากที่เคี่ยวแล้วจะออกสีเขียว แต่แรกจะออกสีน้ำตาล การปลุกเสกนั้น ลงทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ แต่เด่นทางมหาเสน่ห์อย่างยิ่ง พวกหนุ่ม ๆ ต่างเดินทางไปแวะเวียนขอกันมาก เรื่องโด่งดังเรื่องหนึ่งคือ ศิษย์ของท่านคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนทำมาหากิน ขยันทำงาน แต่มีฐานะยากจน พอท่านให้สีผึ้งไปแล้วชีวิตก็ดีขึ้น มีภรรยารูปร่างหน้าตาสวยงาม ฐานะดี เหตุนี้เองจึงเป็นที่ต้องการ ของคนหนุ่ม ๆ ยิ่งนัก แต่ใช่ท่านจะให้ใครง่าย ๆ บางคนท่านให้ แต่ต้องรับสัจจะกับท่านก่อนว่า เมื่อได้ตามที่ประสงค์แล้ว ห้ามผิดสาบาน หรือสัจจะเป็นอันขาด ถ้ารับได้ ท่านถึงให้สีผึ้งนั้นเพียงแค่หัวไม้ขีดเท่านั้นเอง แต่ถ้าได้แล้ว ห้ามใช้อีกเลย การทำสีผึ้งของท่านนั้น มีสรรพคุณสูงยิ่ง แต่ว่าถ้าใช้ไม่ดี ใช้ไปในทางอกุศล จะบังเกิดโทษทันที ท่านจึงไม่ค่อยยอมให้ใครนัก

สีผึ้งเขียวของหลวงปู่ทาบนั้น เมื่อท่านทำเสร็จ จะใส่ไว้ในโถโบราณมีฝาครอบ ที่ปรากฏอภินิหาร คือ สีผึ้งเขียวของท่านจะงอก หรือเพิ่มปริมาณได้ตามความแรงของกำลังวัน บางครั้งสีผึ้งจะฟูขึ้นจนติดฝาครอบโถ เกาะกันเป็นวงคล้ายๆ กับดอกของใบพลู ซึ่งเป็นรูปคล้ายดอกใบพลูนี้แหละขลังนัก ศิษย์วัดกระบกขึ้นผึ้งเมื่อเปิดฝาโถเห็นเข้าก็จะเอาใบจาก ซึ่งใช้สำหรับมวนบุหรี่สูบมาม้วนเป็นกรวยตักไป ใช้ได้ผลชะงัดนัก รายไหนรายนั้น มักหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามคนป้ายไป และไม่เคยมีพลาดเลยสักรายเดียว ถามว่าต้องใช้ป้ายกี่ครั้งจึงจะสำเร็จ โดยมากครั้งเดียวก็สำเร็จ แต่ถ้าผู้หญิงบางคนดวงแข็งมีของดีคุ้ม หรืออำนาจดวงคุ้มครอง ก็ต้องใช้หลายหนหน่อย แต่สำเร็จทุกราย สีผึ้งของหลวงพ่อทาบนั้น มีเคล็ดวิธีการใช้ดุจเดียวกับหลวงปู่ทิม คือใช้ตามคำสั่งความสำคัญของนิ้วมือทั้ง ๕ นิ้ว นับแต่หัวแม่โป้งเรื่อยมาจนถึงนิ้วก้อยซึ่งเล็กที่สุด และวิธีจะใช้ป้ายแตะที่ตัวผู้หญิงซึ่งหมายปอง อย่าป้ายให้ต่ำกว่าบั้นเอวลงไป และป้ายแตะให้ถูกเนื้อ อย่าให้ถูกผ้า เพราะจะได้ผลช้า

พระเครื่อง:
พระเครื่องของท่านที่เป็นพระสมเด็จยุคแรกนั้น จะมีความหนาพอสมควร สมัยก่อนนั้นจะพบเห็นตามแผงพระเครื่องทั่วๆ ไปบ่อยมาก แต่ไม่มีใครที่จะรู้จักกันนัก นอกจากคนใน ท้องถิ่น เนื้อพระของท่านยุคแรกนั้นจะออกสีแดงปนเขียว บางองค์ปนน้ำตาล หากสังเกตด้านหลังให้ดีจะมีคราบของสีผึ้ง หลังจากนั้นท่านก็สร้างขึ้นอีก แต่ครั้งนี้เนื้อพระจะออกสีเขียว เพราะได้นำเอาว่านและสีผึ้ง มาผสมด้วย

ตำนานอันลือลั่น:
มีตำนานที่คนระยองรุ่นใหญ่ต่างรู้ดี เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๓ จังหวัดระยอง ได้จัดให้มีการประกวดนางสาวระยองขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อคัดคนส่งไปประกวดนางสาวไทยที่กรุงเทพฯ ในงานรัฐธรรมนูญที่วังสราญรมย์ อำเภอบ้านค่าย ก็สรรหาสาวงามส่งเข้าชิงชัยตำแหน่งนางสาวระยอง เหมือนกับอำเภออื่น ๆ เช่นกัน เมื่อได้สาวงามชาวอำเภอบ้านค่ายแล้ว ทางอำเภอก็นำสาวงามผู้นั้นมาขัดสีฉวีวรรณแล้วสอนกิริยามารยาทจนเป็นที่เรียบร้อย พอใกล้วันประกวดนางงามระยอง เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น สาวงามซึ่งจะเป็นตัวแทนสาวบ้านค่ายขึ้นเวทีประกวด เกิดสิวเห่อขึ้นเต็มหน้า เป็นที่ตกอกตกใจของคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายไปตามๆ กัน จะหาคนใหม่ก็ไม่ทัน ทุกคนต่างก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไรก็ต้องส่งสาวผู้นี้เข้าประกวดอยู่ดี เพราะเตรียมการไว้แล้ว แต่โอกาสที่สาวบ้านค่ายจะเป็นนางงามระยองคงหมดหวังแน่

ก่อนถึงวันประกวดคณะกรรมการอำเภอบ้านค่ายทนเสียงอ้อนวอนของผู้ปกครองเด็กไม่ได้ จึงยอมให้ผู้ปกครองเด็กสาวคนนั้นนำไปหาหลวงปู่ทาบ หลวงปู่ทาบท่านทำน้ำมนต์ให้อาบ แล้วให้สีผึ้งเขียวมาหนึ่งหัวไม้ขีดไฟ และยังปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้อีกหนึ่งห่อ ทั้งกำชับให้เอาสีผึ้งติดตัวขึ้นไปบนเวทีประกวด และเวลาประกวดก็ให้ใช้แป้งที่ท่านปลุกเสกผัดหน้าขึ้นไปเดินบนเวทีทุกครั้ง ผลการตัดสินสาวงามระยองปี พ.ศ.๒๕๐๓ นั้น ปรากฏว่าสาวน้อยอำเภอ บ้านค่าย ได้ตำแหน่งนางสาวระยอง ทั้งๆ ที่ใบหน้าสิวขึ้นเยอะ ท่ามกลางความดีอกดีใจของชาวบ้านค่าย และความงุนงงของชาวอำเภออื่น ๆ และในปีต่อ ๆ มาอีก ๒-๓ ปี ชาวอำเภอบ้านค่ายก็ได้นางสาวระยองติดต่อกัน และนางงามบ้านค่ายทุกคนต่างไปขอให้หลวงปู่ทาบรดน้ำมนต์ปิดนะหน้าทอง ได้สีผึ้งเขียวติดตัว และปลุกเสกแป้งผัดหน้าให้เช่นกัน

วลีที่ไม่มีวันตาย:
อาจารย์ปถม อาจสาคร เล่าว่า คนระยองได้ผูกวลียกย่องอดีตบูรพาจารย์ เกจิอาจารย์สำคัญแห่งยุค ๓ ท่าน คือ หลวงปู่เพ่ง หลวงปู่ทาบ และหลวงปู่ทิม ไว้ว่า “อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่ง เมตตามหานิยมหลวงพ่อทาบ อาคมหลวงพ่อทิม”


 
ราคาปัจจุบัน :     3,520 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    sanuchit (1.1K)

 

Copyright ©G-PRA.COM