ชื่อพระเครื่อง | เหรียญลายมือลายเซ็นภูริทัตโตอนุสรณ์พระอาจารย์มั่นปี46 |
รายละเอียด | สถิตพลัง พระธรรมธาตุ พระอาจารย์มั่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งยุค
พิธีการมังคลาภิเษกเหรียญลายมือลายเซ็นภูริทัตโตอนุสรณ์รุ่นนี้ ได้กระทำอย่างพิเศษและยิ่งใหญ่ที่สุดโดยได้อัญเชิญเหรียญทั้งสิ้นขึ้นประดิษฐานข้างมณฑปทันตธาตุ ของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่วัดเจดีย์หลวง จ. เชียงใหม่ ในมหาพิธียกช่อฟ้าพระวิหารพระอาจารย์มั่น เมื่อปีพ.ศ.2546 โดยพระวิหารหลังนี้ ได้สร้างทับตรงบริเวณที่พระอาจารย์มั่นเคยมาพำนักปฏิบัติธรรมสมัยที่ตามท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) มาที่วัดเจดีย์หลวงเพื่อราวปีพ.ศ. 2484
มหาพิธีในครั้งนั้น มีพระมหาเถรานุเถระอาวุโสที่เป็นศิษย์สายตรงในท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จำนวนมากอย่างอาวุโสที่เป็นศิษย์สายตรงในท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จำนวนมากอย่างเต็มรูปแบบไม่ต่ำกว่า 108 รูปด้วยกัน โดยได้รับความเมตตาจากท่านพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี พระอริยเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐสุดและเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตมากและนานที่สุดองค์หนึ่งเป็นองค์ประธานอธิษฐานจิตและยกช่อฟ้าด้วยองค์ของท่านเอง
เหรียญภูริทัตโตอนุสรณ์ ซึ่ง"พุทธวงศ์"ได้ดำเนินการออกแบบ,จัดสร้างถวายเป็นอนุสรณ์ดังกล่าว ได้อัญเชิญไปประดิษฐานโยงสายสิญจน์อยู่ประชิดติดกับบุษบกที่ประดิษฐานอัฐิธาตุและทันตธาตุฟันกราม ของหลวงปู่มั่น ในพระวิหารซึ่งสร้างทับบริเวณกุฏิเก่าที่ท่านพระอาจารย์มั่น ได้เคยมาพำนักบำเพ็ญภาวนา อันเป็นจุดศูนย์กลางแห่งมหาพลังและมหาบารมีแห่งบรมพิธีทั้งปวง อันจะหาใดอื่นมาเสมอเหมือนมิได้อย่างแน่แท้ มีพระมหาเถระนุเถระทั้งสายกรรมฐานและเมืองเหนือร่วมเจริญพระพุทธมนต์สมโภชโมทนาจำนวนมากถึง 350 รูปด้วยกัน แลดูอลังการละลานตาละลานใจไปทั่ว โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี พระอัครอรหันต์เจ้าแห่งสยามประเทศ ซึ่งเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดที่สุดและรับถ่ายทอดปฏิปทาจากองค์หลวงปู่มั่นมามากที่สุดเป็นองค์ประธานในการพิธีทั้งปวงอย่างดียิ่งและสมบูรณ์แบบที่สุด
ทั้งนั้น เห็นจะเป็นทั้งในส่วนแห่งความกตัญญูผูกพันส่วนตัวกับพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ที่ลึกซึ้งยิ่งใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดประการหนึ่ง
และทั้งด้วยฐานะที่ท่านหลวงตามหาบัวนั้น มีความผูกพันในฐานที่เป็นตุ๊เจ้าหลวงซึ่งเป็นศิษย์เก่าของวัดเจดีย์หลวงนี้มาแต่เดิมอีกประการหนึ่ง.....
เพราะท่านได้เล่าเรียนปริยัติธรรมจนสำเร็จเปรียญ 3 ประโยค จนได้ชื่อนำหน้าว่าเป็นมหา ก็บ่แม่นที่แผ่นดินอีสานบ้านเกิดของเพิ่นแต่อย่างใด
แต่ตุ๊เจ้าหลวงบัวได้กลายเป็นพระมหาบัว กลับเป็นที่สำนักเรียนของ วัดเจดีย์หลวง กลางเวียงเจียงใหม่แต๊ๆเมื่อปี๋พ.ศ. 2484 นี่แหละเจ้า................
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เป็นที่น่าแปลกและอัศจรรย์อันใดเลย ที่หลวงตามหาบัวท่านจะได้อธิษฐานจิต ทำน้ำมนต์ในมหาพิธีนี้ให้อย่างเนิ่นนานเป็นพิเศษยิ่งกว่าพิธีใดๆทั้งสิ้น
ซ้ำท่านก็ยังได้เป่าลมปราณสลับกับการเจริญพุทธคาถาลงในขันน้ำมนต์ศิลา ที่ผูกสายสิญจน์โยงไปถึงพระวิหารปู่มั่นและเหรียญภูริทัตโตอนุสรณ์นี้ถึง 3 ครั้ง 3 ครา สำทับให้อีกต่างหากด้วย!!!
ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นจากที่ใดมาก่อนเลย
จากนั้น เมื่อถึงคราวยกช่อฟ้าวิหารหลวงปู่มั่น เมื่อหลวงตามหาบัวผูกผ้าสีปิดทองที่ช่อฟ้าแล้ว ท่านก็เรียกหาน้ำมนต์ที่ท่านทำไว้เมื่อกี้ในทันที.........
เรื่องตอนนี้ เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ในญานหยั่งรู้ของหลวงตามหาบัวโดยแท้ โดยท่านพระครูปลัดสุวัฒนวรคุณ วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดในท่านเจ้าคุณพระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) (ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นและเป็นสหธรรมิกใกล้ชิดกับหลวงตามหาบัวมาแต่เดิม)เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง องค์ปัจจุบันได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า
ตอนแรกนั้น หลวงตาท่านถามหาน้ำมนต์เพื่อมาพรมช่อฟ้า เจ้ารุ่ง(ศิษย์วัด)ไปคว้าเอาขันน้ำมนต์ที่ไหนมาก็ไม่รู้มาให้ หลวงตามหาบัวพอมองดูแล้วก็บอกปัดทันทีเลยว่า นี่ไม่ใช่น้ำมนต์ที่ท่านทำเมื่อกี้ ให้ไปเอาน้ำมนต์ของจริงที่ท่านเพิ่งทำมาให้เสียโดยทันที เลยต้องวิ่งกลับไปเอาขันน้ำมนต์แท้ๆมาแทนกันแทบไม่ทัน น่าอัศจรรย์ใจแท้ๆ ที่น้ำมนต์ธรรมดาๆ หลวงตาก็ยังรู้ได้ว่า นี่ไม่ใช่น้ำมนต์ที่ท่านทำ......
ตาในอันแจ่มใสของท่านหลวงตาพระมหาบัว ช่างน่ามหัศจรรย์โดยแท้
ก็ความพิเศษสุดแห่งน้ำมนต์ที่ท่านเพิ่งทำสดๆเมื่อสักครู่ดังกล่าว คงจะยูนีค(unique)จนไม่อาจจะเอาน้ำมนต์อื่นใดมาทดแทนเป็นแน่
เผลอๆ พระธรรมธาตุของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ จะได้รับการอัญเชิญมาสถิตเสถียรพร้อมกันนี้ด้วย ก็อาจเป็นไปได้อย่างยิ่งเลยทีเดียว
และตอนที่หลวงตามหาบัว ท่านกำลังยกช่อฟ้าพระวิหาร หลวงปู่มั่นอยู่นั่น ก็ได้ปรากฏเหตุอัศจรรย์ขึ้นอีกครา
ภาพๆหนึ่ง ที่ถ่ายในโอกาสบัดเดี๋ยวนั้น ปรากฏแสงรัศมีเป็นสีรุ้งพุ่งวาบผ่านช่อฟ้าจากดวงอาทิตย์มา เห็นได้ถนัดตา น่าตื่นตาตื่นใจเป็นนักๆ
หากจะว่า เป็นแสงแดดยามบ่ายย้อนมา ก็อาจจะว่าได้
แต่เหตุที่น่าสงสัยก็คือ ทำไม จึงมีประกายสีรุ้งเจิดจ้าแต่เพียงแถบเดียวเป็นหลักใหญ่เท่านั้น
บริเวณขอบข้างอื่นๆ หามีไม่
แต่การดังนี้ ผู้รู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวได้ให้อรรถาธิบายในทันทีเลยทีเดียวว่า
นี้แล.. คือฉัพพรรณรังสีแห่งพระอรหันตเจ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัยแท้เทียว....
สาธุ.........................................
และเมื่อหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนยกช่อฟ้าวิหารพระอาจารย์มั่นเสร็จ หลวงตามหาบัวถึงกับเทศน์ออกไมค์ต่อหน้าผู้คนนับพันที่มาร่วมพิธีในครั้งนั้นเลยทีเดียว อันมีใจความว่า
ในพิธีอันเป็นมหามงคลในครั้งนี้ ได้มีเทวดามาร่วมอนุโมทนาสาธุการเต็มไปหมด ไม่ต่างอะไรกับตอนที่พระอาจารย์มั่นจะเดินทางกลับจากเชียงใหม่ไปยังภาคอีสานบ้านเกิดสมัยนั้น ท่านพระอาจารย์มั่นก็เคยบอกไว้เช่นกันว่า มีเทวดาเมืองเชียงใหม่มาส่งท่านด้วยความอาลัยอาวรณ์มากมายจนเหลือที่จะคณานับ แม้ในวันนี้ เทวดาก็มาร่วมอนุโมทนาในการยกช่อฟ้าวิหารพระอาจารย์มั่นมากดุจเดียวกัน..!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หรือว่า ในมหาพิธีบรรจุพระทันตธาตุและยกช่อฟ้าวิหารพระอาจารย์มั่นในครานี้ ท่านจะมาร่วมอนุโมทนาสาธุการด้วยจริงๆ???????
แต่....หน่วยสืบราชการลับ(ทางจิต) ซึ่งมีความแม่นยำสูงบางท่านก็กล่าวรับรองเมื่อได้สัมผัสพลังภายในเหรียญรุ่นนี้อย่างน่าตื่นตะลึงลานไม่น้อยว่า
เหมือนกับพระอาจารย์มั่นมาอธิษฐานด้วยองค์เองเลย...!!!!!????!!!!!
สมแล้ว ที่แม้แต่คุณสุธันย์ สุนทรเสวี สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงคราม นักสร้างพระมือดีแห่งยุคยังต้องออกวาจาการันตีเหรียญลายมือลายเซ็น รุ่นนี้เลยทีเดียวว่า
เหรียญรุ่นนี้ มีพลังเทียบเท่ากับเหรียญมั่นเสาร์รุ่นแรก (ที่กล่าวกันว่า พระอาจารย์มั่นได้อธิษฐานจิตด้วยองค์ของท่านเอง) เลยทีเดียวนะ..!!!!!!!!
นึกหาสาเหตุด้วยใจที่เป็น กลาง แบบไม่เข้าข้างตัวเองอย่างเที่ยงธรรมและไม่อุตริมนุสธรรมมากเกิน ก็พอที่จะอนุมานได้ว่า
เหตุที่เหรียญลายมือลายเซ็นรุ่นนี้ มีพลังเหมือนกับพระอาจารย์มั่นมาอธิษฐานด้วยองค์เอง หรือ มีพลังเทียบเท่ากับเหรียญมั่นเสาร์รุ่นแรกนั้น อาจจะเกิดจากการที่ได้อัญเชิญเหรียญนี้ตั้งประชิดติดกับมณฑปพระทันตธาตุแห่งท่านพระอาจารย์มั่น ในมหาพิธีที่สุดยิ่งใหญ่ ซึ่งมีหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของท่านพระอาจารย์มั่นเป็นประธานกระมัง?????
แต่...ก็ไม่ได้ตัดประเด็นที่ว่า พระอาจารย์มั่น ท่านมาด้วยทิพยสภาวะหรือ ธรรมธาตุ(จิตพระอรหันต์ที่ดับขันธ์ไปแล้ว) จริงๆ.!!??!!
พิธีการมังคลาภิเษกเหรียญลายมือลายเซ็นภูริทัตโตอนุสรณ์รุ่นนี้ ได้กระทำอย่างพิเศษและยิ่งใหญ่ที่สุดโดยได้อัญเชิญเหรียญทั้งสิ้นขึ้นประดิษฐานข้างมณฑปทันตธาตุ ของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่วัดเจดีย์หลวง จ. เชียงใหม่ ในมหาพิธียกช่อฟ้าพระวิหารพระอาจารย์มั่น เมื่อปีพ.ศ.2546 โดยพระวิหารหลังนี้ ได้สร้างทับตรงบริเวณที่พระอาจารย์มั่นเคยมาพำนักปฏิบัติธรรมสมัยที่ตามท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) มาที่วัดเจดีย์หลวงเพื่อราวปีพ.ศ. 2484
มหาพิธีในครั้งนั้น มีพระมหาเถรานุเถระอาวุโสที่เป็นศิษย์สายตรงในท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จำนวนมากอย่างเต็มรูปแบบไม่ต่ำกว่า 108 รูปด้วยกัน โดยได้รับความเมตตาจากท่านพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี พระอริยเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐสุดและเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตมากและนานที่สุดองค์หนึ่งเป็นองค์ประธานอธิษฐานจิตและยกช่อฟ้าด้วยองค์ของท่านเอง
เหรียญภูริทัตโตอนุสรณ์ ซึ่ง"พุทธวงศ์"ได้ดำเนินการออกแบบ,จัดสร้างถวายเป็นอนุสรณ์ดังกล่าว ได้อัญเชิญไปประดิษฐานโยงสายสิญจน์อยู่ประชิดติดกับบุษบกที่ประดิษฐานอัฐิธาตุและทันตธาตุฟันกราม ของหลวงปู่มั่น ในพระวิหารซึ่งสร้างทับบริเวณกุฏิเก่าที่ท่านพระอาจารย์มั่น ได้เคยมาพำนักบำเพ็ญภาวนา อันเป็นจุดศูนย์กลางแห่งมหาพลังและมหาบารมีแห่งบรมพิธีทั้งปวง อันจะหาใดอื่นมาเสมอเหมือนมิได้อย่างแน่แท้ มีพระมหาเถระนุเถระทั้งสายกรรมฐานและเมืองเหนือร่วมเจริญพระพุทธมนต์สมโภชโมทนาจำนวนมากถึง 350 รูปด้วยกัน แลดูอลังการละลานตาละลานใจไปทั่ว โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี พระอัครอรหันต์เจ้าแห่งสยามประเทศ ซึ่งเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดที่สุดและรับถ่ายทอดปฏิปทาจากองค์หลวงปู่มั่นมามากที่สุดเป็นองค์ประธานในการพิธีทั้งปวงอย่างดียิ่งและสมบูรณ์แบบที่สุด
ทั้งนั้น เห็นจะเป็นทั้งในส่วนแห่งความกตัญญูผูกพันส่วนตัวกับพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ที่ลึกซึ้งยิ่งใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดประการหนึ่ง
และทั้งด้วยฐานะที่ท่านหลวงตามหาบัวนั้น มีความผูกพันในฐานที่เป็นตุ๊เจ้าหลวงซึ่งเป็นศิษย์เก่าของวัดเจดีย์หลวงนี้มาแต่เดิมอีกประการหนึ่ง.....
เพราะท่านได้เล่าเรียนปริยัติธรรมจนสำเร็จเปรียญ 3 ประโยค จนได้ชื่อนำหน้าว่าเป็นมหา ก็บ่แม่นที่แผ่นดินอีสานบ้านเกิดของเพิ่นแต่อย่างใด
แต่ตุ๊เจ้าหลวงบัวได้กลายเป็นพระมหาบัว กลับเป็นที่สำนักเรียนของ วัดเจดีย์หลวง กลางเวียงเจียงใหม่แต๊ๆเมื่อปี๋พ.ศ. 2484 นี่แหละเจ้า................
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เป็นที่น่าแปลกและอัศจรรย์อันใดเลย ที่หลวงตามหาบัวท่านจะได้อธิษฐานจิต ทำน้ำมนต์ในมหาพิธีนี้ให้อย่างเนิ่นนานเป็นพิเศษยิ่งกว่าพิธีใดๆทั้งสิ้น
ซ้ำท่านก็ยังได้เป่าลมปราณสลับกับการเจริญพุทธคาถาลงในขันน้ำมนต์ศิลา ที่ผูกสายสิญจน์โยงไปถึงพระวิหารปู่มั่นและเหรียญภูริทัตโตอนุสรณ์นี้ถึง 3 ครั้ง 3 ครา สำทับให้อีกต่างหากด้วย!!!
ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นจากที่ใดมาก่อนเลย
จากนั้น เมื่อถึงคราวยกช่อฟ้าวิหารหลวงปู่มั่น เมื่อหลวงตามหาบัวผูกผ้าสีปิดทองที่ช่อฟ้าแล้ว ท่านก็เรียกหาน้ำมนต์ที่ท่านทำไว้เมื่อกี้ในทันที.........
เรื่องตอนนี้ เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ในญานหยั่งรู้ของหลวงตามหาบัวโดยแท้ โดยท่านพระครูปลัดสุวัฒนวรคุณ วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดในท่านเจ้าคุณพระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) (ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นและเป็นสหธรรมิกใกล้ชิดกับหลวงตามหาบัวมาแต่เดิม)เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง องค์ปัจจุบันได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า
ตอนแรกนั้น หลวงตาท่านถามหาน้ำมนต์เพื่อมาพรมช่อฟ้า เจ้ารุ่ง(ศิษย์วัด)ไปคว้าเอาขันน้ำมนต์ที่ไหนมาก็ไม่รู้มาให้ หลวงตามหาบัวพอมองดูแล้วก็บอกปัดทันทีเลยว่า นี่ไม่ใช่น้ำมนต์ที่ท่านทำเมื่อกี้ ให้ไปเอาน้ำมนต์ของจริงที่ท่านเพิ่งทำมาให้เสียโดยทันที เลยต้องวิ่งกลับไปเอาขันน้ำมนต์แท้ๆมาแทนกันแทบไม่ทัน น่าอัศจรรย์ใจแท้ๆ ที่น้ำมนต์ธรรมดาๆ หลวงตาก็ยังรู้ได้ว่า นี่ไม่ใช่น้ำมนต์ที่ท่านทำ......
ตาในอันแจ่มใสของท่านหลวงตาพระมหาบัว ช่างน่ามหัศจรรย์โดยแท้
ก็ความพิเศษสุดแห่งน้ำมนต์ที่ท่านเพิ่งทำสดๆเมื่อสักครู่ดังกล่าว คงจะยูนีค(unique)จนไม่อาจจะเอาน้ำมนต์อื่นใดมาทดแทนเป็นแน่
เผลอๆ พระธรรมธาตุของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ จะได้รับการอัญเชิญมาสถิตเสถียรพร้อมกันนี้ด้วย ก็อาจเป็นไปได้อย่างยิ่งเลยทีเดียว
และตอนที่หลวงตามหาบัว ท่านกำลังยกช่อฟ้าพระวิหาร หลวงปู่มั่นอยู่นั่น ก็ได้ปรากฏเหตุอัศจรรย์ขึ้นอีกครา
ภาพๆหนึ่ง ที่ถ่ายในโอกาสบัดเดี๋ยวนั้น ปรากฏแสงรัศมีเป็นสีรุ้งพุ่งวาบผ่านช่อฟ้าจากดวงอาทิตย์มา เห็นได้ถนัดตา น่าตื่นตาตื่นใจเป็นนักๆ
หากจะว่า เป็นแสงแดดยามบ่ายย้อนมา ก็อาจจะว่าได้
แต่เหตุที่น่าสงสัยก็คือ ทำไม จึงมีประกายสีรุ้งเจิดจ้าแต่เพียงแถบเดียวเป็นหลักใหญ่เท่านั้น
บริเวณขอบข้างอื่นๆ หามีไม่
แต่การดังนี้ ผู้รู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวได้ให้อรรถาธิบายในทันทีเลยทีเดียวว่า
นี้แล.. คือฉัพพรรณรังสีแห่งพระอรหันตเจ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัยแท้เทียว....
สาธุ.........................................
และเมื่อหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนยกช่อฟ้าวิหารพระอาจารย์มั่นเสร็จ หลวงตามหาบัวถึงกับเทศน์ออกไมค์ต่อหน้าผู้คนนับพันที่มาร่วมพิธีในครั้งนั้นเลยทีเดียว อันมีใจความว่า
ในพิธีอันเป็นมหามงคลในครั้งนี้ ได้มีเทวดามาร่วมอนุโมทนาสาธุการเต็มไปหมด ไม่ต่างอะไรกับตอนที่พระอาจารย์มั่นจะเดินทางกลับจากเชียงใหม่ไปยังภาคอีสานบ้านเกิดสมัยนั้น ท่านพระอาจารย์มั่นก็เคยบอกไว้เช่นกันว่า มีเทวดาเมืองเชียงใหม่มาส่งท่านด้วยความอาลัยอาวรณ์มากมายจนเหลือที่จะคณานับ แม้ในวันนี้ เทวดาก็มาร่วมอนุโมทนาในการยกช่อฟ้าวิหารพระอาจารย์มั่นมากดุจเดียวกัน..!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หรือว่า ในมหาพิธีบรรจุพระทันตธาตุและยกช่อฟ้าวิหารพระอาจารย์มั่นในครานี้ ท่านจะมาร่วมอนุโมทนาสาธุการด้วยจริงๆ???????
แต่....หน่วยสืบราชการลับ(ทางจิต) ซึ่งมีความแม่นยำสูงบางท่านก็กล่าวรับรองเมื่อได้สัมผัสพลังภายในเหรียญรุ่นนี้อย่างน่าตื่นตะลึงลานไม่น้อยว่า
เหมือนกับพระอาจารย์มั่นมาอธิษฐานด้วยองค์เองเลย...!!!!!????!!!!!
สมแล้ว ที่แม้แต่คุณสุธันย์ สุนทรเสวี สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงคราม นักสร้างพระมือดีแห่งยุคยังต้องออกวาจาการันตีเหรียญลายมือลายเซ็น รุ่นนี้เลยทีเดียวว่า
เหรียญรุ่นนี้ มีพลังเทียบเท่ากับเหรียญมั่นเสาร์รุ่นแรก (ที่กล่าวกันว่า พระอาจารย์มั่นได้อธิษฐานจิตด้วยองค์ของท่านเอง) เลยทีเดียวนะ..!!!!!!!!
นึกหาสาเหตุด้วยใจที่เป็น กลาง แบบไม่เข้าข้างตัวเองอย่างเที่ยงธรรมและไม่อุตริมนุสธรรมมากเกิน ก็พอที่จะอนุมานได้ว่า
เหตุที่เหรียญลายมือลายเซ็นรุ่นนี้ มีพลังเหมือนกับพระอาจารย์มั่นมาอธิษฐานด้วยองค์เอง หรือ มีพลังเทียบเท่ากับเหรียญมั่นเสาร์รุ่นแรกนั้น อาจจะเกิดจากการที่ได้อัญเชิญเหรียญนี้ตั้งประชิดติดกับมณฑปพระทันตธาตุแห่งท่านพระอาจารย์มั่น ในมหาพิธีที่สุดยิ่งใหญ่ ซึ่งมีหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของท่านพระอาจารย์มั่นเป็นประธานกระมัง?????
แต่...ก็ไม่ได้ตัดประเด็นที่ว่า พระอาจารย์มั่น ท่านมาด้วยทิพยสภาวะหรือ ธรรมธาตุ(จิตพระอรหันต์ที่ดับขันธ์ไปแล้ว) จริงๆ.!!??!! |
ราคาเปิดประมูล | 100 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 10 บาท |
วันเปิดประมูล | - 19 มิ.ย. 2556 - 21:49:02 น. |
วันปิดประมูล | - 22 มิ.ย. 2556 - 00:00:55 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | numpradee (4.9K)(2)
|