(0)
+++ ให้ราคากันครับ +++......พระบูชาพระพุทธชินราช ภปร. กองทัพภาคที่ 3 ปี 2517 หน้าตัก 9 นิ้ว สภาพสวยมาก








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง+++ ให้ราคากันครับ +++......พระบูชาพระพุทธชินราช ภปร. กองทัพภาคที่ 3 ปี 2517 หน้าตัก 9 นิ้ว สภาพสวยมาก
รายละเอียดพระสวย แท้ ดูง่ายในราคามิตรภาพครับผม.....ครูหมี 089-984-3684

****************************************

วัตถุมงคลชุดนี้เป็นวัตถุมงคลที่มีอายุการสร้างกว่า 30 ปี ที่ถึงพร้อมด้วย “พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณและพระมหากษัตริยาธิคุณ” ครบถ้วนทุกด้านเพราะ “มูลเหตุแห่งการสร้าง” ดีเยี่ยมคือ สร้างเพื่อนำรายได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทั้ง “ทหาร ตำรวจ” และ “อาสาสมัคร” ที่ปฏิบัติหน้าที่ทำการปราบปราม “ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์” ซึ่งหลายครั้ง “เจ้าหน้าที่” ดังกล่าวได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันซึ่งหน้าและหลายรายที่ “โชคร้าย” ต้อง “ทุพพลภาพ” และ “เสียชีวิต”สร้างความเดือดร้อนให้กับ “ครอบครัว” ของเจ้าหน้าที่เหล่านี้ยิ่ง และแม้ว่าหน่วยงานราชการต้นสังกัดจะให้ “ความช่วยเหลือ” อย่างเต็มที่แต่ก็เป็นการช่วยเหลือในภายหลังซึ่งใช้เวลาที่ค่อนข้างนานจึงควรหา “ทุนสักก้อน” ไว้เป็นกองทุนสำหรับการช่วยเหลือเบื้องต้นอย่างทันท่วงทีที่เกิดเหตุ ดังนั้น “พลเอกสำราญ แพทยกุล” สมัยที่ยังครองยศ “พลโท” และดำรงตำแหน่ง “แม่ทัพกองทัพภาคที่ 3” จึงดำเนินการหาทุนด้วยการจัดสร้าง “วัตถุมงคล” ในรูปแบบ “พระพุทธชินราช” เพราะเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาต่อพุทธศาสนิกชนเพื่อเป็นการหาทุนโดยขอพระบรมราชานุญาต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช อัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อ “ภ.ป.ร.” ประดิษฐานไว้ที่ผ้าทิพย์ของพระพุทธรูปที่จัดสร้างและ “พระบรมฉายาลักษณ์ขณะทรงผนวช” เพื่อเป็นแบบการจัดสร้างเหรียญอีกทั้งได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารกรุงเทพ สาขาพิษณุโลก เสนอแนะให้เปิดบัญชีในนามของ “มูลนิธิพระบารมีปกเกล้า” เพื่อป้องกัน “คำครหา” จากการดำเนินงานส่วนการจัดสร้างก็ใช้หน่วยงาน “ราชการ” เป็นผู้รับไปดำเนินการคือ “เหรียญทุกประเภท” และ “โลหะที่นำมาจัดสร้าง” มอบให้ “กองกษาปณ์กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง” ดำเนินการทางด้าน “พระพุทธรูป” มอบให้ “ดร.จ.ส.อ. ทวี บูรณเขตต์” ซึ่งขณะนั้นรับราชการ “ฝ่ายการแผนที่กองทัพภาคที่ 3” รับไปดำเนินการส่วน “พระกริ่ง” มอบให้ “นายสมศักดิ์” ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างพระกริ่งในยุคนั้นเป็นผู้ดำเนินการจากนั้นยังได้รับเมตตาจาก “พระเกจิอาจารย์” ผู้ทรงวิทยาคุณจากทั่วประเทศในยุคนั้น “จารอักขระแผ่นโลหะ” และร่วมพิธี “พุทธาภิเษก” ที่จัดขึ้นถึง 2 ครั้ง จึงถือเป็น “ประวัติศาสตร์” ที่ควรแก่การันทึกไว้เป็นอนุสรณ์เพราะการจดสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้ “สมเด็จพระสังฆราช 2 พระองค์” ทรงเมตตาเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกโดย “ครั้งแรก” พิธีพุทธาภิเษก “แผ่นโลหะ” ที่สมเด็จพระสังฆราข วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามเป็นประธานในพิธีและหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯทรงประกอบพิธีเททอง ณ วัดสุทัศน์เทพวราราม แล้วจึงมีพิธีพุทธาภิเษก องค์พระที่หล่อเสร็จโดยสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามเป็นองค์ประธานในพิธี ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งด้วยเจตนาอันเป็นกุศลที่แท้จริงปรากฎว่าประชาชนต่างให้ความสนใจ ด้วยการร่วมสร้างกุศลด้วยการบูชาวัตถุมงคลรุ่นนี้ทำให้มีเงินจัดตั้งเป็น “มูลนิธี” ดังกล่าวข้างต้น “20 ล้านบาท” ที่ต่อมาต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “มูลนิธิเย็นศิระเพราะพระบริบาล” โดยนำดอกผลช่วยเหลือ ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครของ “กองทัพภาคที่ 3” มาโดยตลอดจึงนับว่าเป็นการสร้างวัตถุมงคลที่ “เจตนาบริสุทธิ์” และ “ยอดเยี่ยม” โดยแท้จริงเพราะ “พิธีสร้าง” และ “พิธีเททอง” พร้อม “พิธีพุทธาภิเษก” มีการดำเนินงานอย่างเป็นขั้นตอนและคณะกรรมการได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงประกอบพิธีเททองหล่อวัตถุมงคลทั้งหมดเป็น “ปฐมมหามงคลฤกษ์” เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2516 เวลา 16.49 น. โดยบันทึกการจัดสร้างได้บันทึกไว้ว่า

ขณะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงประกอบพิธีเททอง ณ บริเวณมณฑลพิธีด้านข้างพระอุโบสถ อากาศก็ร่มเย็นแจ่มใสให้ผู้ไปร่วมพิธีและพสกนิกรที่ไปเข้าเฝ้าครั้งนั้น เย็นสบายโดยทั่วกัน แต่ขณะเดียวกันกลับปรากฎเหตุ “ท้องฟ้าทางภาคเหนือ” (ตรงจุดที่ตั้งกองทัพภาคที่ 3) เกิดมี “ฟ้าแลบฟ้าร้อง” ดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ตลอดเวลา กระทั่งพิธีเททองเสร็จสิ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ กลับแล้ว “ฟ้าแลบฟ้าร้อง” จึงสงบลงและพอถึงเวลา 17.55 น. “พระวิสุทธิวงศาจารย์” (เสงี่ยม จันทสิริ มหาเถระ) เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ฯ ในขณะนั้น (ภายหลังได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จ พระราชาคณะที่สมเด็จพระพุฒาจารย์) ดับเทียนชัยพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ยังได้มอบเงิน “5,000 บาท” เพื่อสมทบทุนมูลนิธิ “เย็นศิระเพราะพระบริบาล” อีกด้วยพร้อมๆ กับ “สายฝน” ได้ตกลงมาอย่างหนักจนน้ำนองรอบๆ ระเบียบพระอุโบสถทั้งๆ ที่บริเวณอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง “วัดสุทัศน์ฯ” กลับมีฝนตกเพียงประปรายเท่านั้น นับเป็นเหตุการณ์ที่ “ประหลาดอัศจรรย์” แก่ผู้ไปร่วมพิธีโดยทั่วหน้ากัน ซึ่ง “วัตถุมงคล” ที่จัดสร้างทั้งหมดประกอบด้วย

“พระพุทธรูปพระพุทธชินราชจำลอง พระกริ่งพระพุทธชินราช ภ.ป.ร. เหรียญพระพุทธชินราช ภ.ป.ร. เหรียญทรงผนวช เหรียญสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เหรียญสมเด็จพระเอกาทศรถ รูปเหมือนเต็มองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” และ “สมเด็จพระเอกาทศรถ” และการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้นั้นก็ใช้ระยะเวลาที่ยาวนานคือ ต้องนำ “วัตถุมงคล” ทั้งหมดไปทำการตกแต่งเพื่อความสวยงาน “ร่วม 1 ปี” จึงแล้วเสร็จจากนั้น พลโท สำราญ แพทยกุล แมทัพกองทัพภาคที่ 3 จึงได้อัญเชิญไปประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ พระวิหารหลวง พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม ทรงประกอบพิธีจุดเทียนชัยมหาพุทธาภิเษกและมี “พระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ” ร่วมพิธีพุทธาภิเษาจำนวน 45 รูป อาทิ “พระภาวนาโกศลเถระ วัดปากน้ำภาษีเจริญ พระโพธิวรคุณ (ไพฑูรย์) วัดโพธิ์นิมิต พระราชมุนี (มหาบุญโฮม) วัดปทุมวนาราม พระสังวรวิมลเถระ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี พระครูพิพิธวิหารการ (หลวงพ่อเทียม) วัดกษัตราธิราช พระครูรักขิตวันมุนี (หลวงพ่อถิร) วัดป่าเลไลยก์ พระครูญาณวิจักษ์ (พระอาจารย์ผ่อง จินดา) วัดจักรวรรดิราชาวาส พระครูนนทกิจวิมล (หลวงพ่อชื่น) วัดตำหนักเหนือ พระครูกิตตินนทคุณ (หลวงพ่อกี๋) วัดหูช้าง พระครูโกวิทสมุทรคุณ (หลวงพ่อเนื่อง) วัดจุฬามณี พระครูสุตาธิการี (หลวงพ่อทองอยู่) วัดใหม่หนองพะอง ฯลฯ”

ทางด้าน “โลหะ” ที่นำมาสร้างวัตถุมงคลครั้งนั้นประกอบด้วย “แผ่นทองแดงและแผ่นทองเหลืองลงอักขระยันต์” โดยพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณในยุคนั้นทั่วประเทศ “108 รูป” ซึ่งแต่ละรูปก็ทำการลงอักขระยันต์ตาม “ความถนัดของแต่ละท่าน” แล้วจึงอธิษฐานจิตและภาวนาปลุกเสกเพิ่มเติมใน “วันเสาร์ 5” ซึ่งปีนั้นตรงกับ “วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2516” เพื่อนำมาหล่อหลอมกับ “ทองคำ นาก เงิน ทองเหลือง ทองแดง” ที่คณะกรรมการจัดสร้างเตรียมไว้ จากนั้น ยังจัดทำพิธีปลุกเสกเพิ่มความเข้มขลังตามวัดต่างๆ ใน “กรุงเทพมหานคร” อีกถึง 4 วัด ดังนี้ 1) วัดบวรนิเวศวิหาร 2) วัดสุทัศนเทพวราราม 3) วัดไตรมิตรวิทยาราม 4) วัดราชนัดดาราม นอกจากนี้ยังมี “ชนวนโลหะ” จากพิธีสำคัญๆ เช่น “พิธีสร้างพระบรมรูป “สมเด็จพระเอกาทศรถ” ที่กรมศิลปากรเป็นผู้ดำเนินการจัดสร้าง ชนวนโลหะหล่อพระบรมรูป “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8” สำหรับประดิษฐานภายในบริเวณ “พระวิหารพระศรีศากยมุณีวัดสุทัศน์” และชนวนโลหะ “พระกริ่งพระชัยวัฒน์ อ.ป.ร.” และทองชนวน “เหรียญพระศรีศากยมุณี อ.ป.ร.” ของมูลนิธี “อัฎฐมราชานุสรณ์” ที่วัดสุทัศน์ดำเนินการจัดสร้าง ชนวนโลหะหล่อ “พระกริ่ง” รุ่นเก่าๆ ของวัดสุทัศน์ โดยคณะกรรมการนำชนวนโลหะทั้งหมดหล่อหลอมเป็นเนื้อเดียวกันสร้างเป็นวัตถุมงคลตั้งแต่ “รายการที่ 1-6” และนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกและมังคลาภิเษกอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ฯ ระหว่างวันที่ 22-24 กรกฎาคม พ.ศ. 2516 จึงมั่นใจได้ว่าวัตถุมงคลที่จัดสร้างโดย “กองทัพภาคที่ 3” ชุดนี้มีความเข้มขลังยิ่งเพราะนอกจากมีการจัดพิธีสร้างเป็นไปตาม “โบราณประเพณี” ทุกประการแล้ว ยังอัญเชิญ “ตราสัญลักษณ์พระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร.” ประดิษฐานที่ฐานผ้าทิพย์ “พระพุทธชินราชจำลอง” และ “พระกริ่ง” จึงนับว่าการจัดสร้างวัตถุมงคลชุดนี้นอกจากด้วย “เจตนาบริสุทธิ์” จึงถึงพร้อมด้วย “พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ” อีกทั้งเปี่ยมด้วยความงดงามทางพุทธศิลป์ที่ทรงคุณค่า น่าสะสมบูชาเป็นอย่างยิ่งครับ

องค์นี้เป็นพระบูชาหน้าตัก 9 นิ้ว สภาพสวยมาก ผิวเดิม ๆ ทองเดิม ๆ แบบเต็ม ๆ เพราะอยู่ในตู้เดิมครับ (มีตู้เดิมด้วยนะครับ แต่ตอนถ่ายรูปยกไปแต่องค์พระครับ) องค์นี้หมายเลข 1091 ครับ
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน180,100 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 04 มี.ค. 2557 - 19:59:53 น.
วันปิดประมูล - 15 มี.ค. 2557 - 19:55:10 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลเจ๋งจริง (10.1K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     180,100 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    NONBURIWONG (148)

 

Copyright ©G-PRA.COM