รายละเอียด | "หลวงตาช้วน" ได้จัดสร้างวัตถุมงคลประเภทเครื่องรางของขลัง "สีผึ้งดำ"
ตามตำราการจัดทำ "สีผึ้งดำ" ในพุทธประวัติกล่าวถึงเรื่องที่ภิกษุชาวเมืองโกสัมพี 2 รูปได้เกิดทะเลาะวิวาทกันแบ่งเป็น 2 พวก องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงมาห้ามปรามให้ภิกษุทั้ง 2 ฝ่ายสามัคคีกัน ทรงห้ามถึงวาระที่ 3 พวกเขาก็ไม่ยอมเลิกทะเลาะกัน พระองค์ก็ทรงระอา มีความรังเกียจ ทรงหลีกออกจากหมู่พวกนี้ไปอยู่แต่ผู้เดียว จำพรรษาอยู่ที่โคนต้นไม้สาละใหญ่ในป่าชื่อ "รักขิตวันสัณฑะ" ซึ่งมี ช้าง มีนามว่า "ปาริไลยกะ" เป็นอุปัฏฐาก พร้อมทั้งลิงอีกตัวหนึ่ง
วันหนึ่งลิงได้รวงผึ้งที่กิ่งไม้ หาตัวผึ้งไม่มีแล้ว จึงได้หักกิ่งไม้นั้นมาแล้วก็นำรวงผึ้งนั้นมาพร้อมทั้งกิ่งไม้เข้าไปถวายพระพุทธเจ้า ได้เด็ดใบตองรองถวาย พระพุทธเจ้าทรงรับ เมื่อพระ องค์เสวยน้ำผึ้ง ลิงก็ดีใจ กระโดดโลดเต้น เหยียบกิ่งไม้อ่อนตกลงมาโดนตอไม้ สิ้นชีวิต
เพราะอาศัยที่จิตเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อตายจากความเป็นลิง ก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทวโลก เป็นประเพณีนำน้ำผึ้งถวายพระสืบต่อมา สมัยก่อนขี้ผึ้งที่เหลือจากคั้นน้ำผึ้งแล้ว จะนำมาทำเทียนจุดประทีปบูชาพระรัตนตรัย โดยเปรียบเทียนขี้ผึ้งว่าเป็นแสงประทีปสว่างไสวดุจพระธรรม และมีเครื่องรางอีกชนิดหนึ่งที่สร้างมาแต่โบราณใช้สีผึ้งเป็นส่วนประกอบเคี่ยวปรุงเป็นขี้ผึ้งสีปากใช้คู่กับการกินหมากของคนโบราณ ต่อมาจึงมีการปรุงสีผึ้งให้เป็นเครื่องรางที่ใช้ทาริมฝีปากให้เกิดมงคล
"สีผึ้งดำ" ซึ่งปั้นลงชามตราไก่ เครื่องรางของขลังของหลวงตาช้วน เป็นสีผึ้งที่สร้างด้วยกรรมวิธีโบราณ กล่าวคือ ใช้รังผึ้งร้างยอดช่อฟ้า รังผึ้งร้างตาพระพุทธ รังผึ้งร้างยอดเจดีย์ ได้ทั้ง 3 เอามาผสม รมด้วยควันไม้หลง ทั้ง 7 อาทิ ไม้หลงใหล, มะรุม, มะยม, ละมุด, มะดัน, ข้าวลืมผัว และร้อยชู้
หลวงตาช้วนเอามาคลุกกับน้ำตาแม่ม่าย น้ำตาสาวพรหมจารี น้ำตาเด็กร้องไห้ น้ำตาพ่อน้ำตาแม่ 3 อย่างนี้ก็สุดยอดเป็น สีผึ้งชั้นดี ไม่ต้องปลุกเสกก็เข้มขลัง
นอกจากนี้ได้นำไม้ไก่กุ๊ก ที่ไก่แจ้ตัวผู้จิกเรียกตัวเมียให้มาคาบไม้ต่อผสมอมน้ำลายตัวผู้ เพื่อป้อเกี้ยวและสืบพันธุ์กัน
สีผึ้งดำ สร้างจำนวน 971 ตลับ |