(0)
กุมารดูดทรัพย์ ขนาดเล็ก หลังยันต์เฑาะณ์ เลี่ยมพลายสติกอย่างหนาหันข้างทรงกลมใส่น้ำมันงาเสก หลวงปู่บัว พร้อมใช้ มูลนิธิหลวงปู่ทิม สร้างวาระตรุษจีน2554 หนึ่งในตำนาน ยอดขุนพลบ้านค่าย








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องกุมารดูดทรัพย์ ขนาดเล็ก หลังยันต์เฑาะณ์ เลี่ยมพลายสติกอย่างหนาหันข้างทรงกลมใส่น้ำมันงาเสก หลวงปู่บัว พร้อมใช้ มูลนิธิหลวงปู่ทิม สร้างวาระตรุษจีน2554 หนึ่งในตำนาน ยอดขุนพลบ้านค่าย
รายละเอียดกุมารดูดทรัพย์ ขนาดเล็ก หลังยันต์เฑาะณ์ เลี่ยมพลาสติกอย่างหนาหันข้างทรงกลม ใส่น้ำมันงาเสก หลวงปู่บัว พร้อมใช้ มูลนิธิหลวงปู่ทิม สร้างวาระตรุษจีน2554 หนึ่งในตำนาน ยอดขุนพลบ้านค่าย http://www.youtube.com/watch?v=iRJBIN5SqBY
เขียนโดย Administrator
พุธ, 26 มกราคม 2011
ในการกอบกู้เอกราชของชาติไทยเมื่อ ๒๕๐ ปีมาแล้ว พระยาวชิรปราการ หรือพระยาตากยอดขุนพลผู้ที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าจากเจ้าเมืองตากให้เป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร ในตำแหน่งพระยาวชิรปราการ ยังไม่ทันได้ดำรงตำแหน่งก็มีหมายเรียกให้เข้ามาป้องกันพระนครศรีอยุธยาที่ถูกพม่าข้าศึกมาล้อมไว้ เพราะท่านเป็นแม่ทัพที่เข้มแข็ง หลังจากที่เข้ามาเป็นแม่ทัพป้องกันพระนครก็เกิดการท้อใจ เพราะการป้องกันพระนครอ่อนแอเชื่อแน่ว่ากรุงศรีอยุธยาต้องถูกพม่าตีแตกแน่ จึงนำทหารในบังคับบัญชาห้าร้อยคนตีฝ่าทหารพม่าออกมา มุ่งหน้าไปทางตะวันออก ยึดเมืองระยองไว้เป็นฐานที่มั่น จากคำเล่าลือที่เล่าขานกันเป็นตำนานพระองค์นำทหารและครอบครัวมาตั้งค่ายอยู่ริมแม่น้ำบ้านค่าย ตรงข้ามวัดละหารใหญ่ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ในบริเวณที่เรียกกันในปัจจุบันว่า “บ้านหนองบัว” บริเวณนี้เป็นทุ่งกว้าง มีแม่น้ำบ้านค่ายไหลผ่าน ท่านตั้งทัพใกล้ๆกับหล่มน้ำเย็น หรือ วังสามพญา ซึ่งเป็นวังน้ำที่ประหลาดอยู่ ในแม่น้ำบ้านค่าย แม่น้ำในบริเวณนั้นเป็นหล่มน้ำลึก และน้ำนั้นเย็นผิดปกติ นอกจากคำบอกเล่าจนเป็นตำนานว่า เจ้าตากได้เอาช้างศึก ม้าศึกมาอาบน้ำก่อนยกทัพเข้าตีเมืองจันทบูรณ์ ทั้งได้สร้างพระยอดธงพระเจ้าตาก ไว้ที่วัดละหารใหญ่ ก่อนที่หลวงปู่ทิมจะชี้ที่ให้สร้างศาลาภาวนาภิรัต ท่านก็ให้ขุดจอมปลวกขนาดใหญ่ออก ก็พบกระดูกหัวกะโหลกคนโบราณ บรรจุอยู่ในกาน้ำบ้าง บรรจุอยู่ในหม้อดินบ้าง กว่าร้อยหัว และใต้กองกระดูกพบโหลหกจีบ บรรจุน้ำมันตกตะกอนจนใสขาว ท่านแสดงอาการดีใจ และให้ไปตัดยอดตองมาทำเป็นกรวยปลายแหลมห่อไว้ พร้อมทั้งลงอักขระเลขยันต์กำกับ ท่านเอ่ยปากเรียกว่า “น้ำมันพระเจ้าตาก” จนเป็นตำนานเล่าลือเกี่ยวข้องกับการสร้างพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ของท่าน โดยเฉพาะพระขุนแผนพรายกุมาร หรือยอดขุนพลบ้านค่ายของท่าน
ทุกครั้งที่ทางราชการมีหมายให้แต่ละจังหวัดตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำมาทำพิธีพุทธาเทวาภิเษกให้เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดระยองได้มาทำพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่หล่มน้ำเย็น หรือวังสามพญาทุกครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งจังหวัดระยองได้ทำหนังสือเป็นที่ระลึกแจกในวันตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ว่า ผู้เฒ่าผู้แก่ที่วัดละหารไร่ ที่ยังมีชีวิตอยู่บอกเล่าให้ฟังว่า เคยเห็นหลวงปู่ทิมลงไปทำตะกรุดขึ้นมาและจีวรไม่เปียกน้ำ และในขณะนี้ วัดละหารไร่กำลังจะปรับปรุงวังสามพญาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ของจังหวัดระยอง ประมาณว่าต้องใช้งบประมาณประมาณ ๓ ล้านบาท มูลนิธิหลวงปู่ทิมซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ศิษย์หลวงปู่ทิมได้ร่วมได้ก่อตั้งขึ้น เพื่อทะนุบำรุงวัดละหารไร่และประกอบสาธารณะกุศลได้สร้างยอดขุนพลบ้านค่าย และพรายอีส้ม ขึ้นประดิษฐานไว้ ณ วัดละหารไร่ใกล้ๆ กับวังสามพญา โดย จะอัญเชิญขุนแผนและพรายอีส้มเข้าซุ้มขุนแผนในวันพุธที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของพี่น้องชาวจีนพอดี
พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ เนื้อนวโลหะก้นทองคำ

พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ เนื้อนวโลหะก้นเงิน
พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถเนื้อนวโลหะก้นอุดผง
พระชัยวัฒน์ชินบัญชรโลกนาถเนื้อนวโลหะ

เหรียญชินบัญชรโลกนาถ เนื้อทองคำ
เหรียญชินบัญชรโลกนาถ เนื้อนวโลหะ
เหรียญชินบัญชรโลกนาถ

พรายเดี่ยว เนื้อผง

พรายคู่ เนื้อผง
กุมารดูดทรัพย์
กุมารดูดทรัพย์ ขนาดใหญ่



กุมารดูดทรัพย์ ขนาดกลาง
กุมารดูดทรัพย์ ขนาดเล็ก
ในงานขึ้นปีใหม่จีนปีนี้ มูลนิธิหลวงปู่ทิมอิสริโก และวัดละหารไร่ จะประกอบพิธีมงคลขึ้นหลายอย่าง วางศิลาฤกษ์หอระฆัง เททองหล่อระฆังพร้อมทั้งปลุกเสกยอดขุนพลบ้านค่าย และพรายอีส้มในเย็นวันเดียวกัน รุ่งขึ้นจะฉลองสมโภช โดยคณะสิงโตศิษย์หลวงปู่ทิม พร้อมทั้งรำไทยแก้บนพรายอีส้มซึ่งแสดงความศักดิ์สิทธิ์ให้เห็นตั้งแต่ยังไม่ได้หล่อเป็นองค์ แต่ก็สร้างนิมิตให้เป็นรูปร่างหน้าตาจนปฎิมากรปั้นรูปได้อย่างถูกต้อง จนประทับใจผู้พบเห็น ซ้ำยังให้โชคลาภแก่ผู้ปั้น ขณะเพียงเตรียมงานขึ้นหุ่นเท่านั้น
งานสืบสานตำนานยอดขุนพลบ้านค่ายและพรายอีส้ม เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นปีที่ ๓๕ ที่มูลนิธิหลวงปู่ทิมและวัดละหารไร่ทำบุญถวายกุศลแก่หลวงปู่ทิมทุกปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ที่ผ่านมานอกจากจะมีพิธียกยอดฉัตรขึ้นสู่ยอดเจดีย์ภาวนาภิรัตแล้ว ยังมีการหล่อรูปขุนแผนพรายกุมาร และเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชรโลกนาถขึ้นไปพร้อมกันด้วย โดยมีพระครูสังฆกิจบูรพา หรือหลวงปู่บัว ยอดเกจิอาจารย์เมืองตราด ผู้กำลังโด่งดังในขณะนี้เป็นผู้เททอง พร้อมทั้งยกยอดฉัตรขึ้นสู่มหาเจดีย์ภาวนาภิรัต ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีความมหัศจรรย์เกิดขึ้น ควันไฟจากเตาสุมทองลอยขึ้นไปบนอากาศรวมตัวกับยอดไม้ถ่ายภาพออกมาเห็นเป็นรูปพระเข้าตากนั่งบัลลังก์ อิริยาบทเดี่ยวกับรูปเหมือนพระเจ้าตากที่มูลนิธิหลวงปู่ทิมสร้างขึ้นไว้แล้วประดิษฐานไว้ในวิหาร เมื่อนำภาพนี้ออกเผยแพร่ เพียงไม่กี่สื่อ พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ ก็จองกันเกือบหมด จะเหลือก็แต่พระชัยวัฒน์ที่เททองหล่อเมื่อได้ฤกษ์ยกยอดฉัตรและเททองหล่อพระกริ่งเท่านั้น
ด้วยภารกิจที่มูลนิธิหลวงปู่ทิมและวัดละหารไร่กำลังดำเนินการอยู่มีการ สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม งบประมาณ ๑๕ ล้านบาท ปรับปรุงวังสามพญาประมาณ ๓ - ๕ ล้านบาท ช่วยเด็กกำพร้ากว่า ๗๐๐ ชีวิต ที่วัดโบสถ์วรดิตถ์ จ.อ่างทอง และกิจกรรมต่างๆของมูลนิธิหลวงปู่ทิมซึ่งมีให้ทุนการศึกษา มีหน่วยเคลื่อนที่กู้ภัยในจังหวัดระยอง จึงจำเป็นต้องมีการสร้างวัตถุมงคลเพื่อหาเงินมาใช้ในกิจการในครั้งนี้ พระเครื่องชุดหนึ่งในตำนานขุนพลบ้านค่ายจึงต้องเกิดขึ้นเพื่อหาปัจจัยมาดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวประกอบด้วย

๑. พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ
ถ้าจะเรียกชื่อว่าสามยอดตะวันออกก็คงจะไม่ผิด พระกริ่งรุ่นนี้ถอดพิมพ์จากพระกริ่งเทพโมลี ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชแพ ทรงสร้างไว้เป็นครั้งแรกเมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีพ.ศ. ๒๔๔๑ จำนวนน้อยที่สุด ทรงสร้างเพียง ๙ องค์ เป็นที่เสาะแสวงหากัน ของผู้นิยมพระกริ่ง ประสกแพรสีทองและชินพร สุขสถิตย์เห็นพ้องต้องกันว่า ถ้านำเอาแบบพระกริ่งเทพโมลีมาถอดพิมพ์เพื่อให้ผู้ที่ประสงค์อยากจะได้ มีไว้ไช้และได้ พระกริ่งชุดนี้มาครอบครองแทน ทั้งสองท่านจึงรวบรวมเอาชนวนของพระกริ่งตระกูลชินบัญชรและชนวนพระกริ่งโลกนาถมาสร้างขึ้นและอัญเชิญ หลวงปู่บัว วัดเกาะตะเคียน จ.ตราด ซึ่งกำลังโด่งดังอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นองค์เทองพร้อมกับพิธีอัญเชิญยอดฉัตรขึ้นสู่มหาเจดีย์ภาวนาภิรัต และในขณะเททองหล่อพระกริ่งก็เกิดมหัศจรรย์ขึ้น ควันจากเตาหลมทองเกาะจับกับต้นไม้เป็นภาพพระเจ้าตากสินมหาราชนั่งตระหง่านอยู่เหนือวัดละหารไร่ และถ้าพิจารณาภาพให้ละเอียดจะเห็นภาพสี่ทหารเสือที่อยู่ในธนบัตรรุ่นเก่าใบละ ๒๐ บาทอีกด้วย หลายรายที่เห็นภาพนี้ต่างยอมรับเป็นภาพที่เกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ร้อยวัดพันวัดที่สร้างพระเครื่องรูปหล่อพระเจ้าตากก็ไม่เคยมีวัดใดมีภาพอย่างนี้ให้เห็น และก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ มีผู้จับจองกันหมดเหลือแต่พระชัยวัฒน์อุดผงก้นด้วยผงพรายกุมาร
๒. เหรียญชินบัญชรโลกนาถ
เหรียญที่สร้างเป็นที่ระลึกถึงการกำเนิดของพระกริ่งชินบัญชรโลกนาถ หรือสามยอดตะวันออก ด้านหน้าเป็นรูปพระกริ่งและกอบัว สื่อถึงพระพุทธะ ผู้รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้านหลังเป็นยันต์ครูตำรับหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จ.จันทบุรีอันลือเลือง โดยปรับแต่งให้สมบูรณ์ขึ้น เนื้อทองแดงผสมชนวน รมมันปูจำนวน ๙,๙๒๒ เหรียญ, เหรียญทองคำจำนวน ๒๒ เหรียญ ... โดยเหรียญชินบัญชรโลกนาถทุกเนื้อ จะนำไปขอบารมีจากหลวงปู่ผาด อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวด้วยเป็นพิเศษ ก่อนนำเข้าพิธีปิดท้ายที่วัดละหารไร่ ๓ - ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ นี้
๓. พรายคู่พรายเดี่ยว
ก่อนที่หลวงปู่ทิมจะสร้างขุนแผนพรายกุมารอย่างเป็นทางการ คือ สร้างเพื่อออกให้บูชามีจำนวนมาก ท่านได้สร้างพระผงพรายกุมาร “พรายเดี่ยว” และ “พรายคู่” ขึ้นมาก่อน เพื่อให้เป็นตำนานสืบสารการย้อนยุค ครั้งนี้จึงได้สร้างพรายเดียวและพรายคู่ขึ้นมาด้วย ก่อนดำเนินการกดแม่พิมพ์เป็นองค์พระเครื่อง พรายเดียว พรายคู่ และพรายเดี่ยว คุณวาริน ชมพูศรี บ้านอยู่วังกะพี อุตรดิตถ์ได้ส่งเหล็กน้ำพี้จากบ่อพระแสงมาให้ถึง ๔ กก. ทั้งยังบดละเอียดมาให้ด้วย นอกจากนี้ อ.วันชัย สุพรรณ โฆษกระดับชาติ ยังมอบผงไม้ตะเคียนทองอายุกว่า ๒๐๐ ปีให้อีก จึงนำมาผสมในเนื้อพระพรายเดี่ยวและพรายคู่ เป็นการเพิ่มพลังของผงและโลหะพิเศษที่บรรพบุรุษใช้สร้างหอก ดาบ ปกป้องคุ้มครองประเทศชาติมาแล้ว

กุมารดูดทรัพย์ น้ำมันพราย และสีผึ้ง
พรายกุมารหรือกุมารดูดทรัพย์ สร้างตามแบบฉบับของหลวงปู่ทิม ลักษณะเป็นรูปกุมารที่นอนอยู่ในท้องแม่ มีขนาดโตจนใกล้คลอด ปากดูดรกซึ่งเป็นอาหาร ที่แม่กินเข้าไป แล้วส่งมาหล่อเลี้ยงกุมารทางสายรก ซึ่งถือว่ากินไม่รู้จบ เป็นเคล็ดอย่างหนึ่งที่หลวงปู่ทิมท่านให้สร้างกุมารในลักษณะนี้ เพื่อจะให้กุมารได้ช่วยทำมาหากิน หาเงิน หาทอง ให้ผู้เป็นเจ้าของตลอด แบบมีกินไม่รู้จบ กุมารทองดูดทรัพย์สร้างไว้ทั้งหมด ๔ แบบ ขนาด จัมโบ้จำนวน ๒๒ องค์ จะอยู่ในอ้อมแขนของขุนแผน มีให้บูชา ตนละ ๘,๐๐๐ บาท ถัดมาเป็นกุมารขนาดใหญ่ จำนวนเพียง ๕๒๒ ตน ขนาดกลาง และขาดเล็ก สร้างจำนวน ๒,๒๒๒ ตน กุมารทุกตนจะย่างในน้ำมันพรายอีส้ม ในเย็นวันพฤหัสบดีที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ซึ้งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของพี่น้องไทยเชื่อสายจีนและเถลิงศกใหม่วัดละหารไร่ก็จะประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์หอระฆังบริเวณหน้าศาลาวิจิตรธรรมาภิรัต มูลนิธิหลวงปู่ทิมก็จะประกอบพิธีพุทธาภิเษกและสมโภช พระกริ่งชินบัญชรโลกนาถเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกันนั้นจะประกอบพิธีอัญเชิญขุนแผนยอดขุนพลบ้านค่ายและพรายอีสี้ม เข้าสุ้มขุนแผนและจะหุงสีผึ้ง กวนน้ำมันพราย และทำพิธีย่างกุมารไปพร้อมกัน การหุงสีผึ้ง กวนน้ำมันพราย และย่างกุมาร จะทำตามแบบโบราณกันราชวัตตรฉัตรธง ดาดเพดานด้วยผ้าขาวลงพระยันต์ตรีนิสิงเห ยันต์มหาราช ยันต์แปดทิศ ยันต์ห้ายันต์ครูหลวงปู่ทิม จะตั้งก้อนเสา กวนสีผึ้งและย่างกุมารในน้ำมันพราย มีพระเกจิอาจารย์ศิษย์หลวงปู่ทิม นั่งปรกปลุกเสกสี่ทิศ มีหลวงพ่อสินวัดละหารใหญ่ หลวงพ่อศุข วัดป่าประดู่ จังหวัดระยอง หลวงพ่อสุข วัดหนองฆ้อ ศิษย์ฆารวาส ศิษย์คนสุดท้ายของหลวงปู่ทิมที่ปลุกเสกแล้วตระกรุดไม่ละลายในความร้อน กว่า ๑,๐๐๐ องศา มาประกอบพิธี กวนสีผึ้ง และย่างในน้ำมันพราย โดยเอาอีสีผึ้งพรายอีส้ม ที่หลวงปู่ทิมทำไว้เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อปลายปี ๒๕๑๘ แล้วมอบให้หลวงตารอดเก็บรักษาไว้ ได้มอบให้อาจารย์ชินพรมาส่วนหนึ่ง คล้ายกับจะรู้ล่วงหน้าว่าต้องเอามาทำของสำคัญหาเงินช่วยวัด

www.mahalap34.com

มีหลายรายการเปิดวัดใจ เชิญชวนร่วมทำบุญ
http://www2.g-pra.com/auction/searchuser.php?strsearch=mahalap&type=0&cate=99
ราคาเปิดประมูล579 บาท
ราคาปัจจุบัน599 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 22 ก.ค. 2556 - 20:51:11 น.
วันปิดประมูล - 24 ก.ค. 2556 - 23:24:33 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลmahalap (5.1K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     599 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    saranphat (5.1K)(2)

 

Copyright ©G-PRA.COM