| ชื่อพระเครื่อง | ๑๑๑ พระกริ่งนิรันตราย วัดนิเวศธรรมประวัติ บางปะอิน ปีพ.ศ. 2535 - กริ่งธรรมยุติกนิกาย ทรงเรือนแก้วพุ่มพระมหาโพธิ ๑๑๑ |
| รายละเอียด | พระนิรันตราย ปี พ.ศ.2535
วัดนิเวศธรรมประวัติ อ.บางปะอิน อยุธยา
พระนิรันตราย เป็นพระพุทธรูปสององค์ซ้อนกัน พระพุทธรูปองค์เล็กซึ่งอยู่ภายใน เป็นพระพุทธรูปทองคำโบราณ นั่งขัดสมาธิเพชร หน้าตักกว้าง 3 นิ้ว ส่วนพระพุทธรูปองค์ใหญ่ซึ่งอยู่ภายนอกสวมครอบพระพุทธรูปองค์เล็กไว้ เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นภายหลังหล่อด้วยทองเหลืองกะไหล่ทอง หน้าตัก 5 นิ้วกึ่ง เป็นพระนั่งปางขัดสมาธิเพชร ทรงจีวรริ้วพาดสังฆาฏิอย่างพระคณะธรรมยุต พระพุทธรูปที่หล่อขึ้นในครั้งนี้ ไม่มีซุ้มเรือนแก้วเป็นพุ่มพระมหาโพธิ์อยู่เบื้องหลัง
(ในปีมะโรง พ.ศ. 2411 โปรดเกล้าฯ ให้ช่างหล่อพระพุทธรูปด้วยทองเหลืองกะไหล่ทอง นั่งขัดสมาธิเพชร พิมพ์เดียวกันกับพระพุทธรูปทองคำซึ่งสวมพระนิรันตราย แต่มีเรือนแก้วอยู่เบื้องหลังเป็นพุ่มพระมหาโพธิ์ มีอักษรขอมจำหลักลงไว้ในวงกลีบบัว เบื้องหน้า 9 เบื้องหลัง 9 แสดงพระพุทธคุณตั้งแต่ "อรหังสัมมาสัมพุทโธ" จนถึง "ภควา" ยอดเรือนแก้วมีรูปพระมหามงกุฏอันหมายถึงสิ่งก่อสร้างประจำรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งติดอยู่กับฐานชั้นล่าง รองฐานพระซึ่งเป็นที่สำหรับรับน้ำสรงพระ มีท่อเป็นรูปศีรษะโคแสดงเป็นที่หมายพระโคตร พระพุทธรูปซึ่งหล่อใหม่นี้มีจำนวน 18 องค์ เท่าจำนวนปีที่ดำรงสิริราชสมบัติ (พ.ศ. 2394 - พ.ศ. 2411) พระราชทานนามพระพุทธรูปทั้ง 18 องค์นี้ว่า "พระนิรันตราย" เช่นกัน)
เล่ากันมาว่า เมื่อปี พ.ศ. 2399 กำนันอินกับนายยังบุตร ได้พากันไปขุดมันนกที่ชายป่าดงศรีมหาโพธิ์ เมืองฉะเชิงเทรา (เมืองโบราณที่เจริญรุ่งเรืองมาแต่สมัยทวารวดี) ได้พบพระพุทธรูปหล่อด้วยทองคำเนื้อหกหนัก 8 ตำลึง โดยก่อนหน้านั้นฝันไปว่า จับช้างเผือกได้ที่ชายป่า ต่อมาจึงนำมามอบให้พระเกรียงไกรกระบวนยุทธ์ ปลัดเมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายรัชกาลที่ 4 ในวันพระฤกษ์เฉลิมพระราชมณเฑียรสีตลาภิรมย์ จึงทรงโปรดให้เจ้าพนักงานเชิญขึ้นหอเสฐียรธรรมปริต พร้อมด้วยพระกิ่งทองคำองค์น้อย
ครั้นต่อมาปี พ.ศ.๒๔๐๑ ได้มีผู้ร้ายลอบลักเอาพระกิ่งทองคำองค์น้อย ซึ่งตั้งคู่กันกับพระทองคำไป ความทราบถึงพระเนตรพระกรรณได้ตรัสสั่งว่า พระทองคำที่กำนันอินกับนายยังบุตรถวายนั้น เป็นของมีค่ายิ่งกว่ามาก ควรที่อ้ายผู้ร้ายจะลักไปด้วย ก็เผอิญให้แคล้วคลาด ไม่สูญไปเป็นครั้งสอง ทั้งเมื่อผู้ขุดได้ ก็หาได้ทำให้มีอันเป็นอันตรายไม่ จึงเป็นนิมิตอัศจรรย์อยู่ โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามถวายพระทองคำองค์นั้นว่า พระนิรันตราย
ต่อมาพระราชทานแบบให้พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าประดิษฐวรการปั้นหุ่นตามแบบที่ทรงศึกษาพุทธลักษณะ ซึ่งต่างจากความนิยมแต่โบราณ กล่าวคือ ให้มีความเป็นอย่างแบบมนุษย์สามัญมากขึ้น ปางทรงนั่งสมาธิเพชร ครองจีวร อย่างพระคณะธรรมยุติกนิกาย แล้วให้เจ้าพนักงานหล่อพระหน้าตัก 5 นิ้วกึ่งด้วยทองคำสวมพระพุทธนิรันตรายองค์นั้นอีกชั้นหนึ่ง แล้วโปรดฯ ให้หล่อด้วยเงินบริสุทธิ์ขึ้นอีกองค์ เป็นของคู่กันทรงนำไปประดิษฐาน ณ หอพระสุราไลยพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร ส่วนองค์ทองคำนั้น โปรดให้เชิญออกงานในพิธีต่างๆ โดยตั้งบนโต๊ะเบื้องขวาของพระแท่นมณฑล มีพระราชพิธีสัมภัจฉรฉิน เป็นต้น
ในปี พ.ศ. 2411 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ คุมช่างหล่อถ่ายแบบพิมพ์พระนิรันตรายขึ้นใหม่ด้วยทองเหลืองแล้วจะกะไหล่ทองจำนวน 18 องค์เท่ากับปีเสวยราชย์ และยังทรงพระราชดำริจะหล่ออีกปีละองค์ ตลอดพระชนมายุ แลพระพุทธที่ลอกพิมพ์ทรงหล่อใหม่นี้ พระราชทานถวายนามเหมือนกันหมดว่า พระนิรันตรายพระหล่อใหม่ ยังมิทันกะไหล่ทอง ก็มีเหตุอันมิคาดฝันเกิดขึ้น กล่าวคือพระองค์สวรรคตเสียก่อน การจึงค้างอยู่
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เจริญรอยตามพระยุคลบาท โปรดเกล้าฯ ให้ช่างดำเนินการกะไหล่ทองต่อมาจนสำเร็จบริบูรณ์ทั้ง 18 องค์ แล้วพระราชทานไปตามพระอารามต่างๆ ที่คณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกายครองวัด เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงองค์ผู้จัดตั้งนิกายขึ้น
1. 1.วัดราชาธิวาส
2. วัดบวรนิเวศวิหาร
3. วัดเทพศิรินทราวาส
4. วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม
5. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
6. วัดบรมนิวาส
7. วัดมกุฏกษัตริยาราม
8. วัดโสมนัสวิหาร
9. วัดบุรณศิริมาตยาราม
10. วัดราชผาติการาม
11. วัดปทุมวนาราม
12. วัดสัมพันธวงศ์
13. วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ
14. วัดเสนาสนาราม
15. วัดเขมาภิรตาราม
16. วัดยุคันธราวาส
17. วัดบุปผาราม
18. วัดเครือวัลย์ |
| ราคาเปิดประมูล | 700 บาท |
| ราคาปัจจุบัน | 800 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
| เพิ่มขึ้นครั้งละ | 100 บาท |
| วันเปิดประมูล | - 15 ส.ค. 2556 - 11:15:01 น. |
| วันปิดประมูล | - 22 ส.ค. 2556 - 16:09:16 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
| ผู้ตั้งประมูล | sudjarit (4.2K)    
|
