(0)
*พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ด 1 ใน 3 เสือแห่งกรุงเก่า หายากแล้วครับ*






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง*พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ด 1 ใน 3 เสือแห่งกรุงเก่า หายากแล้วครับ*
รายละเอียดพระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ด 1 ใน 3 เสือแห่งกรุงเก่า ดังคำกล่าวที่ว่า "พระหมอหลวงพ่อปาน เกจิอาจารย์หลวงพ่อจง เมตตาไหลหลง หลวงพ่อยิ้ม"

ประวัติ...

ครั้งเมื่อหลวงปู่ยิ้ม ยังมีชีวิตอยู่ท่านเป็นพระที่อุดมด้วย ศีลาจารวัตร ตลอดชีวิตของหลวงปู่ เป็นพระที่อารมณ์เย็น เคร่งครัด แต่มีเมตตาธรรมสูง พูดน้อย และมีผู้คนไปกราบนมัสการหาสู่ท่านมิได้ขาด พระเกจิอาจารย์ดังแห่งกรุงศรีอยุธยา, ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามอินโดจีน หลวงปู่ยิ้ม มีพระสหธรรมมิกที่ร่วม ครู-อุปัชฌาย์ อาจารย์องค์เดียวกันในยุคนั้นคือ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ซึ่งมีอายุมากกว่าหลวงปู่ยิ้ม 3 ปี อีกรูปหนึ่งคือ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเกิดปีเดียวกับหลวงปู่ยิ้ม
มีญาติโยมที่เป็นนักเลงสมัยนั้นได้ตั้งสมญานามให้ดูน่ากลัวว่า
“ สามเสือแห่งกรุงเก่า ”

หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นอาจารย์ร่วมสมัยเดียวกับ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านจึงเป็นพระอาจารย์อาวุโส มรณภาพเมื่อปี 2499 (อายุ 81 ปี) หลังหลวงพ่อปาน 18 ปี ( 2499 - 2481 ) แต่ก่อนหลวงพ่อจงราว 8 ปี ( 2499 – 2507 ) วัดของท่านเหล่านี้อยู่ไม่ไกลกันนัก ท่านเป็นพระสหธรรมมิก และคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จนชาวอยุธยาเรียกกันติดปากว่า
“ พระหมอหลวงพ่อปาน เกจิอาจารย์หลวงพ่อจง เมตตาไหลหลง หลวงพ่อยิ้ม”

หลวงพ่อทั้งสาม มีความสนิทสนมกลมเกลียวกันยิ่งนัก ต่างคนต่างผลัดไปมาหาสู่ต่อวิชา ซึ่งกันและกันที่วัดของแต่ละองค์ ครั้งละหลายๆ วันชาวกรุง เก่าที่รู้ซึ้ง จึงกระซิบต่อๆ กันว่า พระเครื่องของทั้ง 3 องค์นี้พุทธคุณขลังเหมือนกัน ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดและคงกระพันชาตรี เมื่อต่างองค์ต่างสร้างพระเครื่องฯ เพื่อสืบทอดพระศาสนาต่างก็มานั่งปรกพุทธาภิเษก แทบทุกๆครั้งไป….. เหตุการณ์ สำคัญ อาทิ เช่นการปลุกเสกทราย และขึ้นเครื่องบินโปรยลงสถานที่สำคัญๆ ในประเทศไทย เมื่อครั้งสมัยสงครามอินโดจีนฯ ช่วง พ.ศ. 2485 ฝรั่งเศสที่ต้องการจะยึดดินแดนของไทยเป็นประเทศใน อานานิคม มีผลร้ายแรง พอๆ กับ สงครามโลกครั้งที่สองเมื่อ พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นเรื่องของความสามัคคี เพื่อให้สถาบันชาติอยู่ได้ สถาบันศาสนาอยู่ได้ และสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ได้ และสืบต่อพระศาสนา ให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบไป.

หลวงปู่ยิ้มวาจาสิทธิ์
จากการที่หมั่นสวดมนต์ภาวนา ให้ทาน รักษาศีล และเจริญพระกรรมฐานภาวนา ตลอดจนสั่งสอนให้คนทำความดีเป็นนิตย์ หล่อหลอมให้ภิกษุชราพุทธบุตรรูปหนึ่ง มีวาจาสิทธิ์ดุจเทพเจ้าฯ ทั้งให้พร… เสกน้ำพระพุทธมนต์ รักษาโรค เป็นที่ประจักษ์ตาแก่ชาวบ้านใกล้ และไกล หลวงปู่ไม่ชอบคนมุสา... คนดื่ม น้ำเมา... คนกาเม… คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิต… คนลักขโมย… (คนที่ชอบละเมิดศีลห้า) และคนที่ งอมืองอเท้า ขี้เกียจทำกิน… หลวงปู่ยิ้มท่านมีวาจาสิทธิ์ พูดคำไหนเป็นคำนั้นไม่พูดมาก พูดแต่สิ่งที่ดี ๆ เมื่อสั่งสอนครั้ง สองครั้งยังไม่เลิกละ หลวงปู่ก็จะเปรยๆ พอให้ศิษย์ใกล้ชิดได้ยินว่า
“ พวกนี้มันบัวใต้น้ำ… ชี้ทางสวรรค์ให้เดินไม่ยอมเดิน ”
( เป็นการชี้ให้เห็นว่าประตูสู่สวรรค์ก็คือศีลห้านั่นเอง ) และในไม่ช้าบุคคลดังกล่าวข้างต้นนี้ก็มีอันเป็นไปในที่สุด …… ย่างเข้าสู่วัยชรา ทุกสรรพสิ่งที่เกิดมานานแล้วก็ร่วงโรยไปในที่สุด หลวงปู่ยิ้มละสังขารไปด้วยอาการอันงบ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2499 (วันจันทร์ แรม 12 ค่ำ เดือน 10 ปีวอก จ.ศ. 1318 ) รวมสิริอายุได้ 81 ปี 61 พรรษา
“ เหลือไว้แต่คุณความดี… รูปปั้น… ภาพ ถ่าย …วัตถุมงคล…ให้ได้ระลึกถึง….. ล่วงมา-กว่า 50 ปี ”
ทั้งศิษย์ใกล้ และไกล… ในประเทศ และต่างประเทศ ชาวอำเภอเสนา อำเภอบางซ้าย ลูกหลานเจ้าเจ็ดฯ จ.พระนครศรีอยุธยา ตลอดจนชนรุ่นหลังที่ให้การเคารพนับถือ ขอรำลึกในคุณงามความดีของหลวงปู่ ท่านฯ ตราบนานเท่านาน….. หลวงปู่ยิ้มท่านได้สร้างพระเครื่องวัตถุมงคล ตั้งแต่ปี 2475 มีชื่อทางด้านพระงบน้ำอ้อยเนื้อดินเผา และพระพิมพ์เนื้อดินเผาพิมพ์ต่างๆ ซึ่งให้ผลทางด้านเมตตา แคล้วคลาด คงกระพันฯโดย วัตถุมงคลต่างๆ สร้างไว้เพื่อเป็นที่ระลึก แก่ผู้ร่วมบำเพ็ญกุศล ในการปฏิบัติบูชา อามิสบูชา บูรณปฏิสังขรณ์วัด ทำนุบำรุงศาสนา และสานต่อ หรือสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้แก่ชนรุ่นหลังหรือเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว จิตใจ เป็น พุทธานุสติ ธรรมมานุสติ และสังฆานุสติ มิได้สร้างไว้เพื่อหลงงมงายในอิทธิปาฏิหาริย์ อิทธิปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากจิตศรัทธา เกิดจากสัจจะธรรม, กรรม คือการกระทำ ของผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ……

หลวงปู่ยิ้มท่านได้ สร้างวัตถุมงคล ตั้งแต่ปี 2475 มีชื่อทางด้านพระงบน้ำอ้อยเนื้อดินเผา และพระพิมพ์เนื้อดินเผาพิมพ์ต่างๆ ซึ่งให้ผลทางด้านโชคลาภ เมตตา แคล้วคลาด และคงกระพันฯโดย วัตถุมงคลต่างๆ สร้างไว้เพื่อเป็นที่ระลึก แก่ผู้ร่วมบำเพ็ญกุศล ในการปฏิบัติบูชา อามิสบูชา บูรณปฏิสังขรณ์วัด ทำนุบำรุงศาสนา และสานต่อ หรือสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้แก่ชนรุ่นหลังหรือเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว จิตใจ เป็น พุทธานุสติ ธรรมมานุสติ และสังฆานุสติ มิได้สร้างไว้เพื่อหลงงมงายในอิทธิปาฏิหาริย์ อิทธิปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากจิตศรัทธา เกิดจากสัจจะธรรม, กรรม คือการกระทำ ของผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ……
พระเครื่องของหลวงปู่ ยิ้มที่รู้จักกันดีก็คือ พระงบน้ำอ้อย ทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก เนื้อพระเป็นดินเผาสีหม้อใหม่ เนื้อดินแบบเดียวกับของหลวงพ่อปาน แห่งวัดบางนมโค ส่วนพระเครื่องที่ท่านสร้างนอกจากพระงบน้ำอ้อย แล้วยังมีพระสมเด็จฯ พิมพ์ปรกโพธิ์ พระสมเด็จฯ พิมพ์รัศมี พระร่วงทรงยืนประทานพร พระพุทธทรงเดินลีลา พระพุทธชินราช พระพิมพ์ขุนแผน พระโคนสมอ พระกลีบบัว พระนางพญาพิมพ์ฐานบัว พิมพ์แขนอ่อน พิมพ์หยดน้ำพระหลวงพ่อโต พระพุทธทรงหนุมาน (หันซ้าย-ขวา และเศียรโต) พระปิตตา และนางกวัก ซึ่งเป็นพระเนื้อดินเผาสีหม้อสีหม้อใหม่สีน้ำตาลอิฐ, สีขาวนวล, เนื้อสีเทาอมน้ำตาล, สีเทาอมเขียว, เนื้อเขียวมอยแบบเนื้อ ผ่านไฟ ซึ่งเป็นพระยุคแรกๆ บางองค์จะทาทับด้วยสีบรอนซ์ทอง หรือสีบรอนซ์เงิน (ให้ดูสวยงาม ) ด้านหลังองค์พระจะมีรอยเสี้ยนไม้กระดาน เนื้อพระจะมีดินทรายละเอียดปนอยู่ มีอายุการสร้างไม่ต่ำกว่า 50 ปี ซึ่งพระเครื่องส่วนใหญ่จะสร้างเป็นแบบลักษณะพระกรุเก่าสมัยสุโขทัย กำแพงเพชร หรือพระกรุสมัยต่างๆ ที่มีอายุมากกว่า 200 ปี หรือว่ามีลักษณะแบบพระโบราณจารย์ เช่น งบน้ำอ้อยของหลวงพ่อเนียม วัดน้อย พระชินราช และพระพิมพ์ขุนแผนหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน พระสมเด็จพิมพ์รัศมีของหลวงปู่จีน พระสมเด็จพิมพ์รัศมีของหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า หรือ พระสมเด็จวัดเกศไชโยของสมเด็จพระพุทธาจารย์โตฯ ที่มีอายุการสร้างประมาณไม่ต่ำกว่า 150 ปี เมื่อเอ่ยถามถึงหลวงปู่ยิ้ม สมภารวัดเจ้าเจ็ด ด้วยศรัทธาที่เปี่ยมล้นในจริยาวัตรของหลวงปู่ยิ้ม แห่งวัดเจ้าเจ็ด ท่านสร้างพระพิมพ์เนื้อดินเผา ด้วยความตั้งใจที่จะสืบอายุพระศาสนา ความตั้งใจของท่านนั้นจะสร้างให้ครบพระธรรมขันธ์ คือ 84,000 องค์ การแกะแม่พิมพ์ แกะจากหินลับมีด ( ลักษณะหินลับมีดโกนของพระ ) โดย มีลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดเป็นผู้แกะให้ และให้พระ, เณร, ลูกศิษย์ใกล้ชิด และเด็กวัดฯ ช่วยกันผสม กดพิมพ์- แกะพิมพ์ และเผาตามพิธีการของท่าน ซึ่งกล่าวกันว่าท่าน ได้แรงบัลดาลใจมาจาก การสร้างพระเครื่องเนื้อดินเผา พระกรุสมัยต่างๆ และจากพระโบราณจารย์ต่างๆ และพระเครื่องของท่านบางพิมพ์สร้างล้อพิมพ์ของวัดบางนมโค, มีบางท่านเล่าว่าพระพิมพ์ทรงสัตว์ของ หลวงปู่ยิ้มนั้นช่างที่แกะแม่พิมพ์ของวัดเจ้าเจ็ดได้ขอต่อวิชา จากช่างที่แกะแม่พิมพ์ของวัดบางนมโค โดยค่าครูสำหรับการต่อวิชาแกะแม่พิมพ์เป็นเงิน 1 บาทในสมัยนั้นฯ

****************************
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม และทุกท่านที่ร่วมประมูลนะครับ

สำหรับท่านที่ประมูลได้ รบกวนช่วยแจ้งการโอนเงิน ทางโทรศัพท์ 083-1890366 หรือ ทาง E-MAIL หรือส่ง MESSAGE แจ้งด้วยนะครับ เพราะบางครั้ง มีผู้ประมูลได้หลายรายการในราคาเท่าๆกัน คนจัดส่งเลยงงมากๆครับ ว่าใครโอนมา ทำให้เกิดความล่าช้าในการจัดส่งได้ครับ .... ขอบคุณมากครับ
ราคาเปิดประมูล390 บาท
ราคาปัจจุบัน400 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 10 ต.ค. 2556 - 18:26:53 น.
วันปิดประมูล - 12 ต.ค. 2556 - 15:43:47 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลbear_01 (4.6K)(1)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     400 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    bigpower (36)(9)

 

Copyright ©G-PRA.COM